ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯ ขอโทษเงินเยียวยา 5,000 บาท ไม่ทั่วถึง เห็นใจทุกคน คิดทั้งวันทั้งคืน ขอให้ใช้เกิดประโยชน์กับครอบครัว ยอมรับงบกลางที่มีอยู่พอจ่ายแค่เดือนเดียว ที่เหลือรอ พ.ร.ก.กู้เงิน ส่วนต่อไปที่กำลังหารือช่วยเหลือ คือ เกษตรกร 17 ล้านคน

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000039287
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนูน้อยวัย 1 เดือนเป็นผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันไม่พบเชื้อแต่ยังต้องทานยาให้ครบ

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000039393
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โควิดพ่นพิษสหรัฐ 3 สัปดาห์ คนอเมริกันตกงานเกือบ 17 ล้านคน

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.เผย 18 เม.ย.นี้ คนกักตัวที่ฐานทัพเรือสัตหีบ หากตรวจไม่พบเชื้อให้กลับบ้านได้ แจง "เกาหลีใต้" เจอคนหายผตรวจเป็นบวกจำนวนมา ต้องศึกษาเพิ่มเป็นการติดซ้ำหรือซากเชื้อ ขณะที่ผู้ป่วยหญิงที่ลำปางรักษาหายแต่ตรวจเจอผลบวกซ้ำ อยู่ระหว่างรอผลตรวจว่าเป็นซากเชื้อหรือไม่

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000039327
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [ฐานข้อมูลใช้ไม่ได้เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูล แต่ไม่ควรผ่านนักการเมืองท้องถิ่น เพราะนักการเมืองก็คือนักการเมือง มีเจ้าหน้าที่รัฐอีกจำนวนมากที่จะเข้าไปสำรวจข้อมูลผู้ลงทะเบียนได้ ใช้พวกเขาสำรวจแทนก็ได้ ถ้าไม่ใช้ IT ตรวจสอบ

    แม่ค้าร่ำไห้ ขายของไม่ได้ แถมอดเงิน5พัน

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิชาการค้านแหลก รัฐกู้เงินสู้โควิด-19 เพราะสุดท้าย “ชนชั้นกลาง” ต้องแบกภาระใช้หนี้ จ่ายภาษีหนักอยู่ฝ่ายเดียว ชี้เป็นหนี้ได้แต่ต้องช่วยคนเดือดร้อนหนักสุดก่อน ไม่ใช่เน้นที่คนรวย

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "กาฝากใหญ่ ในมาตรการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านบาท"

    ในช่วง 25 ปีมานี้ประเทศไทยได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ละครั้งล้วนแต่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศบอบช้ำขนาดหนัก ทั้งคนรวยและคนจนต้องทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัส ประเทศชาติต้องรับภาระหนี้สินเกินตัวก้อนมหึมา ทำให้ลูกหลานต้องใช้หนี้ใช้สินกันไม่รู้จักหมดสิ้น
    .
    ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เรียกขานกันทั่วโลกว่าเป็น "วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง" ที่จริงวิกฤตในครั้งนั้นได้ก่อตัวมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งเกิดจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของรัฐบาลเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย 2-3 ชุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดพลาดที่ไม่อาจไปโทษใครได้ของธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งนั้นประเทศชาติมีหนี้ที่ต้องชดใช้ ซึ่งรวมถึงหนี้ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF หนี้ของธนาคารโลก (IBRD) หนี้ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) หนี้ของกองทุนเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเล (OECF) แห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น รวมหนี้สินทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าใดจำไม่ได้ แต่หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว 2 ปี ได้มีการรวบรวมความเสียหาย ปรากฏว่าเป็นเงินร่วม 2 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังใช้หนี้กันไม่หมด เหลือจำนวนหนี้ขณะนี้อีกประมาณ 800,000 ล้านบาท ที่มีระยะเวลาต้องชำระอีกประมาณ 15-20 ปี จึงจะหมดสิ้น
    .
    คนไทยที่ได้มีส่วนรู้เห็นและจำความได้ดี และบางท่านก็เคยมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งที่รุนแรงจนส่งผลกระทบกระฉ่อนไปทั่วโลกในครั้งนั้น แล้วมามีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศในช่วงที่เกิด "วิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19" ในขณะนี้ ซึ่งคนไทยทุกคนควรจะจดจำชื่อและหน้าตาไว้ให้ดี ได้แก่ ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน (ท่านชวน หลีกภัย) ในสมัยนั้นท่านเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้เกิดงูเห่าเป็นตัวเป็นตนจากพรรคประชากรไทย พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เป็นรัฐบาลเข้ามาแก้วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งตั้งแต่ปลายปี 2540 หลังไอเอ็มเอฟ (IMF) เข้ามาควบคุมการบริหารเศรษฐกิจของประเทศไทยใหม่ๆ บุคคลสำคัญคนต่อมาคือ ท่านนายกรัฐมนตรีที่คุมรัฐบาลผสมประชาธิปไตยไม่เต็มใบ (ท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) กับรองนายกรัฐมนตรีขณะนี้ทั้ง 4 ท่าน
    .
    บุคคลเหล่านี้ในขณะนี้ถือว่าเป็นนักการเมืองที่สำคัญ เป็นนักการเมืองที่มีส่วนร่วมอย่างชัดเจนในการสร้างหนี้สินประวัติศาสตร์แก่ประเทศในขณะนี้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหนี้สินก้อนมหึมานี้ลูกหลานจะต้องรับภาระชดใช้หนี้ไปอีกไม่น้อยกว่า 30 ปี
    .
    ดังนั้น หากการใช้เงินกู้ก้อนนี้ไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้มีการหาผลประโยชน์โดยนักการเมืองและข้าราชการได้มาก ก็จะเป็นตราบาปตลอดชีวิตของท่านผู้อาวุโสทั้งหลายไปจนวันตาย
    .
    ผู้ที่ต้องทำงานรับผิดชอบเต็มตัวในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 ในครั้งนี้ อาจจะถามว่าทำไมผมเน้นพูดถึงแต่เรื่องหนี้สินของ ประเทศ ทำไมไม่กล่าวถึงความดีที่ท่านได้เข้ามาแก้ผล กระทบต่อประชาชนที่ต้องทุกข์ระทมกันทั้งประเทศ ถ้าท่านเหล่านี้ไม่รับแก้ไขแล้วใครจะรับ ซึ่งวลีนี้ท่านผู้นำของรัฐบาลนี้ท่านพูดเป็นประจำ ซึ่งผมเห็นว่าท่านคิดหรือพูดกันแบบนี้ได้ เพราะท่านอาจไม่มีเวลามาคิดว่าอะไรคือความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
    .
    ขอให้สังเกตคำพูดของท่านในตอนนี้ให้ดี ท่านและลูกน้องของท่านมักจะอ้างอยู่ตลอดเวลาว่าประเทศอื่นเขาก็ทำแบบนี้ เขาก็ทุ่มทรัพยากรมหาศาลเพื่อนำมาแก้ปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจกันทั้งนั้น และเขาก็ต้องกู้เงินมาทำเช่นกัน แล้วเราทำบ้างจะผิดตรงไหน คำตอบของการกล่าวอ้างเช่นนี้ไม่มีผิดแน่นอนถ้าท่านบริหารเงินเป็น ทำอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้เงินกู้ที่นำมาใช้จ่ายอย่างมากมายนี้ไปถึงมือประชาชนผู้ได้รับชะตากรรมเท่านั้น โดยไม่ปล่อยให้มีการโกงกินจากเงิน 1.9 ล้านล้านบาทนี้เกิดขึ้น
    .
    วันที่ 7 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันสำคัญที่ประเทศไทยโดยรัฐบาลผสมภายใต้ประชาธิปไตยครึ่งใบ ได้มีมติชัดเจนให้ใช้มาตรการด้านการเงินการคลังเต็มชุดมาทำการเยียวยาคนจนที่ว่างงาน หรือที่โดนกระทบจากการทำงานรวมทั้งผู้มีอาชีพอิสระ รวมไปถึงธุรกิจเอกชนทั้งใหญ่และเล็กซึ่งให้ความสำคัญที่ SME ตลอดทั้งสถาบันการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ อันเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจนั้น ถือว่าได้มีมาตรการออกมาครอบคลุมหมด ภายในวงเงินที่ได้กำหนดไว้ 1.9 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 11.3% ของ GDP ปีที่แล้ว
    .
    ถ้าจะเทียบกับ GDP ปีนี้ที่ผมได้คำนวณตัวเลขและเขียนไว้ในบทความในมติชนเมื่อวันพุธที่ 8 เมษายน ในหัวข้อ "ความหายนะทางเศรษฐกิจจากโควิด-19" ว่าจะหดตัวต่ำกว่าปี 2562 ถึงประมาณ -18% ตัวเลข GDP ปี 2563 ที่จะเห็นน่าจะเท่ากับประมาณ 13.8 ล้านล้านบาทเท่านั้นเอง ดังนั้น มาตรการวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลได้เคาะออกมาจะเท่ากับประมาณ 14% ของ GDP ถือว่าไม่น้อยเลย
    .
    อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลได้มีมติเมื่อ 7 เมษายน อนุมัติมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจยกแผงแล้ว ฟังจากข่าวต่างๆ รวมทั้งข่าวที่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่บริหารประเทศได้ชี้แจง สรุปสาระได้ดังนี้
    .
    1.มาตรการด้านการคลัง ได้กำหนดออกมาชัดเจนว่า เงินที่จะนำมาใช้จะมาจากการตัดทอนจากงบประมาณปี 2563 นี้ส่วนหนึ่ง และส่วนใหญ่จะมีการออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่เป็นเงินกู้ภายในประเทศก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเงินกู้ก้อนใหญ่นี้จะนำไปแก้ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากไวรัส โควิด-19 ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน
    .
    ส่วนแรก 600,000 ล้านบาท รัฐบาลได้กำหนดให้ใช้เพื่อการเยียวยาประชาชนระดับล่าง 4-5 กลุ่ม เป็นหลัก ส่วนเกษตรกรก็จะดูแลเป็นรายครัวเรือน ซึ่งเข้าใจว่ารัฐมีข้อมูลค่อนข้างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม งบเยียวยานี้เชื่อได้ว่าจะมีปัญหาคนจนที่ตกหล่นไม่ได้รับส่วนบุญนี้อีกจำนวนมาก จากข่าวที่พรั่งพรูออกมาในเรื่องแจกเงิน 5,000 บาทนี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่าขั้นตอนในการที่ต้องให้ชาวบ้านกรอกข้อมูลผ่านแอพพ์ (Application) ของทางการนั้นมีมากมาย เช่น ต้องกรอกข้อมูลถึง 22 ข้อ เป็นต้น
    .
    พวกนักวิชาการในสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่ดูแลเรื่องแจกเงินนี้ ผมรู้ดีว่าส่วนใหญ่ไม่เคยพบกับความจน อาจจะมีที่จนบ้างแต่ก็ไร้เดียงสาเกินไป ไม่รู้ว่าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำนั้นเขาใช้แอพพ์ในมือถือได้สักกี่คน ยิ่งคนมีอายุหน่อยก็บอดสนิทเลย เขาอยากได้เงินแต่ที่ทำได้ตอนนี้ก็ได้แค่เต้นและร้องปาวๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวกตัว
    .
    ส่วนผู้มีอำนาจในมือก็เอาแต่ขู่ประชาชนจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในรอบปีที่ผ่านมาได้แค่ขู่มากกว่าครึ่งปีแล้ว น่าสงสารมากที่มีทั้งอำนาจ มีความคิดที่จะหาเงินก้อนใหญ่มาช่วยประชาชน แต่การที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งมาเลยนั้น ทำอะไรให้ถูกใจคนจนบ้าง หาดู แทบไม่ได้เลย
    .

    ส่วนที่สอง จำนวน 400,000 ล้านบาท งบส่วนนี้น่าสนใจมาก ขอให้ท่านผู้อ่านดูความเคลื่อนไหวอย่ากะพริบตา ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้ใช้เงินไปในการดูแลสนับสนุนเศรษฐกิจในต่างจังหวัด สร้างความเข้มแข็งในชุมชน สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับพื้นที่ ขณะนี้เป็นแต่กรอบวงเงินที่กำหนดไว้กว้างๆ แต่ละกระทรวงต้องเสนอโครงการเข้ามาให้คณะกรรมการกลั่นกรองชื่ออะไรยังไม่ทราบเป็นผู้พิจารณา ทราบแต่ว่าคณะกรรมการชุดนี้มีปลัดกระทรวงการคลังที่จะเกษียณอายุในอีก 5 เดือนข้างหน้าเป็นประธาน ซึ่งผู้ที่คุ้นเคยกันหลายท่านคิดว่าท่านจะทำงานโชว์ฝีมือทิ้งทวนให้เห็นในเที่ยวนี้ เมื่อคณะกรรมการชุดนี้พิจารณาแล้วก็ต้องนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติจึงจะได้เงิน
    .
    ฟังดูดีไหมครับ ฟังครั้งแรกรู้ได้ทันทีว่าจะจัดสรรให้ทั่วทุกกระทรวงและจะปฏิบัติตามขั้นตอนราชการทั่วไป สิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ก็คือว่า ไม่รู้ว่าจะนำเงินไปทำอะไรที่ไหน เมื่อไหร่จะได้ใช้ ฟังน้ำเสียงของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ให้สัมภาษณ์หลังจาก ครม.ได้มีมติเห็นชอบในเรื่องนี้จับความได้ว่า จะพยายามเน้นใช้เงินโดยเร็วในเรื่องการจ้างงาน ในเรื่องการอบรมเพิ่มทักษะให้กับข้าราชการและประชาชนในระดับพื้นที่ในต่างจังหวัดทั่วทุกภาค บลา บลา บลา
    .
    เมื่อฟังๆ ดูทั้งหมดก็สรุปได้ว่า วิธีการพิจารณานำเงินไปใช้ต้องเริ่มจากรูปแบบ ก.เอ๋ย ก.ไก่ เหมือนวิธีปฏิบัติงานในเรื่องใช้เงินงบประมาณที่มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนั้นเอง มันก็จะเกิดความล่าช้า ซ้ำซ้อน อืดอาด อะไรต่อมิอะไรตามมาอีกมากมาย เมื่อชักช้ามันก็จะซ้ำซ้อนกับงบประมาณประจำปี 2564 ที่กำลังจัดทำให้ใช้ได้ในเดือนตุลาคม 2563 นี้ ดังนั้น เมื่อมีการจัดงบ 400,000 ล้านบาทนี้ควบเข้ามาด้วย รับรองว่าจะทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน (Turmoil) ในหน่วยงาน ผู้ปฏิบัติ คิดได้อย่างไรไม่ทราบ
    .
    สิ่งที่สังคมทั่วไป รวมทั้งองค์กรปราบคอร์รัปชั่นตั้งคำถามขึ้นมาแล้วคือ โครงการที่มาจาก พ.ร.ก.ที่จะใช้เงินให้รวดเร็วนี้ จะจัดการและควบคุมดูแลให้เกิดความโปร่งใส (Transparency) และความรับผิดชอบ (Accountability) ได้อย่างไร ซึ่งก็คือความเป็นห่วง หรือการติงไว้ล่วงหน้านั่นเอง
    .
    คนอื่นจะฟังได้เรื่องอย่างไรผมไม่อยากจะเดา แต่สำหรับผมนั้นได้เห็นความไม่ได้เรื่องได้ราวตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแล้วครับ เมื่อพิจารณาจากการให้สัมภาษณ์ของท่านรัฐมนตรีคลังให้ถ่องแท้อีกครั้ง ผมก็ถึงบางอ้อทันทีว่า การกำหนดการใช้เงินจำนวนถึง 400,000 ล้านบาท ที่จะออกมาใน พ.ร.ก.นี้มันช่างเหมือน "โครงการเงินผัน" สมัยพรรคกิจสังคมที่ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี เสียเหลือเกิน ความจริงเป็นเรื่องประมาณ 45 ปีมาแล้ว ก็จะขอเล่าให้ฟังว่าโครงการเงินผันนี้นอกจากได้การจ้างงาน ได้เพิ่มการบริโภคและเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจในสมัยนั้นแล้ว ยังทำให้พรรคกิจสังคมซึ่งเป็นพรรคเล็กสามารถดำรงเป็นพรรคนำรัฐบาลในการบริหารประเทศไปได้สักพักใหญ่ ทั้งนี้ ใครๆ ก็คงรู้กันดีว่า นักการเมืองของไทยนั้นส่วนใหญ่จะยอมกันได้หากท้องไส้ไม่ว่าง
    .
    ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่มติ ครม.ออกมานั้น ตอนนี้จะเห็นความคึกคักกระดี๊กระด๊าของเสนาบดีและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลอย่างเงียบๆ แล้ว มองดีๆ จะเห็นแรงกระเพื่อมปุดๆ ทางการเมืองของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายเริ่มขึ้นแล้ว แรงกระเพื่อมนี้อาจมาจากความระแวงว่าพรรคใหญ่คือ พปชร. จะเป็นพระเอกกินกลางตลอดตัวแต่ผู้เดียว และอาจเกิดจากความคิดที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแบ่งเค้กของพรรคร่วมทั้งหลาย เพื่อจะได้ลิ้มลองให้มากที่สุด และเมื่อมีแรงกระเพื่อมแต่ท่าทางจะไม่ได้ดังใจก็ต้องมีความพยายามที่จะเอาให้ได้ตามสามัญสำนึกของนักการเมืองไทย
    .
    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนต่างก็รู้ว่า การออกเป็น พ.ร.ก.หรือพระราชกำหนดนี้ ตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ชัดเจนว่าต้องมีการนำเสนอให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเร็ววัน นับจากวันที่ พ.ร.ก.มีผลบังคับใช้ ซึ่งตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในมาตรา 172 หาก พ.ร.ก.ไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเมื่อใด โดยนัยคณะรัฐมนตรีต้องออกทั้งชุด หรือไม่ก็ต้องยุบสภา วุฒิสภาจะช่วยอะไรไม่ได้นะครับ ทั้งนี้ เป็นไปตามประเพณีการปฏิบัติของรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งทุกสมัย นับตั้งแต่สมัยที่ท่านควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น การยกมือในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.2-3 ฉบับที่เกี่ยวกับการเงินที่เพิ่งออกมานี้ จะมีค่าเหลือหลายทีเดียวสำหรับท่าน ส.ส.ทั้งหลาย
    .
    ตามที่ได้เจาะส่วนลึกของผู้วางแผนกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ว่าจะใช้เงินกันอย่างไรแล้ว ท่านผู้อ่านจะคิดอย่างไรสุดแท้แต่ สำหรับผมมองเห็นเค้าลางที่ชัดเจนว่าผู้ขบคิดการใช้เงินกู้ส่วนที่สองจำนวน 400,000 ล้านบาทนี้ คงคิดเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสอย่างเจิดจ้าทางการเมืองอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าได้ไปศึกษากลยุทธ์ "โครงการเงินผัน" แต่ใดมา จึงวางกรอบจัดเงินกู้ส่วนที่สองนี้ให้เป็นเนื้ออันโอชะทางการเมือง เพื่อที่จะได้อยู่กันต่อไปอีกนานๆ
    .
    ใคร่ขอถือโอกาสนี้เสนอแนะให้ยกเลิกส่วนที่สองนี้ไปเถอะ วงเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ขอให้เหลือแค่ส่วนแรกก็พอ การจะเน้นการจ้างงานทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ขอให้คิดใหม่ โครงการที่ดีต้องใช้เวลาคิดและวิเคราะห์ให้รอบคอบอย่างน้อย 2-3 เดือน คิดมาเถอะ แต่เมื่อได้โครงการดีๆ มาแล้วก็ควรนำไปเพิ่มเติมในงบประมาณประจำปี 2564 ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการจัดทำอยู่ โดยจะเพิ่มวงเงินงบรายจ่ายจาก 3.3 ล้านล้านบาท เป็น 3.5 ล้านล้านบาท ก็ยังได้ และจะสามารถใช้งบได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เพราะยังไงเสียก็จำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในงบประมาณปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาทอยู่แล้ว
    .
    2.มาตรการด้านการเงิน มาตรการนี้มีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้คิดและนำออกมาให้รัฐบาลพิจารณาออกเป็นพระราชกำหนดเพื่อให้อำนาจดำเนินการ ข้อเสนอมี 2 เรื่อง ดังนี้
    .
    ประการแรก ออก พ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท.ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 500,000 ล้านบาท ให้แก่ ธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ให้แก่ SME เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง มาตรการนี้ดีมาก แต่คิดว่าวงเงินอาจจะน้อยไป น่าจะเพิ่มอีกสัก 50% จึงจะเสริมความต้องการของ SME ได้ทั่วถึง
    .
    ประการที่สอง ออก พ.ร.ก.ให้ ธปท.จัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่อง เพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund-BSF) โดยให้ ธปท.สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุน ดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้มีการระดมทุนในการออกตราสารหนี้ในตลาดแรกเป็นไปตามปกติ โดยกองทุนจะเข้าไปซื้อตราสารหนี้ของหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับเครดิตที่มีคุณภาพอยู่ในระดับลงทุนได้ (Investment Grade)
    .
    ในปีนี้หุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวในตลาดตราสารหนี้มีมูลค่าคงค้าง ณ 30 มีนาคม 2563 จำนวน 3.71 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 22% ของ GDP และในจำนวนนี้มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจากนี้ถึง 30 ธันวาคม 2563 เป็นจำนวนถึง 486,000 ล้านบาท โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ AAA ลงไปจนถึง BB และบางส่วนไม่มีอันดับเครดิต ซึ่งประเภทจาก BB ลงมาถือเป็นประเภทต่ำกว่าระดับที่จะลงทุนได้ ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวนประมาณ 34,500 ล้านบาท หรือ 7% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนทั้งหมดเท่านั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม การที่มีการเกรงว่าภาวะวิกฤตครั้งนี้จะทำให้เอกชนผู้ออกหุ้นกู้บางรายไม่สามารถหาเงินไปไถ่ถอนหุ้นกู้ของตนได้นั้น เพราะปีนี้ธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ได้รับผลกระทบหมด และเกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้น การที่ ธปท.จะจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องเข้าไปช่วยซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนเช่นนี้ จะเป็นการช่วยทั้งการเสริมสภาพคล่องและการรักษาตลาดตราสารหนี้ของไทยที่มีทั้งตราสารหนี้ของกระทรวงการคลัง ของ ธปท. และของธุรกิจเอกชน ซึ่งมีมูลค่าตลาดถึงประมาณ 80% ของ GDP หรือมีมูลค่า 13.70 ล้านล้านบาท ที่ขยายตัวมาได้อย่างต่อเนื่อง สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
    .
    เรื่องที่ ธปท.ตัดสินใจเข้ามาเล่นบทบาทนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากในหมู่กูรูการเงินและการคลังของไทย ฝ่ายไม่เห็นด้วยบอกว่าผิดหลักการที่ ธปท.ซึ่งเป็นธนาคารกลางจะเข้ามาเล่นเอง บางท่านได้เสนอว่า ถ้าจะเข้าไปช่วยแบบนี้ควรให้แบงก์ของรัฐอื่น เช่น ธนาคารออมสิน เป็นผู้เข้าไปเล่น ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะตลาดหุ้นกู้ของเอกชนของไทยขณะนี้ใหญ่มาก และสถานการณ์ที่กระทบกับด้านเศรษฐกิจและการเงินครั้งนี้ใหญ่และรุนแรงมาก สมควรที่ ธปท.จะเข้าไปดับไฟแต่ต้นลม ซึ่งวิธีการแบบนี้ในต่างประเทศ ไม่ว่าสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรปต่างก็ทำกันมามากแล้ว
    .
    ผมนั่งฟังข้อโต้แย้งของผู้รู้ระดับประเทศมา 2-3 วันแล้ว เห็นว่า ถ้าท่านได้รู้วิธีปฏิบัติในเรื่องการออกหุ้นกู้ของธุรกิจเอกชนเพื่อหาเงินมาไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทนั้น ถ้าเป็นหุ้นกู้ที่อยู่ในตลาดตราสารหนี้ เขาจะมีวิธีปฏิบัติที่ได้มาตรฐานสากลดีมาก
    .
    ก่อนจะออกหุ้นกู้ใหม่ ทุกรายต้องไปหาบริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารพาณิชย์ ที่จะสามารถเป็นผู้จัดการจัดจำหน่าย (Underwriter) ที่มีใบอนุญาตให้ทำได้มารับทำ โดยจะต้องไปพูดคุยในรายละเอียดทุกอย่าง (Terms and Conditions) ของหุ้นกู้ที่บริษัทนั้นๆ จะออก เมื่อชัดเจน ผู้ที่เป็น Underwriter ก็จะทำการ สำรวจหาราคา (Book Building) เพื่อให้ได้อัตราคูปอง (Coupon Rate) ซึ่งมีวิธีการที่ละเอียดและชัดเจน ได้อัตราคูปอง ซึ่งจะเป็นอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็มีการทดสอบขยับอัตราคูปองขึ้นลง เพื่อดูว่าจะมีนักลงทุนจะเข้ามาเสนอซื้อแค่ไหน
    .
    ส่วนการเข้ามาของ ธปท.ที่จะใช้กองทุนเสริมสภาพคล่องมาซื้อนั้นก็ต่อเมื่อผ่านขั้นตอนของ Book Building แล้ว รายใดไม่มีผู้เสนอซื้อมากพอตามวงเงินของหุ้นกู้ก็จะไปขอให้ ธปท.มาช่วยซื้อ การพิจารณาของ ธปท.ว่าจะซื้อรายใด แค่ไหน เท่าไหร่นั้น เข้าใจว่า ธปท.จะต้องตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญมาดูอย่างรอบคอบ และที่สำคัญทราบว่า ธปท.ได้วางกฎเกณฑ์ปิดความเสี่ยงไว้แล้ว โดยจะเข้าไปซื้อเสริมสภาพคล่องเฉพาะรายที่สามารถหาผู้ลงทุนมาซื้อได้ไม่น้อยกว่าครึ่งของความต้องการแล้ว
    .

    ความเห็นของผมเมื่อดูตามท้องเรื่องแล้ว เชื่อได้ว่ามาตรการการเข้ามาช่วยซื้อหุ้นกู้เอกชนที่มีทีท่าว่าจะมีปัญหาในระดับชาติเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ขึ้นมาในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่เหมาะสมและชอบธรรมของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว
    .
    นอกจากนี้ทาง ธปท.ยังมีมาตรการที่จะลดอัตราการเก็บเงินจากธนาคารพาณิชย์ในอัตรา 0.46% ของยอดเงินฝาก เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกันเงินฝากโดยรวม ลงครึ่งหนึ่งเหลือในอัตรา 0.23% ในปี 2563 และ 2564 เรื่องนี้เข้าใจว่าอยู่ในอำนาจของ ธปท.เอง ก็จะมีส่วนช่วยลดภาระด้านต้นทุนและการเงินของธนาคารพาณิชย์ลงโดยตรง น่าจะมีส่วนในการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่ให้กู้แก่ประชาชนและธุรกิจได้บ้าง
    .
    กล่าวมาเสียยืดยาวเพราะมาตรการที่รัฐบาลได้คิดนำเสนอเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 ครั้งนี้ จะใช้เงินถึง 1.9 ล้านล้านบาท ก็จำเป็นต้องมองกันให้ลึกซึ้งในทุกด้าน และเมื่อเทียบเคียงกับประเทศอื่นๆ แล้ว แต่ละประเทศต่างก็ต้องทุ่มทรัพยากรมากมายด้วยกันทั้งนั้น น่าจะอ้างอิงกันไปได้
    .
    แต่สำหรับของประเทศไทย ที่น่าเกลียดมีอยู่อย่างเดียว คือมีการตั้งงบกาฝากเพื่อความยั่งยืนทางการเมืองแถมมาอีกด้วย ตั้ง 400,000 ล้านบาทเชียวละ.

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!! ราคาน้ำมันดิ่งอย่างรุนแรงอีกครั้ง (-9.42%) ลงแตะจุดต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี เหมือนเดิม โดยมีหลายประเด็นที่กดดันราคาน้ำมันยังคงดิ่งอยู่

    ที่สำคัญกว่าคือ ระวังหลุดแนวต้านสำคัญ ช่วงประมาณ $20

    อ่านกันๆ (ช่วงท้าย พีคมาก): https://www.blockdit.com/articles/5e95f76dc2b379188fab5503

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลองมาสรุปอัพเดทข่าวทั่วโลกคืนนี้และวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกไปด้วยกันนะครับ

    เรามีข่าวร้ายและข่าวดี 2 อย่างในคืนนี้

    ❌ ข่าวร้าย - ตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกกำลังจะแตะ 2 ล้านคนในคืนนี้

    ✅ ข่าวดี - อัตราผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากหลักแสนลงมาเหลือ 7 หมื่นต่อวันแล้ว

    คำถามต่อไปที่ตลาดกำลังพยายามจะหาคำตอบคือ #ประเทศไหนกำลังจะกลับมาเปิดประเทศเมื่อไหร่บ้าง ?

    เพราะเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวได้มากแค่ไหน การใช้น้ำมันจะกลับมาเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าประเทศต่างๆจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้นเมื่อไหร่ ? โดยตอนนี้กำลังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลก

    IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ออกมารายงานในคืนนี้ว่าการปิดประเทศเก็บตัวอยู่บ้านทั่วโลกหรือ “The Great Lockdown”นั้น จะทำให้ #เศรษฐกิจโลกหดตัวมากที่สุดในรอบ 100 ปี ! ผลกระทบนั้นจะเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ The Great Depression ครั้งก่อนในปี 1930s

    Recession กับ Depression นั้นต่างกันอย่างไร ?

    Economic Recession = ภาวะเศรษฐกิจถดถอย นั้นเกิดขึ้นเมื่อ GDP ติดลบอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ไตรมาสติดต่อกัน

    Economic Depression = ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดขึ้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจนั้น GDP ติดลบยาวมากกว่า Recession เป็นปีๆ และผลกระทบนั้นหนักกว่าเพราะหลายครั้งที่เกิดขึ้นนั้น GDP อาจติดลบถึง 2 หลักหรือมากกว่า -10% เลยทีเดียว

    ปีนี้จะเกิด Depression ขึ้นหรือไม่ ?

    ในขณะนี้ยังไม่มีใครมองว่าจะเกิดขึ้น ถ้าทุกๆประเทศกลับมาเปิดประเทศได้ตามกำหนดและยังไม่เกิดวิกฤตคลื่นการผิดชำระหนี้

    แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องหนี้เสียลูกโซ่เกิดขึ้นนั้น มีโอกาสสูงที่จะเกิด Depression เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกนั้นแทบจะต่ำติดดินจนยากที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดแล้ว

    IMF มอง GDP ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?

    เมื่อ 3 เดือนก่อนนั้นทาง IMF ได้มองว่าแต่ปีนี้โลกเราจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ +3.3% แต่ไวรัส Covid-19 นั้นใช้เวลาเพียง 3 เดือนทำให้ตัวเลขนั้นกลับจากบวกเป็นลบ

    โดยทาง IMF นั้นได้ออกมาปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP กลายเป็น -3% แทนในปีนี้ หากเป็นจริงจะเป็นการหดตัวที่รุนแรงกว่าวิกฤต Subprime ในปี 2008 อีก

    และที่แย่กว่านั้นคือ... มีนักวิเคราะห์หลายๆสำนักนั้นมองตัวเลขไว้แย่กว่าทาง IMF อีก โดยตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยที่เราเห็นนั้นอยู่ที่ประมาณลบ 3-5% ทำให้ตัวเลขของ IMF นั้นถือว่าค่อนข้างมองโลกในแง่ดีแล้วทีเดียว

    ทาง Goldman Sachs ออกมากล่าวว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ ที่ผลกระทบไวรัสน่าจะหนักสุดเหล่าประเทศที่โดนไวรัสกระทบนั้นจะมี GDP ติดลบในไตรมาสนี้สูงถึง -35% เลยทีเดียว !

    Gita Gopinath หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวว่า “วิกฤตครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะเรายังไม่มั่นใจกับตัวเลขมากเท่าไหร่เลย ผลกระทบนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ยังมีความไม่แน่นอนด้านระยะเวลาอีกมาก #ความยากของการวิเคราะห์นั้นคล้ายกับว่าเรากำลังอยู่ในสงครามเลยทีเดียว

    IMF ยังมองว่า GDP ปีหน้าจะดีดขึ้น +5.8%

    เหตุผลเดียวที่ GDP ปีหน้าอาจจะกลับมาโตสูงสุดในรอบ 40 ปีนั้นก็เพราะว่าตัวเลขฐานของปีนี้จะต่ำมาก ทำให้การโตของปีหน้านั้นดูสูง แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าตัวเลขของทาง IMF นั้นค่อนข้างจะมองโลกในแง่สดใส และการโตจะกลับมาเป็นปกติภายในปลายปีนี้

    #ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยนะครับ แต่ทางนักวิเคราะห์ของ IMF เองก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าทางเขาก็ไม่มั่นใจกับตัวเลขชุดนี้เท่าไหร่

    IMF จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไหม

    ทาง IMF นั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่าถ้าประเทศไหนยังไม่สามารถกลับมาเปิดประเทศเป็นปกติได้นั้น กำลังจะมีหลายๆธุรกิจที่ต้องล้ม มีประชาชนหลายๆคนที่ไม่มีรายได้ หลายประเทศจะต้องการความช่วยเหลือทางการเงินแน่ๆ

    ทาง IMF จึงกำลังจัดเตรียมเงินกู้ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐออกมาเพื่อช่วยประครองเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก

    แล้วความคืบหน้าของการเปิดประเทศต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง ?

    ทาง ฝรั่งเศสและ อินเดียนั้นได้ออกมาประกาศเลื่อนการปิดประเทศและการปิดเมืองออกไปแล้ววันนี้

    ทางประเทศ ออสเตรียเริ่มทยอยให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้นแล้ว

    แต่ประเทศเหล่านี้ไม่ใช่ประเทศที่น่าจับตามองที่สุดครับ สหรัฐคือประเทศที่ทุกๆสายตาทั่วโลกกำลังจดจ้องในฐานะที่เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจกว่า 1/4 ของโลกและกำลังมีปัญหาผู้ติดเชื้อมากที่สุดเช่นกัน

    สหรัฐจะเปิดประเทศในเดือนหน้าตามกำหนดไหม ?

    ทางด้านประธานาธิบดีทรัมป์ยังให้ความเห็นว่าอยากจะกลับมาเปิดตามกำหนด แต่ก็รอเรียกประชุมหารือกับผู้นำธุรกิจต่างๆ + ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข + ผู้ว่าการรัฐต่างๆก่อน เพื่อที่จะได้ชั่งน้ำหนักระหว่างผลกระทบของ #การปิดประเทศต่อเศรษฐกิจ และผลกระทบของ #การเปิดประเทศต่อการระบาดของเชื้อ ว่าอย่างไหนมีผลกระทบโดยรวมที่แย่กว่ากันจะได้ตัดสินใจได้ถูก

    โดยเมื่อคืนนี้ได้มี #ประเด็นดราม่า เกิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อ ทรัมป์ได้ออกมาทวีตว่าอำนาจในการพิจารณาการเปิดประเทศและธุรกิจให้กลับไปดำเนินตามปกตินั้นขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีและรัฐบาลกลาง (ตัวเขาเอง) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ว่าการรัฐต่างๆ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะเมื่อเกิดเหตุไวรัสระบาดและทรัมป์ยังไม่ออกคำสั่งป้องกันการระบาดต่างๆ ผู้ว่าการรัฐเหล่านี้กลับเป็นคนออกคำสั่งเองก่อนเพื่อช่วยลดผลกระทบของทุกวันนี้ลงมาได้

    ตัวเลขการระบาดของสหรัฐนั้นดูดีขึ้นมากในคืนนี้การระบาดยังอยู่ต่ำกว่า 30,000 คนมาโดยตลอด และอัตราการทดสอบกำลังทำได้สูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งถือเป็นข่าวดี

    เมื่อสอบถามความเห็นของบุคคล 2 คนที่ผมให้ความเคารพในมุมมองและข้อมูลของเขา

    1️⃣ นาย Andrew Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้แถลงวันนี้ว่าเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องแล้วจริงๆ แต่ถ้าถามเขา เขาจะไม่อยากให้เปิดเมืองโดยเร็ว

    2️⃣ ดร. แอนโทนี่ เฟาซี (Dr. Anthony Fauci) ผู้นำการวิจัยโรคติดเชื้อที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) บอกว่าเขาขอดูตัวเลขในสัปดาห์นี้ก่อน ถ้าทุกอย่างยังนิ่งอย่างที่ผ่านมาในอาทิตย์นี้ เขาอาจจะโหวตเห็นด้วยกับการให้ธุรกิจกลับมาดำเนินได้ตามปกติ แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังและเคร่งครัดอยู่

    สรุปมุมองของเศรษฐกิจโลก

    ทางเรายังเชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆเช่นเคยอย่างที่มองไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้วและกำลังจับตามองตัวเลขทั้งหมดอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีวัคซีนเร็วๆนี้และการกลับมาใช้ชีวิตนั้นจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็เชื่อว่าจุดที่แย่ที่สุดนั้นได้ถูกรับรู้ไปแล้ว

    อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทราบถึงอนาคตได้ทุกเรื่องทุกมุม จึงแนะนำให้มาติดตามการวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดไปกับเราครับ หากเมื่อไหร่มีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงทุกท่านจะใดไม่พลาดข้อมูลที่สำคัญในตลาด แนะนำให้กด Like ที่โพสต์บ่อยๆหรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด

    ท่านใดมีมุมมองที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไรก็ลองรบกวนแชร์กันเข้ามาได้เลยนะครับ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ด่วนนน ⚠️ ซาอุออกมายืนยันว่าเดือนหน้าจะเริ่มลดกำลังการผลิตแน่ๆ แต่... ก่อนจะจบเดือนนี้ขอปั๊มออกมาขายเต็มที่ !

    #อิหยังวะ... ราคาน้ำมันดิบร่วงระนาวคืนนี้ Brent โดนเทขายลงมาทดสอบแนวรับที่ 30 เหรียญ หลังซาอุดิอาระเบียออกมาประกาศว่าจะเค้นการผลิตน้ำมันออกมาทุกหยดก่อนในเดือนนี้ ! ยังเหลืออีกกว่าครึ่งเดือนกว่าจะจบเดือนเมษานี้นะครับ

    รมว.กระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียเจ้าชาย Abdulaziz bin Salman ได้ออกมาให้สัมภาษณ์คืนนี้ว่า "สัญญาการลดกำลังการผลิตนั้นคือเดือนหน้า... เพราะฉะนั้นในเดือนนี้เรายังจะเดินหน้าผลิตน้ำมันอย่างเต็มที่ไปก่อน"

    หลังจากทางเราพยายามหาข้อมูลเพิ่มขึ้น จึงเข้าใจว่าทางซาอุนั้นได้ทำการขายน้ำมันล่วงหน้า ส่งมอบในเดือนนี้ไปด้วยกำลังการผลิตเต็มที่แล้ว ทำให้ยังมีลูกค้ามารอรับน้ำมันไปเข้าถังอยู่จึงไม่สามารถถอนตัวจากข้อตกลงเหล่านั้นได้ ทำให้ต้องผลิตเต็มที่ในเดือนนี้เพื่อส่งมอบตามสัญญาไปก่อน

    อย่างที่เราบอกครับ #วันที่และระยะเวลาของการเริ่มสัญญาการลดการผลิต นั้นสำคัญจริงๆ ! และเรายังต้องติดตามว่าประเทศต่างๆจะลดกำลังการผลิตอย่างจริงจังหรือไม่ในเดือนหน้า

    กรอบราคาน้ำมันฺBrent ที่ 30-35 เหรียญยังใช้ได้อยู่ไหม ?

    ทางเพจยังเชื่อว่าใช้ได้อยู่นะครับ ตราบใดที่การเปิดเมืองเปิดประเทศไม่ได้ดีเลย์ไปมากกว่าที่คิด รอฟังทรัมป์แถลงใน 1-2 วันนี้ว่าจะทำการประกาศออกมาว่าอย่างไร

    แต่ผมอยากให้ทุกคนใช้กรอบนี้กับราคา Brent เดือน July มากกว่า (สัญญาที่เริ่มมาเป็นเดือนแรกวันที่ 1 พ.ค. หลังโอเปกลดการผลิต) เพราะวันที่ทางโอเปกประชุมจบ เราได้เขียนวิเคราะห์ไว้แล้วว่า เรากลัวน้ำมันดิบสัญญาเดือนต้นที่จะหมดอายุก่อนโอเปกเริ่มลดการผลิตมากๆ เพราะกลัวเหตุการณ์อย่างวันนี้ที่ผู้ผลิตยังจะผลิตเต็มที่จนถึงสิ้นเดือนอยู่เข้ามากดดันได้ (ลองดูรายละเอียดที่เราเขียนไว้ในบทความเก่าไว้ในคอมเม้นท์ได้เลยครับ)

    ⛔️ มาติดตามข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงทีกับเราได้ แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆที่ทันตลาดนะครับ ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โฆษก ศบค.แถลงลุยตรวจเชื้อโควิด-19 เชิงรุก กทม. ยก ปชช.ร่วมมือดี ทำตัวเลข 15 เม.ย.ไม่เลวร้ายเหมือนที่คาดการณ์ไว้ เผยปทุมธานีแหกกฎเคอร์ฟิวมากสุด แจงดูแลคนไทยเท่าเทียม ชี้ ศก.หนักกว่าต้มยำกุ้ง ให้ใช้สติแก้ปัญหา

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000039263
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนอนุมัติ ให้ทดสอบวัคซีน 2 แบบ ในมนุษย์
    .
    1/ รัฐบาลจีนอนุมัติการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 เป็นวัคซีนแบบเชื้อตาย (Inactivated Vaccine) ซึ่งจะเป็นการทดสอบขั้นแรกในมนุษย์
    .
    2/ การทดสอบจะเป็นไปเพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีน 2 แบบ ซึ่งคิดค้นโดยบริษัทในประเทศจีน
    .
    3/ วัคซีนแบบที่ 1 พัฒนาโดย ซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทวิจัยด้านชีวเภสัชภัณฑ์ สำนักงานอยู่ที่กรุงปักกิ่ง
    .
    4/ และวัคซีนแบบที่ 2 พัฒนาโดย สถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพแห่งเมืองอู่ฮั่น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในเครือกลุ่มบริษัทเภสัชภัณฑ์แห่งชาติ
    .
    5/ เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลจีนเพิ่งอนุมัติการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์
    .
    6/ ครั้งนั้น เป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารแห่งชาติ ร่วมกับบริษัทแคนซิโนไบโอ ของฮ่องกง
    .
    7/ ขณะที่ สถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐฯ และในอีกหลายประเทศ กำลังเดินหน้าพัฒนาและทดสอบวัคซีนป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 เช่นกัน
    .

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำอาเซียน + จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประชุมสุดยอดออนไลน์ สู้วิกฤตโควิด-19
    .
    1/ วันนี้ (14 เมษายน) ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ในฐานะประเทศประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – อาเซียน เปิดการประชุมสุดยอดวาระพิเศษ อาเซียน+3
    .
    2/ การประชุมครั้งนี้ ดำเนินไปด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอเรเรนซ์ มีผู้เข้าร่วมประชุมคือ ผู้นำ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมกับ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
    .
    3/ นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชีวิตประชาชน เศรษฐกิจ และความมั่นคงทางสังคมในอาเซียน
    .
    4/ มีการเสนอจากที่ประชุมให้ตั้งกองทุนฉุกเฉิน เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการส่งออกของภูมิภาคอาเซียน
    .
    5/ อีกหนึ่งประเด็นที่มีการเสนอขึ้นมาคือ ให้เปิดเส้นทางเฉพาะการค้า ที่ตอนนี้ถูกปิด เพื่อคุ้มครองแรงงาน และการจัดส่งอาหาร
    .
    6/ ทั้ง 13 ประเทศเห็นพ้องให้ทุกประเทศเพิ่มอุปกรณ์การแพทย์ในคลังให้เพียงพอ
    .
    ขอบคุณภาพจาก

    .

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [แกนกลางโลกรั่วไหลมีสิทธิกลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก]

    แบ่งปันจาก มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

    นักวิจัยพบว่าการระเบิดของภูเขาไฟทำให้แกนกลางของโลกรั่วและพ่นลาวาที่อุดมด้วยธาตุเหล็กออกมามาก

    -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

    ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นของการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสมันจะเป็นการดีมากถ้าอย่างน้อยเราก็สามารถอยู่อาศัยบนความแข็งแกร่งของโลกได้ แต่การศึกษาใหม่ซึ่งพบว่าชั้นในของดาวเคราะห์ของเรากำลังปล่อยวัสดุโลหะออกมา
    แกนหลอมเหลวของโลกอาจจะมีธาตุเหล็กรั่วไหลออกมามาก ตามที่นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กำลังศึกษาอยู่

    การศึกษาสรุปว่าอุณหภูมิที่ลดลงอย่างมากจากแกนเหล็กเหลวของโลกของเราไปยังชั้นหินปกคลุมรอบนอกจะดึงไอโซโทปเหล็กที่หนักกว่าออกสู่พื้นผิวโลกในขณะที่ไอโซโทปเหล็กที่เบากว่ายังคงอยู่ในแกนกลาง

    การค้นพบของนักวิจัยนี้ อาจอธิบายได้ว่าทำไมมีไอโซโทปเหล็กหนักในหินแมนเทิลมากขึ้นเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆในชั้นหินที่ประกอบขึ้นเป็นชั้นของโลก

    BY>>>>>Giant Khan<<<<<

    https://www.rt.com/news/485786-earth-leaky-core-iron-lava/

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตร.ศรีสะเกษ วอนอย่าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีความผิด จับจริงศาลตัดสินโทษ
    ตำรวจเมืองศรีสะเกษ เตือนประชาชนอย่าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชู เคสอุทาหรณ์ 4 หนุ่มตั้งวงก๊งเหล้าขาว 40 ดีกรี ถูกศาลตัดสิน สั่งปรับ 1 หมื่นบาท จำคุก 15 วัน โดยโทษจำคุกรอลงอาญา
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ต่างพากันเทขายสกุลเงินดอลลาร์เพื่อตั้งหลักรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันนี้นั่นคือ "ตัวเลขยอดขายปลีก และรายงานสรุปสภาวะทางเศรษฐกิจ" จากการคาดการณ์คร่าวๆ ของนักลงทุนหรือคนทั่วไปก็คงคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่ข้อมูลทั้งสองจะออกมาดีได้ท่ามกลางภาพที่มองหันไปทางไหนก็มีแต่ธุรกิจ ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ปิดทำการ สร้างความกังวลให้กับธนาคารกลางสหรัฐฯ และเราคาดว่าทุกธนาคารกลางของทุกรัฐจะต้องมีรายงานตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจตอนนี้อ่อนแอขนาดไหน IMF ก็ได้ออกมาเตือนแล้วว่าเรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่การถดถอยครั้งใหญ่นับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 ซึ่งข่าวเหล่านี้ไม่ใช่ข่าวดีเลย

    นอกจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่หลายๆ ฝ่ายคาดว่าจะออกมาไม่ดีแล้ว รายงานผลประกอบการจากบริษัทดังๆ ก็ออกมาแย่ด้วยเช่นกันและนี่คือสาเหตุว่าทำไมราคาในตลาดหุ้นเมื่อคืนถึงได้ปรับตัวสูงขึ้นไม่ใช่เพราะมีข่าวดีอะไรแต่เพราะคนเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงต่างหาก รายงานผลประกอบการของเจพีมอร์แกน (NYSE:JPM) เวลล์ ฟาร์โก (NYSE:WFC) ไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ในขณะที่ยอดขายของบริษัทจอห์นสัน & จอห์นสัน (NYSE:JNJ) ลดลงส่งผลกระทบต่อภาพรวมของบริษัทในปี 2020 แม้จะมียอดขายลดลงแต่เจแอนด์เจยังสามารถเพิ่มอัตราเงินปันผลของบริษัทตนเองได้
    หลังจากที่ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ กำลังเริ่มที่จะคงที่แล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะในสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก คนเริ่มมองผ่านไตรมาสที่ 1 ไปและกำลังพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมา หลายๆ สำนักเริ่มเขียนบทความบทวิเคราะห์คาดการณ์ผลกระทบและสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 2 นักลงทุนจึงเริ่มหวังว่าทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทางภายในเดือนพฤษภาคมหรืออย่างช้าสุดคือสิ้นเดือนมิถุนายน แต่ความเป็นจริงกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าต้องกลับมาเปิดประเทศเร็วเกินไปก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะได้เห็นการแพร่ระบาดกลับมาอีกครึ่งหนึ่งซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นแล้วอย่างประเทศจีนที่พึ่งมีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 6 สัปดาห์ ประเทศเกาหลีใต้สั่งให้มีการจับตาดูผู้ติดเชื้อที่เคยติดและได้รับการรักษาจนหายแล้ว สิงคโปร์มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันกับในญี่ปุ่น รัสเซียออกมาเตือนว่าเตียงผู้ป่วยทั่วประเทศในตอนนี้ใกล้ที่จะเต็มหมดแล้ว ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ควรดีใจกับสถานการณ์ในตอนนี้มากจนเกินไปนัก

    อีกหนึ่งข่าวสำคัญที่จะออกมาในก่อนรายงานสรุปสภาวะทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และถือเป็นข่าวที่นักลงทุนควรให้ความสนใจคือการประชุมเพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) เดือนมีนาคมที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่ยุ่งเหยิงมากสำหรับธนาคารกลางทั่วโลกที่ต้องคอยออกแต่มาตรการฉุกเฉินซึ่งทาง BoC เองก็ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงมาจาก 1.75% เหลือ 0.25% ต่ำที่สุดเป็นประวัติกาล นอกจากนี้ทางธนาคารกลางฯ ยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการซื้อสินทรัพย์มูลค่า $5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าวันนี้ทาง BoC จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีกจนเหลือ 0 หรือติดลบแต่นโยบายในการผ่อนคลายทางการเงินอีกคงทำได้ยากเพราะก่อนหน้านี้ก็ประกาศผ่อนคลายทางการเงินไปแล้ว

    แต่เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ BoC มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมากในการตัดสินใจเข้าไปซื้อหรืออุ้มสินทรัพย์เอาไว้ จากรายงานดัชนี PMI ของ IVEY เมื่อเดือนที่แล้วพบว่ามีคนมากกว่า 1 ล้านคนที่ต้องตกงาน ถึงจะยากลำบากแต่ BoC จำเป็นที่จะต้องคงมาตรการหรือนโยบายทางการเงินนี้เอาไว้เพื่อเรียกว่าเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าสิ่งที่ BoC ตัดสินใจลงไปนั้นถูกต้อง สกุลเงินแคนาดาดอลลาร์ในคืนนี้จะรอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับว่าอัตราดอกเบี้ยถูกลดลงมาเป็น 0 หรือติดลบหรือไม่ ดังนั้นทิศทางการวิ่งของกราฟ USD/CAD ในคืนนี้จึงมีโอกาสที่กราฟจะกลับขึ้นไปยัง 1.40 ได้ถ้าแคนาดาดอลลาร์อ่อนมูลค่าลงแต่ถ้าผลที่ออกมาเป็นข่าวดีกราฟมีโอกาสลงไปยัง 1.3725 ซึ่งอยู่ใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ย 50 SMA

    สกุลเงินยูโรและปอนด์ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้ไม่มีข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญออกมาแต่ข่าวดีก็คือตัวเลขยอดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปเริ่มลดลงแล้ว หลายๆ ประเทศในยุโรปเริ่มลดมาตรการคุมเข้มลงอย่างเช่นในนอร์เวย์ เดนมาร์ก สาธารณรัฐเช็คและออสเตรียที่มีแผนจะลดมาตรการควบคุมที่เข้มข้นลงในสัปดาห์หน้า โรงงานอุตสาหกรรมในเยอรมันบางแห่งอาจจะสามารถกลับมาทำงานได้ในวันที่ 20 เมษายนนี้แต่การคุมเข้าที่บริเวณชายแดนจะยังคงอยู่

    Cr : Kathy Lien
    Investing.com

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มผู้ค้าสลากฯ ค้าน! มติเลื่อนออกรางวัล หวั่นสลากฯ เก่าค้างแผง ร้องกองสลากฯ รับซื้อคืน

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    # ดาวหาง # C2019Y4 # ATLAS สลายตัวเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2020

    ไปสู่สุขคติ # CometAtlasY4

    ค้นพบเมื่อปลายปีที่แล้ว C / 2019 Y4 # ATLAS น่าจะเป็นดาวหางที่สว่างที่สุดในการตกแต่งท้องฟ้ายามค่ำคืนในหลายทศวรรษ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีการล่มสลายครั้งใหญ่
    #Comet #C2019Y4 #ATLAS disintegrating on April10 2020

    RIP #CometAtlasY4.

    Discovered late last year, C/2019 Y4 #ATLAS was supposed to be the brightest comet to decorate the night sky in decades, but now it appears to have suffered a major collapse

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    แนะนำ #ดาวหาง #SWAN:

    #คำเตือน:
    เรื่องนี้อาจทำให้คุณรู้สึกเดจาวู

    มีการค้นพบดาวหางดวงใหม่และในปลายเดือนพฤษภาคมมันจะผ่านดวงอาทิตย์ใกล้กับวงโคจรของดาวพุธ

    ไม่มันไม่ใช่ดาวหาง #ATLAS # C2019Y4 ซึ่งกำลังแยกออกจากกันในวิถีที่คล้ายกัน

    นี่คือ Comet SWAN # C2020F8 แทน

    หากการระเบิดยังคงเกิดขึ้น Comet SWAN จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเดือนหน้า

    รูปภาพของ Comet C / 2020 F8 SWAN เมื่อวันที่ 2020 เมษายน 2556 2020 เวลา 19:15 UTC

    ดาวหางอาจเสี่ยงต่อการแตกสลาย!

    INTRODUCING #COMET #SWAN:

    #Warning:
    This story may give you a sense of déjà vu.

    A new comet has been discovered, and in late May it will pass by the Sun near the orbit of Mercury.

    No, it's not Comet #ATLAS #C2019Y4 which is currently falling apart on a similar trajectory.

    Instead, this is Comet SWAN #C2020F8

    If the outburst continues, Comet SWAN could become visible to the naked eye next month.

    Image of Comet C/2020 F8 SWAN on 2020 April13 2020 at 19:15 UTC.

    Comet may also be at risk of disintegrating !

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักงานอาหารและยาของจีน อนุมัติ "ยาแผนจีนที่ใช้สำหรับรักษา COVID-19" โดย1ในยาจีนที่อนุมัติ ได้รับอนุญาตให้ขายในไทยแล้ว และฝรั่งเศสก็เตรียมนำไปทดลองทางคลินิกเช่นกัน ตามการเผยข้อมูลของ จางป๋อหลี่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเทียนจิน

    โดยยาจีนตัวดังกล่าวที่สามารถขายในไทยได้ ชื่อว่า 连花清瘟 (Lianhua Qingwen เหลียนฮวาชิงเวิน) เป็นยาชนิดแคปซูล เป็นยาที่ทำจากสมุนไพรจีน มีสรรพคุณในการลดไข้ ไอ อาการอ่อนเพลีย โดยทางจีนได้นำมารักษาผู้ป่วยCOVID-19ในจีนและพบว่าได้ผลดี รักษาหายได้

    นอกจาก 连花清瘟 (Lianhua Qingwen เหลียนฮวาชิงเวิน) ยาจีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นยารักษา COVID-19 ยังมีตัวอื่นอีก ได้แก่

    - 金花清感 (Jinhua Qinggan จินฮวา ชิงก่าน) จีนได้นำมารักษาผู้ป่วย COVID-19ช่วงระบาดหนักเช่นกัน พบว่าได้ผลดี มีสรรพคุณระบายความร้อนและล้างพิษในปอด โดยยาตัวนี้ถูกพัฒนาครั้งแรกตอนที่มีการระบาดของ ไข้หวัดใหญ่2009 H1N1

    - 血必净 (Xuebijing เสวี่ยปี้จิ้ง) เป็นยาสมุนไพรจีนในรูปแบบของเหลว ใช้ฉีด มีสรรพคุณบรรเทาอาการอักเสบและการติดเชื้อของร่างกาย โดยทางโรงพยาบาลในจีนได้นำมาใช้รักษาร่วมกับยาแผนตะวันตก ในกลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก เพื่อลดอาการอักเสบและเลือดจับตัวเป็นลิ่มที่เกิดจากผลของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    จากข้อมูลที่ทางอธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเทียนจินเผยออกมา ตอนนี้ที่ได้รับอนุญาตขายในไทย จะมีแค่ 连花清瘟 (Lianhua Qingwen เหลียนฮวาชิงเวิน) แต่ทั้งนี้อ้ายจงยังไม่เห็นข้อมูลรายละเอียดจากในไทย

    อ้ายจงอ้างอิงจาก

    Weibo: 中国日报 (China Daily สื่อจีน)

    https://m.weibo.cn/1663072851/4493971168615604

    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

     

แชร์หน้านี้

Loading...