ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

เครดิตพี่ก๊อบ Leo

 

มูลเหตุของการสร้างพระพรหมและลูกแก้ว



จาก หนังสือกายสิทธิ์ 1

หลวงพ่อดู่สร้างพระพรหม โดยเป็นรูปพระพรหม ๔ หน้า แต่ที่แปลกไปคือ มีพระพุทธเจ้าอยู่บนเศียรพระพรหม บางท่านที่มาใหม่อาจสงสัยว่า พระทำไมไหว้พระพรหม เพราะลัทธิพราหมณ์ถือพรหมเป็นใหญ่ โดยเชื่อกันว่า พระพรหมเป็นผู้สร้างโลก เป็นผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์ ที่เรียกกันว่า 'พรหมลิขิต' นั่นเอง

หลวงพ่อได้อนุญาติให้ผู้เขียนสร้างพระพรหมปางนี้ ซึ่งมีในหลักพระพุทธศาสนาโดยหลวงพ่อท่านเล่าว่า

"มีในบทพาหุง (ชัยมงคลคาถา บทที่ ๘) เป็นปางที่พระพุทธเจ้าไปปราบทิฐิของท้าวพกาพรหม เพราะท่านถือว่าตนเองเป็นใหญ่ที่สุด พระพุทธเจ้าใช้ฤทธิ์โดยการเล่นซ่อนหา ไม่ว่าพรหมจะไปซ่อนอยู่ที่ใด แม้กระทั่งเม็ดทราบ พระพุทธองค์ก็ทรงหาพบ แต่ถึงคราวพระพุทธองค์ซ่อนบ้าง พรหมกลับหาไม่พบ เพราะพระพุทธเจ้าเสด็จไปซ่อนอยู่บนศรีษะของพรหม พรหมจึงต้องยอมแพ้ต่อพระพุทธเจ้า ในที่สุดเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้ฟัง พรหมนั้นก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผลกลายเป็น 'พระพรหม' ไม่ใช่ พรหมเฉยๆ"

การสร้างปางโปรดท้าวพกาพรหม ย่อมแสดงว่าพระพุทธเจ้าอยู่สูงกว่าพรหมอย่างแน่นอน โดยช่างได้ทำการปั้นโดยใช้ปูนผสมด้วยผงพุทธคุณ และเกศาของหลวงพ่อส่วนองค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุเอาไว้ด้วย

ในขณะที่ปั้นอยู่หลวงพ่อได้ให้ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ทวดว่า เมื่อทำสำเร็จแล้วจะมีคนมานมัสการและปฎิบัติกัน พวกลูกศิษย์ พวกลูกหาจะมากันอีกมากใช่ไหม ?

หลวงปู่ตอบว่า ใช่ พอปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้นำมาถวายหลวงพ่อ แต่เนื่องจากหนักมาก การเคลื่อนย้ายจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เมื่อมาถึงวัด หลวงพ่อกำลังนั่งอยู่ที่กุฎิ สักพักท่านคงเห็นใจเพราะยกกันไม่ไหว ท่านจึงเดินมาที่ประตูทางเข้าแล้วบอกว่า

"เอ้า.....ยกใหม่"

ผู้เขียนตอบว่า "ไม่ไหวหรอกครับ ๘ คน ยังยกไม่ไหวเลย"

ท่านจึงสำทับอีกทีว่า

"บอกให้ยกขึ้น"

พวกเราจึงจำใจต้องยกกัน ในใจของผู้เขียนคิดว่าอย่างไรคงไปไม่ไหวแน่

แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์คือ หลวงพ่อเพียงเอามือเข้าไปรองฐานพระพรหมไว้เท่านั้น พวกเรากลับยกกันได้อย่างสะดวก มีความรู้สึกว่าเบามาก พวกที่ยกข้างหน้าก็นึกว่ากินแรงข้างหลัง พวกที่ยกข้างหลังก็นึกว่ากินแรงข้างหน้าพอไปถึงหน้ากุฎิหลวงพ่อท่านเอามือออก ทีนี้รีบวางแทบไม่ทันเพราะหนักมาก

หลายคนในที่นั้นโจษกันว่า หลวงพ่อคงทำให้เบา จนหลวงพ่อได้ยินท่านจึงรีบพูดขึ้นมาว่า

"อย่าพูดไป เดี๋ยวดัง"

เลยต้องเงียบ แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะบารมีท่านนั่นเอง...

 

และในโอกาศเดียวกันนั้น ท่านได้อนุญาติให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึกไปพร้อมกันด้วย โดยท่านมอบเกศาของท่านเอง ผสมกับปูนซีเมนต์ขาวแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ เจาะรูไว้ตรงกลาง เมื่อเสร็จแล้วทาสีดำถอือว่าเป็นรุ่นแรก และมีต่อๆมาอีกหลายครั้งรวมแล้วประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ องค์



หลวงพ่อท่านอธิษฐานจิตเป็น 'แก้วมหาจักรพรรดิ' เรียกว่า "แก้วมณีนพรัตน์" เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า และอีกนัยหนึ่งท่านบอกว่าเป็นลูกแก้วของหลวงปู่ทวดด้วย ปรากฎว่ามีพุทธคุณหลายอย่าง จนเป็นที่นิยมและเสาะแสวงหาของบุคคลทั่วไป หลวงพ่อท่านจะแจกใฟ้ฟรีโดยไม่คิดมูลค่า

ท่านเล่าให้ฟังว่า

"เมื่อก่อนเคยทำไว้แต่ลูกใหญ่ ไว้สำหรับจะผูกคอควาย สมัยที่เกิดโรคห่าระบาดพอดีระบาดมาไม่ถึงเลยไม่ได้ใช้ เดี๊ยวนี้ไม่รู้หายไปไหน ข้าก็กะจะทำให้เด็กห้อยคอ แต่ผู้ใหญ่อยากได้ด้วย ที่ให้เจาะรูไว้ตรงกลางก็เพื่อให้ร้อยเชือกได้ และถือเป็นอากาศธาตุ (ช่องว่าง) ด้วย ใช้ประโยชน์ได้สารพัด เอาแช่น้ำ กิน อาบได้ กันเสนียดจัญไร ใช้กำแทนพระในเวลาทำสมาธิก็ได้"

รุ่นต่อมาหลวงพ่อท่านได้มอบผงเจ้าคุณใหญ่ซึ่งมรณะภาพแล้วให้ พร้อมกับบอกว่า

"ผงเจ้าคุณเก็บไว้นานแล้ว เวลาจะปั้นให้ภาวนาไปด้วยว่า
พุทธัง แก้วสารพัดนึก ธัมมัง แก้วสารพัดนึก สังฆัง แก้วสารพัดนึก
จะได้เกิดบุญไปด้วย สร้างพระ ๑ องค์ ได้อานิสงค์ ๕ กัลป์นะแก"

สมัยที่หลวงพ่อท่านมีชีวิตอยู่ผู้ใดได้รับไปก็ถือว่าโชคดี เพราะรับมาจากมือหลวงพ่อ ภายหลังมีศิษย์บางคนถือวิสาสะ หยิบฉวยวัตถุมงคลไปจากกุฎิด้วยความโลภอยากได้ แล้วอ้างว่า ได้ขออนุญาติหลวงพ่อในใจแล้ว ผู้เขียนถามหลวงพ่อว่า

"อย่างนี้จะเป็นอะไรไหม"

ท่านตอบว่า

"นรกก็เกิดในใจเขา เพราะข้าตั้งใจถวายเป็นของสงฆ์"

จึงเป็นข้อพึงสังวรที่ดีสำหรับพวกเรา ไม่ให้เป็นคนมักง่าย เพราะผลที่ได้รับไม่คุ้มกันเลย

******************************************

 

เอาเลยครับผม

 

เครดิตพี่ก๊อบ Leo

 

อนุโมทนาสาธุครับ แจกผมมั่งนะครับ ค่าโฆษณา อิอิ

 

ไม่มีเงินก็ทำบุญได้



โดย พี่สิทธิ์

เวลาที่พบกับคนใหม่ ๆ ที่มากราบไหว้หลวงปู่ เรื่องราวความประทับใจในอดีตที่อดไม่ได้ที่จะนำมาเล่าสู่ผู้มาใหม่ได้รับทราบปฏิปทาและความเมตตาของหลวงปู่เรื่องหนึ่งก็คือ การหาบุญโดยไม่ต้องใช้เงิน

ตอนนั้น พวกเราเลิกเรียนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศิษย์ผู้พี่ที่มีรถก็มารับพวกเราไปกราบและสนทนากับหลวงปู่ ระหว่างทางก็แวะซื้อพวงมาลัยไปถวายหลวงปู่ เมื่อถวายพวงมาลัย หลวงปู่ท่านรับและอนุโมทนาบุญแล้ว เราก็นั่งสนทนากับหลวงปู่สักครู่ใหญ่

ก่อนจะกลับ ท่านก็พูดเบา ๆ ว่า

"พวกแกยังเป็นนักเรียนนักศึกษา ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ คราวหน้าอย่าได้เสียเงินซื้อพวงมาลัยมานะ ระหว่างทางที่มาวัด เห็นบึงบัวสระบัว ก็ให้น้อมถวายพระพุทธเจ้า แล้วก็แผ่เมตตาให้เทวดาที่รักษาสระ ก็ใช้ได้แล้ว"

แต่ประโยคเด็ดก็คือประโยคสุดท้ายที่ว่า

"พวกแกอย่าเอาแต่กราบพระข้างนอก จนลืมพระที่บ้านนะ ...
พ่อแม่นี้แหละ พระที่บ้าน ทำบุญกับท่านก็เหมือนทำบุญกับพระอรหันต์"

หลังจากนั้น พวกเราก็เริ่มเรียนรู้วิธีการทำบุญอีกมายมายหลายอย่างจากหลวงปู่ เช่น การบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ เป็นต้นว่าพาคนสูงวัยข้ามถนน การนึกโมทนากับคนที่เขาใส่บาตรข้างถนน การน้อมนึกถวายแสงสว่างจากไฟข้างถนนเป็นพุทธบูชาฯ การให้อภัยกับคนอื่น การโมทนาบุญกับคนอื่น ฯลฯ แต่ที่สำคัญสุดก็คือการทำบุญด้วยการรักษาศีลและเจริญภาวนา

มาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่นี่ ไม่เคยต้องหนักอกหนักใจเลยว่าจะไม่มีปัจจัยไปทำบุญ เพราะหลวงปู่ท่านสอนให้เราฉลาดทำบุญ หาบุญได้ตั้งมากมาย หาได้ทั้งวัน และหลายอย่างก็ไม่ต้องอาศัยปัจจัยเงินทองอะไรเลย

 

องค์นี้พึ่งเอาไปห่มจีวรมาครับ พระพรหมไม่มีขอบ ปี 17 ครับ

อยากได้มานานแล้ววว

 

พระพิมพ์พระเหนือพรหม เนื้อผง
แบบต่างๆของวัดสะแก (ที่ทันหลวงปู่ดู่)

จากหนังสือพรหมปัญโญเถระ

 

พิมพ์พระพรหมรูปไข่

 

พิมพ์พระพรหมสี่เหลี่ยม