เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดประเสริฐสุทธาวาส ถนนราษฎร์พัฒนา แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เพื่อทำการปลุกเสกวัตถุมงคล ตามที่ได้รับนิมนต์จากพระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวาย

    หลวงพ่อหมู (พระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดประเสริฐสุทธาวาส ซึ่งได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูประสิทธิ์จริยาภิวัฒน์ใหม่เอี่ยมอ่อง มาทำการต้อนรับ แจ้งว่าวัตถุมงคลเป็นของพระครูสมุห์อานนท์ แต่ไม่สามารถจะทำพิธีที่วัดบึงลาดสวายได้ จึงมาขออาศัยมณฑลพิธีอุโบสถวัดประเสริฐสุทธาวาสนี้แทน

    เมื่อคุยกันพอหายคิดถึงแล้ว ญาติโยมก็นิมนต์กระผม/อาตมภาพไปปล่อยปลาลงในคลองราษฎร์บูรณะหลังวัด เจ้าภาพใหญ่ก็คือไอ้อ้วน (นางสาวดวงฤทัย ตั้งวรกุลกิจ) ซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะความเกเรของตนมากกว่ากระผม/อาตมภาพอีก หลังจากที่กินฮอร์โมน กินยาเข้าไป จากสาวสวยก็กลายเป็นลูกชิ้นปิงปอง..! แต่ถ้าหากว่าคนอื่นไปเรียก "ไอ้อ้วน" อาจจะโดนกระโดดทับเอาได้..!

    "ไอ้อ้วน" เกรงว่าหลวงพ่อกายสังขารมาถึง ๖๕ ปี ย่าง ๖๖ ปีแล้ว กลัวว่าจะอยู่ได้ไม่นาน อุตส่าห์ไปเหมาปลามา ๑๗๐ กิโลกรัม ให้ปล่อยลงในคลองราษฎร์บูรณะ ซึ่งความจริงการปล่อยปลาแบบนี้ อานิสงส์น้อยมาก เพราะว่าได้แค่ความเมตตาอย่างเดียว

    การที่ปล่อยปลาแล้วจะได้อานิสงส์ต่อชีวิตนั้น ต้องเป็นปลาที่เขาขายหน้าเขียง เพื่อที่จะฆ่าหรือว่าทำเป็นอาหาร การที่เราสั่งปลาทีละมาก ๆ แล้วมีการตีอวนจับมา เตรียมไว้ให้เราปล่อย ก็ได้แค่อานิสงส์ช่วยให้เขาได้รับความสะดวกปลอดภัยเท่านั้น แล้วที่แน่ ๆ ก็คือ ปลาจำนวนมาก ถ้าหากว่ามาทับถมกัน ก็อาจจะมีหลายตัวที่ทนไม่ไหว แล้วโดนเพื่อนฝูงเบียดจนตายไปเลยก็มี..!

    หลังจากนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพก็ได้เข้าสู่มณฑลพิธีอุโบสถ ทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย กราบขอบารมีครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่น หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ที่เป็นครูบาอาจารย์ตามสายกรรมฐาน ให้ช่วยอนุเคราห์สงเคราะห์ ปลุกเสกวัตถุมงคลครั้งนี้ด้วย แล้วก็ทำตามกรรมวิธีที่ครูบาอาจารย์ท่านได้บอกได้กล่าวมา ปรากฏว่ามีนักเลงดีถ่าย
    ได้รูปแปลก ๆ ขึ้นมาอีก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เมื่อเสร็จสรรพจากพิธีการแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางกลับ เพราะว่าช่วงบ่ายมีนัดกับหมอเอาไว้ในเรื่องของการซ่อมสุขภาพ โดยเฉพาะการซ่อมสุขภาพนั้น ต้องบอกว่าคนกับรถอาการคล้ายคลึงกัน ก็คือรถยนต์ประจำตัวเมื่ออายุครบ ๑๐ ปี ตรงโน้นก็พัง ตรงนี้ก็เสีย ยิ่งซ่อมก็ยิ่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตัวคนก็ลักษณะเดียวกัน พออายุหลัง ๖๐ ปีมา ก็มีแต่กำลังตกลงไปเรื่อยยังไม่พอ สุขภาพก็ยังชำรุด เดินเหินก็เริ่มไม่ค่อยถนัด มีอาการปวดร้าวลงขาบ่อย ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เกิดจากการนั่งพับเพียบในพิธีพุทธาภิเษกต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ นั่นเอง

    แต่คราวนี้ด้วยความที่ว่าผศ.ชวัชชัย ไชยสา ซึ่งเคยเป็นครูบาอาจารย์สอนกระผม/อาตมภาพมา ในสมัยที่เรียนปริญญาโทการจัดการเชิงพุทธ ท่านได้เสียชีวิตลง และตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดด่านสำโรง กระผม/อาตมภาพจึงไม่มีเวลาที่จะกลับไปเปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อนแต่งตัวให้เรียบร้อย ออกจากโรงหมอมาได้ก็ต้องนั่งรถแท็กซี่ตรงไปยังงานของท่านเลย ยังโชคดีที่ว่าไปในฐานะที่ปรึกษาคณบดีคณะสังคมศาสตร์ ถือว่ามีอาวุโสสูงสุดในงาน ต่อให้แต่งตัวไม่เรียบร้อยหน่อย เขาก็คงจะฟังเหตุผลว่า เป็นเพราะอะไรถึงมาในลักษณะแบบนี้ ?

    ในเรื่องของครูบาอาจารย์นั้น ต้องบอกว่าการเป็นครูบาอาจารย์ผู้ให้วิชาการ ให้ความรู้ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านเสียชีวิตลง เป็นไปได้ก็คือไปร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพด้วย อย่างน้อย ๆ ไม่ได้ใกล้ชิดกันตอนเป็นมากนัก ก็ยังคงได้เห็นกันตอนตาย โดยเฉพาะทางครอบครัว ก็จะได้มีกำลังใจว่า บรรดาลูกศิษย์ลูกหาไม่ได้ทอดทิ้งครูบาอาจารย์ เมื่อถึงเวลาก็ยังมาคงร่วมงานศพ มาช่วยเหลือกัน

    กระผม/อาตมภาพเองเป็นตัวตั้งตัวตีคนหนึ่ง ในการที่เริ่มเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม โดยมอบหมายให้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ช่วยโอนปัจจัยให้ไปก่อน ในเมื่อวันนี้สามารถที่จะปลีกตัวได้ ก็ต้องรีบเดินทางมาร่วมงาน ไม่เช่นนั้นแล้วในวันต่อ ๆ ไป ต้องเดินทางไปถึงจังหวัดเชียงราย อาจจะไม่มีเวลากลับมา แม้กระทั่งมาเพื่อร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ..!

    สำหรับคณะสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปัจจุบันนี้องค์คณบดีก็คือท่านเจ้าคุณกำพล หรือบางคนก็เรียกตามสมณศักดิ์ว่าเจ้าคุณอุดมฯ คือ พระอุดมสิทธินายก (กำพล คุณงฺกโร ป.ธ.๙), รศ.ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี ซึ่งท่านเรียนจบปริญญาเอกรุ่นเดียวกับกระผม/อาตมภาพนี้เอง เพียงแต่ว่าท่านเรียนสาขารัฐประศาสนศาสตร์ กระผม/อาตมภาพเองเรียนสาขาการจัดการเชิงพุทธ ต้องถือว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ไม่นึกว่าท่านจะเจริญก้าวหน้าขึ้นมารวดเร็ว จนกระทั่งท้ายสุดก็มาทำหน้าที่คณบดีคณะสังคมศาสตร์ในปัจจุบัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ส่วนกระผม/อาตมภาพกับหลวงพ่อแดง วัดอินทาราม หรือ หลวงพ่อเจ้าคุณพระเมธีวัชรประชาทร, ผศ.ดร. ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของคณบดี ตามที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ ได้นิมนต์มา

    บรรดาครูบาอาจารย์อื่น ๆ ในคณะสังคมศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่บางท่านก็เคยเป็นผู้สอนกระผม/อาตมภาพมาบ้าง บางท่านก็เป็นในระดับรุ่นน้องบ้าง รุ่นลูกศิษย์บ้าง จึงทำให้คนแก่อย่างกระผม/อาตมภาพมีสถานภาพค่อนข้างจะสูง เมื่อไปร่วมงาน จึงไปในลักษณะที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยได้ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าดีเหมือนกัน เนื่องเพราะว่า
    งานศพนั้น เราจำเป็นต้องให้เกียรติผู้วายชนม์ โดยเฉพาะท่านเป็นครูบาอาจารย์ด้วย แต่กระผม/อาตมภาพมาในลักษณะอย่างนี้ คนทั่ว ๆ ไปเขาอาจจะดูไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าลักษณะการแต่งตัวเต็มยศของพระเป็นแบบไหน เห็นพระมาก็ดีใจแล้ว แต่ว่าสำหรับพระด้วยกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่า แต่งตัวไม่ครบเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น..!

    แต่เมื่อไปนึกถึงบรรดาญาติโยมต่าง ๆ ในสมัยนี้ บางท่านก็แต่งตัวกันตามสบาย ไม่ได้ดูกาลเทศะ ขนาดไปร่วมงานศพ ยังนุ่งสั้นชะเวิกชะวาก จนเป็นที่ถอนใจ หรือไม่ก็ทำให้เจ้าภาพถึงขนาดขมวดคิ้วไปเลยก็มี เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าอยู่ที่จิตสำนึกเฉพาะของแต่ละคน เนื่องจากว่าถ้าตัวเราไม่รู้จักให้เกียรติคนอื่น เมื่อถึงเวลาจะให้คนอื่นให้เกียรติตัวเรานั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้..!

    ดังนั้น..บรรดาเด็กรุ่นเก่า ๆ ที่เคยกล่าวว่ารุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้นเป็น "ไดโนเสาร์เต่าพันปี" กระผม/อาตมภาพเห็นว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนมานั้น ถ้าทำให้สังคมของเราดีงาม ต่อให้เป็น "ไดโนเสาร์เต่าพันปี" กระผม/อาตมภาพก็ยินดีที่จะเป็น..!

    โดยขอยกตัวอย่างศิลปินระดับโลกชาวไทยท่านหนึ่ง ก็คือ น้องลิซ่า (นางสาวลลิษา มโนบาล) ซึ่งปัจจุบันนี้ไปโลดแล่นอยู่ในระดับโลกแล้ว ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีกิริยามารยาทงดงาม สมกับเป็นคนไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ให้เกียรติต่อผู้ใหญ่ ถึงเวลาเจอใครก็ยกมือไหว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่เขาเองเป็นฝรั่ง เราแค่เช็คแฮนด์ก็ได้ แล้วด้วยอานุภาพของกิริยามารยาทแบบไทยนั่นแหละ ที่ทำให้บรรดาฝรั่งทั้งหลาย เห็นแล้วก็อดจะหลงเสน่ห์ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอไม่ได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเธอยังคงเป็น "ไอดอล" ไปอีกระยะหนึ่ง อาจจะทำให้บรรดาแฟนคลับ ซึ่งติดตามอยู่ได้เลียนแบบในสิ่งที่ดี ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อที่จะช่วยกันเผยแพร่กิริยามารยาทไทยให้เป็น Soft Power ดึงเอาเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยของเราได้อีกมาก

    ปัจจุบันนี้แม้ว่าประเทศรอบข้างในอาเซียนของเรา ประเทศลาวจัดปีส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่หานักท่องเที่ยวได้น้อยมาก ประเทศเวียดนามพยายามที่จะแข่งขันกับไทยทุกอย่าง แต่ว่าบุคคลของเขานั้นไม่ได้มีความเป็นมิตรเหมือนกับคนไทย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไปครั้งเดียวก็เข็ดแล้ว..! ส่วนประเทศกัมพูชา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "เขมร" นั้น มีอะไรที่เป็นของไทยแล้วดี ก็พยายาม "เคลม" ว่าเป็นของเขมรเสียทั้งหมด จนกลายเป็นตัวตลกให้ชาวโลกเขาหัวเราะเยาะอยู่แทบทุกวัน..!

    ทางด้านมาเลเซีย สิงคโปร์นั้น ประเทศของเรากลายเป็นแดนสวรรค์ โดยเฉพาะมาเลเซีย ซึ่งมีพลเมืองส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม บ้านเขาเคร่งครัด หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถที่จะทำได้ ก็ข้ามมาเที่ยวบ้านเรา จนกลายเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นอันดับหนึ่งเลย เพราะว่าเมื่อเข้ามาบ้านเราเมืองเราแล้ว ความเป็นเมืองพุทธของเรามีแต่ความเป็นมิตร สิ่งหนึ่งประการใดที่ทำไม่ได้ในประเทศของตนเอง เมื่อมาเมืองไทยแล้วไม่ได้ผิดกฎหมาย ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่

    ประเทศอื่น ๆ ซึ่งแห่กันมาเที่ยวเมืองไทย เพราะว่าติดใจในอาหารไทย ในชุดไทย ในจริตนิสัยแบบไทย ๆ ในมวยไทย ตลอดจนกระทั่งสิ่งต่าง ๆ ที่คนไทยของเราช่วยกันสร้าง ช่วยกันเสริมขึ้นมา จึงเป็นเรื่องที่บรรดา "ไดโนเสาร์เต่าพันปี" อย่างกระผม/อาตมภาพ ยังรู้สึกว่า
    สิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนพวกรุ่นของเรามานั้น ความจริงเป็นสิ่งที่ดีงาม เพียงแต่ว่าคนรุ่นหลังไม่ให้ความสำคัญเท่านั้นเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

    ตอนนี้ก็ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว สำหรับวันนี้จึงขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...