Album: จุติสถาน6
จุติสถาน 6 คือ สถานที่ดวงจิตละสังขารแล้วไปจุติทั้ง 6 ประเภท<br /> <br /> <br /> เมื่อสัตว์ (ชีวิตินทรีย์ที่มีจิต) ตายลงจิตดวงสุดท้ายในภพนั้นๆ เรียกว่า “จุติ จิต” คือ จิตที่จะเกิดการเคลื่อนออกจากร่างนั้นๆ ปกติแล้ว “จุติจิต” จะไม่เกิดขึ้นระหว่างยังมีชีวิตอยู่ เพราะชาติภพยังไม่หมดสิ้น อายุขัยยังไม่ดับ ดังนั้น ในกรณีของผู้ฝึก “มโนมยิทธิ” หรือกรณีตายแล้วฟื้นนั้น แท้แล้วจิตไม่ได้เคลื่อนออกจากกายเพื่อเข้าสู่ภพอื่นใด เพียงแต่จิตนั้นกำหนดจดจ่อการรับรู้ไปยังภพภูมิอื่น จึงได้รู้สึกเหมือนว่าตนเองไปยังภพนั้นๆ มาแล้ว ดังนั้น การกล่าวว่าถอดจิตหรือถอดกายทิพย์ไปยังภพอื่นๆ ได้ขณะยังมีชีวิตอยู่นั้นจึงไม่จริง เพียงแต่จิตกำหนดจดจ่อการรับรู้ไปเท่านั้นเอง จิตจะเคลื่อนออกจากกายสู่ภพใหม่ได้ก็ต่อเมื่อ “สิ้นชีวิต” และ “ชาติภพสิ้น” หรือ “อายุขัยหมด” เท่านั้นเอง ซึ่งก็ต้องตายสถานเดียว ในกรณีทางการแพทย์ที่ระบุว่า “ตายแล้วฟื้น” นั้น ปกติไม่มี “การตายแล้วฟื้น” เป็นเพียงการสูญสิ้นการทำงานของสังขาร แต่ “ขันธ์ห้ายังไม่ทันดับ” เท่านั้นเอง จิตที่หลงไปจดจ่อยังภพอื่น ไม่ยอมฟื้นในระหว่างนั้น ไม่ได้เคลื่อนออกจากกาย เพราะขันธ์ทั้งห้ายังไม่ดับสลายลง ดังนั้น บางท่านแม้ไม่หายใจ, หัวใจหยุดเต้นแล้วแต่ร่างกายยังไม่แข็ง ยังอ่อนนิ่มอยู่ ยังไม่ได้ดับขันธ์ห้า จิตจึงยังไม่เคลื่อนออกไปสู่ภพใหม่ จึงยังไม่ตาย ที่เรียกว่า “ลมหายใจสิ้นแต่ยังไม่สิ้นลมปราณ” นั่นเอง ตราบเมื่อขันธ์ทั้งห้าดับลง จิตเคลื่อนออกจากกายสู่ภพใหม่แล้วเท่านั้น จึงจะตายจริง และจิตไปยังภพอื่นอย่างแท้จริง การถอดกายทิพย์นั้น จิตไม่ได้เคลื่อนออกไป ไม่ใช่ “จุติจิต” เพียงแต่ทำสมาธิแล้วเพ่งสติกำหนดการรับรู้ไปยังภพภูมิอื่นๆ หากจิตไม่มีการปรุงแต่ง มีความบริสุทธิ์มาก จิตมีกำลังญาณสูง ก็สามารถรับรู้เรื่องราวของภพภูมิอื่นๆ ได้ไม่ยากนัก โดยอาจไม่มีนิมิต หรือไม่มี “กายทิพย์” ปรากฏให้เห็นในอีกภพหนึ่งก็ได้ สำหรับ “กายทิพย์” ที่ปรากฏในภพอื่นในขณะยังมีชีวิตอยู่ในภพโลกนั้น เรียกว่า “อมโนปฏิสนธิ” เกิดจากจิตที่มีกำลังจิตมาก เนรมิตกายอีกกายหนึ่งจาก “ขันธ์ห้า” ชุดใหม่ หรือนำขันธ์ห้าเพียงบางส่วนในกายตนออกไป (ถอดกายทิพย์) โดยที่ “จิตหลัก” ไม่ได้ถอดหรือเคลื่อนออกไปด้วย ลักษณะแบบนี้เรียกว่า “มโนมยิทธิ” คือ ความมีฤทธิ์ทางใจ ใช้จิตหลักที่ยังอยู่ในกายในภพโลก ควบคุมการแสดงออกของ “กายทิพย์” อีกกายหนึ
จัดการ