เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 23 พฤษภาคม 2025 at 16:56.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,754
    ค่าพลัง:
    +26,620
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,754
    ค่าพลัง:
    +26,620
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ พระภิกษุวัดท่าขนุนจำนวน ๕ รูปได้เดินทางไปร่วมพิธีทรงตั้งเปรียญธรรม ๓ ประโยค และรับมอบประกาศนียบัตรประโยค ๑ - ๒ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อกลับมาแล้ว พรุ่งนี้ก็จะมีการฉลองเปรียญธรรมกันที่วัดท่าขนุน ซึ่งทางคณะครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีวัดท่าขนุนเป็นผู้จัดขึ้น โดยที่ขอเบิกงบประมาณจากกระผม/อาตมภาพไปดำเนินการ

    โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นสำนักเรียนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลามีพระสอบประโยคบาลีได้ จะมีการมอบรางวัลเป็นเงินสดให้ ซึ่งค่อนข้างจะสูงมาก อย่างเช่นว่าบางวัดมอบให้ผู้สอบได้ประโยค ๙ เป็นเงินจำนวน ๑ ล้านบาท..! เป็นต้น แต่กระผม/อาตมภาพไม่เคยทำเช่นนั้น เมื่อมีผู้สอบประโยคบาลีได้ ก็มอบวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ตนเองได้สะสมเอาไว้ ให้เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่สอบได้เท่านั้น

    เพียงแต่ว่าจะได้อะไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าปีนั้นสอบได้มากหรือว่าน้อย เพราะว่าต้องดูว่ามีวัตถุมงคลรุ่นเดียวกัน หรือว่าหลวงพ่อเดียวกัน ในจำนวนที่เพียงพอจะมอบให้กับทุกท่านได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะออกอาการลักลั่นกัน แต่ว่าอย่างครั้งนี้จะมีผู้ที่สอบได้ในรอบแรก และผู้ที่สอบได้ในรอบสอง ก็จะมีวัตถุมงคลที่ต่างกันเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นวัดอื่น แล้วสอบได้ทีละมาก ๆ แบบทางวัดท่าขนุน รายจ่ายก็จะสูงกว่านี้มาก แต่ทางวัดท่าขนุนของเรา เมื่อมีธรรมเนียมมอบวัตถุมงคลให้กันมาตั้งแต่ต้น ก็ยังคงจะมอบให้กันต่อไป

    ส่วนในเรื่องของผ้าไตรจีวร หรือว่าเงินทองนั้น ก็ต้องแล้วแต่ครูพระสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีวัดท่าขนุน ซึ่งท่านเป็นผู้เบิกงบประมาณไป จะจัดสรรให้ว่าถวายผู้สอบประโยคบาลีเท่าไร ถวายพระที่มาเจริญชัยมงคลคาถาเท่าไร ก็เรียกง่าย ๆ ว่าทำกันแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ได้ให้กันจนมากมายมหาศาลเหมือนกับสำนักอื่น ๆ

    เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสามเณรของวัดท่าขนุนนั้น ศึกษาประโยคบาลีหรือว่านักธรรม ก็เป็นการศึกษาตามหน้าที่ในพระธรรมวินัย ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแยกการศึกษาออกเป็นคันถธุระ ก็คือการเรียนตำรา และวิปัสสนาธุระ ก็คือการนำเอาสิ่งที่ศึกษานั้นไปปฏิบัติให้ได้ผลจริง

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้ทางวัดท่าขนุนของเรานั้น พระเณรท่านก็ไม่ได้บวชมาเพื่อชิงรางวัล ไม่ได้เข้าสอบเพื่อต้องการรางวัล แต่ว่าสอบเพราะว่าเป็นหน้าที่เท่านั้น และอีกประการหนึ่ง คาดว่าวัตถุมงคลที่มอบให้นั้น บางทีในท้องตลาดก็หาไม่ได้ ผู้ที่สอบได้ประโยคบาลีน่าจะต้องการมากกว่าเงินที่ใส่ซองให้ไปเสียอีก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,754
    ค่าพลัง:
    +26,620
    เรื่องต่อไปที่จะพูดถึงก็คือสองวันที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพฉันต้มยำเห็ดไป ๓ มื้อ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทางแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน ไปเจอเห็ดหน้าตาประหลาด ดอกใหญ่เกือบเท่าถาด..! ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่รู้จักว่าเป็นเห็ดอะไร นำมาสอบถาม กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จักเหมือนกัน เมื่อแม่ชีถามว่า "กินได้ไหม ?" กระผม/อาตมภาพดมดูแล้วก็บอกโดยสัญชาตญาณว่า "กินได้"

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าคนกับสัตว์ของเราก็มีต้นเค้ามาเหมือนกัน ก็คือการกินสิ่งต่าง ๆ นั้น เราจะสังเกตว่าสัตว์ก็กินไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้รู้ว่าเป็นพืชอะไร เป็นผลไม้อะไร หากแต่ว่าเมื่อดมดูแล้ว คาดว่าปลอดภัย ไม่มีอันตรายก็กินต่อ ๆ กันมา กระผม/อาตมภาพก็ใช้วิธีนี้ เมื่อดมกลิ่นดูแล้วว่าไม่มีอะไรแปลกปลอม จึง "ฟันธง" ไปว่าสามารถกินได้..!

    แต่ปรากฏว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็แทบจะน้ำตาไหล ก็คือแม่ชีจัดการทำต้มเห็ดมาต่างหาก ๑ ถ้วย ถวายให้กระผม/อาตมภาพฉันก่อนเป็นรูปแรก พูดง่าย ๆ ก็คือว่ามื้อแรก หลวงพ่อวัดท่าขนุนต้องฉันเห็ดนิรนามเพียงรูปเดียว ถ้าไม่มรณภาพเสียก่อน ส่วนที่เหลือก็จะทำให้กับพระเณรอื่น ๆ ได้ฉันบ้าง..! กระผม/อาตมภาพจึงซดหมดชามชนิดไม่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว แล้วก็ไปนอนภาวนารอเวลาตาย..!

    แต่ปรากฏว่ามื้อเพลเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น แปลว่าสามารถที่จะกินได้จริง ๆ มาถึงมื้อเช้าและมื้อกลางวันในวันนี้ แม่ชีก็เลยทำต้มเห็ดมาถวายพระเณรทั้งวัด แต่ขอโทษ..คนกลัวตายมีมากกว่าคนไม่กลัวตาย เห็ดที่น่ากินมาก เนื่องเพราะว่าเนื้อนุ่ม ไม่มีความเหนียวเลย กลายเป็นของที่โดนรังเกียจ เหลืออยู่แทบทุกโต๊ะ..!

    กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องฉัน "เต็มคราบ" อยู่รูปเดียว เนื่องเพราะว่าถ้าตายก็จะได้หมดภาระไป ถ้าหากว่าไม่ตายก็จะได้จดจำไว้ว่าเห็ดดอกใหญ่เหมือนถาดแบบนี้ สามารถที่จะกินได้อย่างแน่นอน คิดดูแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าขำมาก เนื่องเพราะว่าขนาดทดสอบด้วยตนเองไปแล้ว พระเณรที่เหลือก็ยังไม่ไว้วางใจ วันรุ่งขึ้นมา ผ่านไปอีก ๒ มื้อก็ยังมีคนระวังไม่ยอมฉัน จะดูว่าหลวงพ่อจะรอดหรือไม่รอด .! เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะตลกมาก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,754
    ค่าพลัง:
    +26,620
    เรื่องต่อไปที่อยากจะพูดถึงก็คือ ปีนี้นกกางเขนดงมาทำรังอยู่ที่หน้ามณฑปพระพุทธบาทวัดท่าขนุนอีกแล้ว ซึ่งครอบครัวนกกางเขนดงครอบครัวนี้ ได้มาทำรังอยู่ในโรงรถของวัดท่าขนุน ๒ ปี ปีแรกมีลูก ๔ ตัว ปีที่ ๒ มีลูก ๕ ตัว

    กระผม/อาตมภาพได้นำเอาอาหาร โดยเฉพาะไข่ขาว หั่นเป็นชิ้นยาว ๆ ให้คล้ายตัวหนอนไปป้อนกับลูกนกด้วย ไม่ทราบเหมือนกันว่าอยู่ดีกินดีมากไปหรืออย่างไร ลูกนกถึงบินได้เร็วมาก เมื่อปีที่ ๓ จึงไปทำรังที่โพรงไม้หน้ามณฑปรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ซึ่งห่างจากโรงรถประมาณ ๗ - ๘ เมตรเท่านั้น แสดงว่ามอบความไว้วางใจให้กับพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน ในการช่วยเลี้ยงดูลูกของตนเอง ปีที่แล้วมีลูก ๔ ตัวอีกเช่นเคย แต่ปีนี้เมื่อเริ่มวางไข่จนถึงบัดนี้ ปรากฏว่ามีไข่แค่ ๓ ฟองเท่านั้น

    เหตุที่มาเล่าเรื่องนี้ก็เพราะว่าบรรดาสัตว์ต่าง ๆ นั้น เขาจะมีลูกตามสภาพของอาหาร ถ้าหากว่ามีลูกน้อยแปลว่าปีนั้นอาหารจะหายาก ถ้าดูตามบรรยากาศที่ฝนฟ้าทองผาภูมิตกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ปีนี้ก็น่าจะเป็นปีที่อุดมสมบูรณ์มาก แต่ไม่ทราบว่าทำไมนกถึงได้วางไข่แค่ ๓ ฟอง ? ซึ่งเหมือนอย่างกับว่าจะเป็นปีที่แล้ง หาอาหารได้ยาก

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องมารอดูกันว่า ปีนี้ฝนจะแล้งในกลางฤดูฝนหรือไม่ ? เนื่องเพราะว่าลูกนกจะฟักออกเป็นตัวภายใน ๒ - ๓ อาทิตย์เท่านั้น ถึงเวลานั้นก็จะเป็นที่พิสูจน์ได้ว่า สัญชาตญาณของสัตว์นั้นแม่นยำเพียงไร ส่วนพวกเราเองก็จะได้เก็บเป็นประสบการณ์เพิ่มเติมว่า ลักษณะของฝนฟ้าที่ดีมาก ๆ แบบนี้ นกยังวางไข่แค่ ๓ ฟอง แสดงว่าจะต้องมีการแล้ง หรือว่าขาดช่วง ทำให้หาอาหารยากอย่างแน่นอน

    เรื่องต่อไปที่จะพูดถึงก็ต่อเนื่องจากเรื่องนี้ ก็คือเวลาออกบิณฑบาตแล้วเมฆดำติดหัวมา ฝนเริ่มลงเม็ดเปาะแปะ บรรดาพระวัดท่าขนุนก็เริ่มถอดใจ เมื่อ ๒ - ๓ วันก่อน กระผม/อาตมภาพบอกกับพระมหามนูรักษ์ ฐิตคุโณ ป.ธ. ๓ ซึ่งเดินติดกันว่า "เชื่อผมไหมว่าฝนไม่ตก ?" อีกฝ่ายหนึ่งก็ทำท่าไม่เชื่อ เนื่องเพราะว่าฝนกำลังลงเม็ดมาแล้ว แต่ปรากฏว่าเดินไปไม่ไกล ฝนก็ขาดเม็ด จนกระทั่งกลับมาถึงหอฉันแล้วก็ยังไม่ตก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,754
    ค่าพลัง:
    +26,620
    เรื่องพวกนี้อยากจะบอกกับพวกท่านทั้งหลายเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ว่า ถ้าหากว่าเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ แล้วกำลังใจของเราไม่มั่นคง เราก็มีสิทธิ์ที่จะเสียหาย หรือว่าพลาดพลั้งในงานนั้น ๆ ได้ แต่ถ้ากำลังใจของท่านมั่นคง มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ มีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย เรื่องราวต่าง ๆ ก็อาจจะกลับร้ายกลายเป็นดีได้อย่างที่เห็นอยู่ และกระผม/อาตมภาพก็ทำให้ดูมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

    ยกเว้นประเภทวันก่อน
    ที่ว่า ตกกระหน่ำตั้งตอนทำวัตรเช้า แล้วต่อเนื่องยาวไปจนบิณฑบาตเสร็จก็ยังไม่หยุด ถ้าลักษณะแบบนั้น ก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้ เนื่องเพราะว่าฝนได้ตกลงมาก่อน ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

    เนื่องเพราะครูบาอาจารย์ท่านสอนเอาไว้ว่า เรื่องของธรรมชาติ เราจะไปห้ามโดยตรงไม่ได้ แต่สามารถที่จะขอให้เกิดก่อน เกิดหลัง เกิดเร็ว เกิดช้า หรือว่าให้ไปซ้าย ไปขวา ไปบน ไปล่าง เพื่อไม่ให้เสียหายต่องานที่เรากระทำได้ แต่ว่าทุกครั้งกระผม/อาตมภาพก็จะอ้างเอาบุญกุศลนำหน้า


    สมมติว่าเราจะตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวงเป็นพุทธบูชา กระผม/อาตมภาพก็บอกกล่าวแก่พรหมเทวดาทั้งหลายว่า ถ้าหากว่าฝนตกก็ไม่สามารถที่จะสร้างบุญกุศลตรงนี้ให้ท่านทั้งหลายอนุโมทนาได้ ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายอยากจะอนุโมทนาบุญกุศลส่วนนี้ ก็ขอให้ฝนไปตกหลัง ๔ ทุ่มไปแล้ว ก็คือขอให้มีการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาไปก่อน แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปตามนั้น

    ยกเว้นบางงาน บางปีที่ฝนกระหน่ำลงมาตั้งแต่ช่วงบ่าย แล้วตกยาว ๆ ไปจนช่วงค่ำ แบบนั้นก็ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร เนื่องเพราะว่าเรื่องของธรรมชาติ เราไม่สามารถที่จะไปฝืนได้อยู่แล้ว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...