ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

วันนี้ประเทศเพื่อนบ้าน ทำพิธีโกรธแค้นประเทศไทย (จากข่าวที่ฟังทางช่อง 9)

เราเองก็พึงให้อภัยทานต่อเขาในโมหะ ในอวิชชา ในความเร่าร้อนเกลียดชัง อันเป็นไฟสุมใจ สุมประเทศของเขา

เรานำศานติ นำเมตตา อันสงบเย็นมาสู่จิตใจเรา ประเทศชาติของเรากันให้สมกับความเป็นชาวพุทธ

ให้สมกับแผ่นดินอันเป็นที่พระพุทธเจ้าทรงจารึกให้เป็น ดินแดนที่ทรงพระพุทธศาสนาจนครบห้าพันปี ขนานนามกันว่า

"สุวรรณภูมิ"

วันที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

พระเจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปทองคำงามอร่ามใจ

ผู้คนทั้งหลายเข้าถึงธรรมอันปราณีตประกอบไปด้วย "เมตตา" ความไม่เบียดเบียนกันเป็นปกติ

ปรากฏพระอริยะบุคคลจำนวนมาก คล้ายดั่งสมัยพุทธกาล

เป็นดินแดนแห่งศานติ สุขสงบ ร่มเย็น ปราศจากการแบ่งแยกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ มองกันในคุณธรรมความดีงาม ในฐานะแห่ง

"มนุษย์" ผู้มีจิตใจสูง

เราทั้งหลาย พึงดับไฟแห่งความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา ความถือตัวตนเราเขา ออกไปจากใจเรา

ขอให้เมตตาหล่อเลี้ยงใจ

ดับกระแสแห่งความอาฆาตของคนในชาติอื่นให้สลายไป จนปราศจากผล ปราศจากกรรม ปราศจากเวรภัยต่อกัน


"เมื่อเราเป็นผู้ปราศจากเวรภัยต่อผู้ใดแล้ว ก็ขอให้สรรพภัยทั้งปวงจงปราศจากผลต่อ ชาติ ต่อแผ่นดิน ต่อพระศาสนา ต่อองค์พระมหากษัตริย์ ต่อหมู่คณะ ต่อครอบครัว และต่อตัวเรา

ด้วยอำนาจแห่งคุณพระรัตนไตร คุณเทพพรหมเทวาผู้เป็นสัมมาทิษฐิ และอำนาจแห่งบุญกุศลที่เราร่วมกันสร้าง ร่วมกันถวายพระบวรพุทธศาสนาด้วยเทอญ"

 

ครับผมจะกลับไปแก้ไขครับ

และพวกเรามาช่วยกันถอดระหัส คำทำนายเพื่อช่วยเหลือผู้คนส่วนรวมกันดีกว่าครับ

"ขอกราบน้อมนำพระราชปรีชาญาณของพระองค์ท่านเหนือเศียรเกล้าและขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตน้อมนำไปใช้เพื่อประชาชนพสกนิกรของพระองค์ท่านด้วย พระพุทธเจ้าข้า
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"

 

======================================


14 ก.ค. 53

ใกล้เข้ามา

สิบเอ็ด กอ คอ-------ห้าสิบสาม-------ที่ผ่านมา
อันตัวข้าฯ-----------เข้ารับมอบ-------สิทธิ์ผู้นำ
อีก สามสิบห้า--------พระญาณ--------ที่ช่วยทำ
ได้น้อมนำ-----------คำสั่ง------------จากหน่วยเหนือ

ขอขอบฯ--------เหล่าพระญาณฯ-------แทนปวงชน
ที่ช่วยลง--------ช่วยชีวิต--------------ปวงประชา
เข้าปกป้อง------เพศภัย---------------ในไม่ช้า
เพื่อประชา------ จะได้รอด-------------และปลอดภัย

ในปีหน้า----------ที่ผมว่า--------------ปีเตรียมพร้อม
ชนทั้งผอง--------ต้องตระเตรียม--------เสบียงกัน
ทั้งที่อยู่-----------หยูกยา--------------สารพัน
เอาไว้กัน----------เอาไว้กิน------------ยามมีภัย

ถ้าเตรียมก่อน--------แต่เนิ่นๆ----------ก็จะดี
ของจะมี------------ทั้งไม่แพง---------และหาง่าย
ถ้าเตรียมช้า---------ของหายาก--------จ่ายมากมาย
อีกทั้งไม่------------มีของ-------------จะให้เตรียม

ผู้มีบุญ--------------ก็อย่าคิด---------คิดประมาท
เพราะจะขาด--------แหล่งที่อยู่--------และที่พิง
ให้พระช่วย----------ไม่ช่วยตัว---------มัวแต่อิง
ท่านจะทิ้ง-----------ให้ท่านอยู่--------แต่เดียวดาย

เพราะท่านอยู่--------คนละที่------------คนละทาง
เหล่าพระญาณ-------คุ้มครองได้--------ไม่ทั่วถึง
ถึงจะมี--------------คุณความดี---------ให้อื้ออึง
ช่วยไม่ถึง-----------จึงเตือนมา---------ด้วยหวังดี

ขอให้หา-----------พื้นที่ๆ------------จัดไว้ให้
จะได้ใช้------------ยามภัยมา--------ไม่ขัดสน
อีกทั้งช่วย----------เงินทอง----------ไม่อับจน
บุญกุศล------------ก็ได้มา-----------ทวีคูณ

ผู้ไม่เชื่อ-----------ไม่ต้องเชื่อ--------ที่ผมเตือน
ขอให้เบือน--------ไม่ต้องอ่าน--------ผ่านเลยไป
เมื่อภัยมา----------ถึงตัวเอง----------อย่าร่ำไห้
ไม่มีใคร------------คอยดูท่าน--------เฝ้าคร่ำครวญ

อีกเมื่อไหร่--------ถึงจะรีบ------------ขึ้นที่สูง
ผมขอจูง----------ให้ท่านเห็น---------ดังสัญญาณ
ถ้าเมื่อไร----------น้ำมันมา-----------พร้อมเหล่ามาร
เข้ารอนราน--------ทิศทักษิณ---------รีบวิ่งเอย


องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
;aa59

คอยติดตามชม อติกานต์ หนุนภักดี (จิ๊บ พิธีกรช่องยูบีซี)
จะออกรายการ วู๊ดดี้ เกิดมาคุย ทางทีวีช่อง 9 ทุกคืนวันอาทิตย์
เวลา 22.31น. เกี่ยวกับคำสั่งฟ้าเรื่องภัยพิบัติ เร็วๆนี้
​

======================================

ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

ช่วยกันเช็คข่าวหน่อย

ได้ข่าวว่า เขายกเลิกการจัดงาน วันแห่งความแค้นแล้ว

ไม่รู้เขาใช้อะไรคิด ที่จะทำแบบนั้น

 

“มทภ.2” ชี้เขมรเลิกจัดงาน “วันโกรธแค้นไทย” ผวากระทบดัน“พระวิหาร”เป็นมรดกโลก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 กรกฎาคม 2553 15:03 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top">
</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="Top" width="150"> </td> </tr> </tbody><caption align="bottom">พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ มทภ.2</caption> </table> </td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5"></td> </tr> </tbody></table> ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.ท.วีร์วลิต” มทภ.2 ชี้เขมรยกเลิกจัดงาน“วันแห่งความโกรธแค้น” เป็นเรื่องดีต่อสถานการณ์ชายแดนหากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นกัมพูชาเสียหายมากกว่า ไทยและกระทบเงื่อนไขขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เผย ผบ.ทบ.ลงพื้นกำชับกำลังพลทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยให้ดีที่สุด และดูแลการบุกรุกทำลายป่า ส่วนการดำเนินคดี “วีระ” ถอนหมุดจีพีเอสฉาวปล่อยเป็นหน้าที่ของ ตร.

วันนี้ (15 ก.ค.) ที่โรงแรมราชพฤกษ์แกรนด์โฮเต็ล อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า จนถึงขณะนี้สถานการณ์โดยรวมเป็นปกติ สงบเงียบ เรียบร้อยดี ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้นล่าสุดพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) จ.สุรินทร์ และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล เนื่องจากท่านมีความห่วงใยความเป็นอยู่ของกำลังพลทหาร ทั้งหน่วยทหารหลัก หน่วยทหารพราน และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทุกส่วนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของกำลังพลตามแนวชายแดนว่าอยู่กิน กันอย่างไร และขอให้กำลังพลทุกคนทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ และให้ช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้ที่ถูกทำลายไปมากในขณะนี้ ซึ่งต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงผลกระทบจากการบุกรุก ทำลายป่าไม้

ส่วนการจัดงานวันแห่งความโกรธแค้นของกัมพูชา นั้น ก็เป็นกิจกรรมเพื่อสร้างสัญลักษณ์ของประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ซึ่งจำกัดอยู่ในเฉพาะพื้นที่กรุงพนมเปญ ไม่ได้ขยายออกมาตามแนวชายแดนแต่อย่างใด และล่าสุดทราบว่ากิจกรรมดังกล่าวถูกยกเลิกไปก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากเกิดเหตุรุนแรงหรืออะไรขึ้นมาที่มีผลกระทบตามชายแดนทางกัมพูชาจะ ยิ่งเสียหายมากกว่าเรา เพราะฝ่ายเขาได้ยื่นเรื่องการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอยู่ อาจมีปัญหาเรื่องเงื่อนไข

ฉะนั้น เชื่อว่าไม่น่ามีอะไร เหตุการณ์ทั่วๆ ไปก็เหมือนที่เป็นอยู่ ไม่ได้มีอะไรรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระดับพื้นที่ของทหารทั้งสองฝ่ายยังเป็นไปด้วยดี ได้มีการพบปะพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาของฝ่ายกัมพูชาในทุกระดับ ซึ่งผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ได้มีการพบปะพูดคุยกันตามห้วงเวลาที่ได้ตกลงกัน ไว้ และในระดับแม่ทัพภาค ก็ได้มีการนัดหมายร่วมรับประทานอาหารกับ พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา อยู่ตลอด

พล.ท.วีร์วลิต ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีกับ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กรณีถอนหลักหมุดโครงข่ายจีพีเอส ของกรมแผนที่ทหาร ที่เขื่อนห้วยเมฆา ต.บึงเจิรญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่า การดำเนินการขณะนี้ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว ซึ่งคงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ ที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อมูล

ฉะนั้น ขณะนี้ก็ต้องให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คือตำรวจกับผู้ที่ไปร้องทุกข์แจ้งความ คือ กรมแผนที่ทหาร ส่วนหลักหมุดจีพีเอสดังกล่าวตอนนี้อยู่ที่ สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ สามารถไปตรวจสอบได้ โดยทาง สภ.บ้านกรวด แจ้งว่า ขอเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อน ยังไม่ได้ส่งคืน

“ส่วนบริเวณจุดปักหลักหมุดโครงข่ายจีพีเอสที่ถูกถอนออกไป นั้น ตอนนี้สภาพยังเป็นหลุมมีร่องรอยถูกถอนออกไป หากจะนำหลักหมุดไปปักวางเหมือนเดิมก็ต้องไปกำหนดตำแหน่งหรือไปกำหนดจุดและ ระดับอีกครั้ง ซึ่งคงต้องไปปรับแต่งให้เข้ารูปเดิม แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก เพราะมีร่องรอยเดิมอยู่แล้ว” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว

 

เลิกไปก็ดีแล้วครับ สาธุ ปราศจากกรรม เวรต่อกัน ให้อภัยกัน ชาวพุทธ นับถือพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกัน

 

เป็นบุญ ของปวงชนชาวไทยกันจริงๆ

ที่มีพระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ ทรงพระปรีชา สามารถแท้ๆ

ที่กล่าวว่า ทรงพระปรีชา สามารถ นั้นไม่ได้หมายความว่า ยกย่องเพราะเป็น กษัตริย์

แต่พระองค์ คู่ควรแห่งการ ยกย่องอย่างท่องแท้ หาผู้ใดใน โลกมนุษย์นี้ จะเสมอเหมือนได้

แต่กรรมใดหน่อ ของเมืองสยาม

เมื่อมี กษัตริย์ ที่ ทรง พระปรีชา สามารถ รอบด้าน

เมื่อมี ทรัพยาการ ธรรมชาติที่อุดม สมบูรณ์

เมื่อมี ภูมิประเทศ ที่ดีที่สุด

แต่ดันเป็น แหล่งรวม นักการเมือง ที่เน่าเฟอะ มากที่สุดในโลกเหมือนกัน

 

*** บ้านเมืองขาดสัจจะ ****

สัจจะ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ประกาศพื้นที่อันตราย โรงงานจิวเวลรี่ สารเคมีรั่ว บาดเจ็บ 300 ราย​

​

​

​

ผู้ว่าฯเมืองเก่าประกาศให้โรงงานผลิตจิวเวลรี่รายใหญ่ภายในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เป็นพื้นที่อันตราย หลังสารเคมีรั่ว พนักงานกว่า 4,000 คนต้องหนีตายอลหม่าน พบกว่า 300 คนบาดเจ็บต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล 50 ราย...

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 ก.ค. พ.ต.ท.วินัย สืบหิรัญ สารวัตรเวร สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเหตุถังบรรจุสารเคมีรั่วมีคนงานได้รับบาดเจ็บจำนวนมากที่บริษัท แมรี่กอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย ) จำกัด ภายในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ถนนสายเอเชีย เลขที่ 200 ม.1 ต.บ้านเลน อ.บางปะอินพร้อมด้วยนายนัทธี บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอินรุดไปตรวจสอบ และจึงได้ประสานรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย

ที่เกิดเหตุ พบพนักงานกว่า 4,000 คน วิ่งหนีตายกันอลหม่านออกมานอกโรงงาน และนอนสลบอยู่ที่สนามหน้าโรงงาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รีบนำส่ง รพ.ราชธานี รพ.นวนคร2 (อยุธยา) และรพ.พระนครศรีอยุธยาทั้งหมดประมาณ 300 คน มีอาการบาดเจ็บคล้ายกันคือ ช็อก หมดสติ ร่างกายเกร็ง และกระตุก บางรายไม่รู้สึกตัว ขณะที่บางรายมีอาการหายใจไม่ออก ปวดตามเนื้อตัวอย่างรุนแรง ทางแพทย์ได้เร่งให้การรักษาอย่างเร่งด่วน แต่ก็เต็มไปด้วยความสับสน เพราะคนไข้แต่ละคนอาการหนัก และมีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และมีบางส่วนที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณ 50 คน

นายกฤตดนัย เส้นหมัน อายุ 30 ปี ช่างประจำโรงงาน กล่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งสารเคมีรั่วที่สายการผลิตที่ 3 เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่าได้กลิ่นของสารเคมีอย่างรุนแรง และก็ช็อกหมดสติไป

ด้านนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯ อยุธยา สั่งการด่วนให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด , อำเภอ รวมถึงหน่วยงานอุตสาหกรรมจังหวัด , สาธารณสุขจังหวัด ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุ จนสามารถหยุดการฟุ้งกระจายของสารเคมีได้แล้ว โดยล่าสุดได้ประกาศเขตโรงงานดังกล่าวเป็นเขตอันตราย และให้หยุดกิจการทันที จนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายหรือมีการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ซึ่งพบว่าที่เกิดเหตุเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ผลิตเครื่องประดับ ประเภทเพชรพลอย ให้กับตราสินค้าชื่อดังของยุโรปและอเมริกา มีพนักงานรวม 4,000 คน โดยเป็นโรงงานร่วมทุนระหว่างต่างประเทศและไทย

ทั้งนี้ พบว่าถังหรือหม้อบรรจุสารเคมีนี้ใช้สำหรับชุบเครื่องประดับ โดยติดตั้งอยู่ในสายการผลิตที่ 3 ซึ่งกำลังมีการต่อเติมก่อสร้างขยายสายพานการผลิตที่ 3 เบื้องต้นพบว่าระหว่างการก่อสร้างต่อเติมนั้น ไปกระทบต่อถังหรือหม้อบรรจุสารเคมีจนเกิดการระเบิดและสารเคมีรั่วไหลออกมาจนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ขณะนี้ทางจังหวัดกำลังตรวจสอบอย่างละเอียดว่าสารเคมีดังกล่าวคือสารอะไรและ มีอันตรายเฉพาะหน้าอย่างไร รวมถึงมีพิษตกค้างอย่างไร

นายประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรม จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ยืนยันว่าคนงานของโรงงานทั้งหมดมีเพียง 4,000 กว่าคนเท่านั้น และมีบาดเจ็บจากการสูดดมเบื้องต้นเกือบ 300 คนจริง แต่ล่าสุดพบว่ามีผู้บาดเจ็บต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ.ประมาณ 50 คน ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าทุกคนจะปลอดภัยโดยสาเหตุของการฟุ้งกระจาย เกิดจากประกายไฟจากการอ๊อกเชื่อมของการก่อสร้าง โดยประกายไปกระเด็นไปถูกท่อในระบบบำบัดมลพิษของโรงงาน จนเกิดการรั่วไฟฟุ้งกระจายของสิ่งที่อยู่ในท่อบำบัดมลพิษจากกระบวนการผลิต ของโรงงานออกมา และเมื่อคนงานสูดดมจึงเกิดอาการตามที่ปรากฏ ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีการซ้อมแผนอุบัติเหตุมาก่อน เมื่อมีการกดสัญญาณแจ้งเหตุคนงานทั้งหมดกว่า 4,000 คน ได้รีบวิ่งมาที่จุดรวมพลอยู่กลางแจ้ง ทำให้คนงานจำนวนมากหายใจไม่ออก เมื่อต้องวิ่งในสภาพที่ร้อนจัดในช่วงบ่าย ทำให้คนงานเป็นลมจำนวนมาก เบื้องต้นได้สั่งปิดเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและปลอดภัยจึงจะดำเนินการ ต่อไปได้

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

กรีนพิซเตือนน้ำในเจ้าพระยา กำลังเสียถาวรจากปนเปื้อนสารเคมี​

ภาพประกอบข่าว​

กรีนพีซสำรวจพบโรงงานจำนวนมากปล่อยสารเคมีอันตรายลงเจ้าพระยาตอนล่าง เรียกร้องรัฐบาลเข้ามาดูแล หวั่นสูญเสียถาวร

นายพลาย ภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่าจากการตรวจสภาพคลองซึ่งเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างพบว่าน้ำในคลองปนเปื้อนสารเคมีอันตรายอย่างหนัก การสำรวจมีขึ้นเมื่อช่วงเดือนก.พ. - มี.ค. พ.ศ. 2553 ครอบคลุมสามคลองได้แก่ คลองสำโรง คลองบางนางเกร็ง และคลองบางปลากด คลองทั้งสามมีโรงงานเรียงรายตลอดคลองและมีการปล่อยสารเคมีอยู่ตลอด

นายพลายกล่าวว่าจากการที่กรีนพีซได้ศึกษาลุ่มเม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างๆ ได้เห็นปัญหาที่ชาวบ้านต้องเผชิญจากโรงงานอุตสาหกรรมจึงทำการศึกษาเจาะลึกด้วยการสุ่มตรวจน้ำและตะกอนดินในคลองที่มีโรงงานอยู่หนาแน่นและเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยา โรงงานที่สำรวจจะเน้นโรงงานฟอกย้อมคือโรงงานสามชัยพิมพ์ผ้าและโรงงานฟอกผ้านำบุญเพราะจะเห็นปล่อยสารเคมีลงน้ำอยู่ตลอดเวลา

ตัวอย่างน้ำและตะกอนดินที่เก็บมาถูกส่งไปตรวจวิเคราะห์หาสารพิษและโลหะหนักที่ห้องปฏิบัติการและวิจัยของกรีนพีซสากลที่ประเทศอังกฤษ นายพลายกล่าวว่าการสุ่มตรวจครั้งนี้มีเพื่อชี้ให้เห็นปัญหาและเสนอมาตรการหรือเครื่องมือให้รัฐในการแก้ไขปัญหา“นี่เป็นเพียงแค่สามในหลายสิบหลายร้อย คลองทั้งสามมีโรงงานเป็นพันๆ” นายพลายกล่าวและว่า “เจ้าพระยาตอนบนนี่น้ำจะดี แล้วค่อยๆ แย่ลง พอเข้าสมุทรปราการก็เสื่อมโทรมมาก

นายพลายกล่าวว่าจากการสัมภาษณ์ชาวบ้านที่อยู่แถวคลอง ชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าฟ้องไปก็ไม่ได้อะไร จนสุดท้ายชาวบ้านก็ค่อยๆ ย้ายออก หรืออยู่ต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน น้ำที่แต่ก่อนเคยใช้ทั้งอุปโภคบริโภค ทำอาชีพหาปลา ตอนนี้กลายเป็นสีแดง ดำ เขียว เหลือง

นายพลายกล่าวว่าเวลาในแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำขึ้นโรงงานเหล่านี้จะบอกให้เปิดประตูน้ำเพื่อปล่อยสารเคมีเหล่านี้ลงแม่น้ำไป และจากการสอบถามชาวบ้านโรงงานจะปล่อยน้ำเสียเวลากลางคืนโดยน้ำจะสกปรกกว่าเวลากลางวัน หรือเวลาฝนตกก็จะมีการปล่อยน้ำเสียเยอะเช่นกัน“ตอนไปตรวจสอบนั่งเรือเล็ก ตลอดทางจะเป็นคลอง สีดำ เหลือง เขียว แดง” นายพลายกล่าว

ในรายงาน “การตรวจสอบสารเคมีอันตรายในน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกย้อมสองแห่งและการปนเปื้อนของสารเคมีในคลองบริเวณใหล้เคียงงซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ประเทศไทย พ.ศ. 2553” ซึ่งจัดทำขึ้นโดยกรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าน้ำทิ้งจากโรงงานสามชัยพิมพ์ผ้ามีสารพิษที่สำคัญ ได้แก่ โนนิลฟีนอล (Nonyl phenols) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมนในสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังพบ 2 – เนฟทาลีนาทมีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ และพบการปนเปื้อนของทองแดง โครเมียม และสังกะสี

การเก็บตัวอย่างน้ำและดินตะกอนจากคลองสำโรง ช่วงที่ไม่ไกลจากแม่น้ำเจ้าพระยานัก พบว่าน้ำคลองมีสารพิษโนนิลฟีนอลและไตรไอโซบิวทิลฟอสเฟต (Tibp) เหมือนที่พบจากท่อน้ำทิ้งของโรงงาน พบปริมาณโลหะรวมของทองแดง แมงกานีส ตะกั่ว นิเกล และสังกะสีมากกว่ามาตรฐานคุณภาพแหล่งน้ำผิวดินที่ประเทศไทยกำหนดไว้ 3 - 8 เท่า ส่วนดินตะกอนมีโลหะในปริมาณสูงโดยเฉพาะสังกะสีที่มีสูงกว่าค่าพื้นฐาน 30 เท่า ส่วนใหญ่เป็นตะกอนลอย

คลองบางเกร็งพบว่ามีนิเกิลซึ่งเป็นสารที่ไม่ค่อยพบในธรรมชาติละลายอยู่ในน้ำ นายพลายกล่าวว่าปลาที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อเจอน้ำที่ไหลมาจากคลองบางนางเกร็งจะลอยตาย ผิวของดินตะกอนในคลองยังมีลักษณะมันๆ เหมือนมีน้ำมันเคลือบอยู่ คลองปลากดยังไม่มีสารพิษร้ายแรงในปริมาณผิดปกติ แต่เนื่องจากคลองบางปลากดไม่มีประตูน้ำกั้นระหว่างคลองกับแม่น้ำเจ้าพระยา จึงอาจทำให้สารเคมีที่โรงงานปล่อยเจือจางไป

“โนนิลฟีนอล จะสะสมในสิ่งมีชีวิต เมือปลาเล็กได้รับโนนิลฟีนอล พอปลาใหญ่กินปลาเล็กก็จะรับไป และพอมนุษย์กินปลาใหญ่ก็จะได้รับไปเช่นกัน”

นายพลายกล่าว คลองทั้งสามมีสารพิษสูงเกินไปที่จะใช้ ทำให้คลองเสียถาวร ถึงแม้จะนำไปบำบัดก็จะยังไม่สะอาดอยู่ดี ใช้ได้เพียงด้านคมนาคมเท่านั้น“คลองข้างหลังโรงงานเคมีเราไม่ค่อยเห็น คลองเสียใช้การไม่ได้ กลิ่นจะมึน เรือก็ไม่ใช้เพราะเหม็นมาก”นายพลายกล่าวว่า

นายพลายกล่าวว่าสารพิษที่ไหลมากับน้ำจะมาตกตะกอนอยู่ในดิน ดังนั้นการกำหนดปริมาณการปล่อยจึงไม่มีความหมายอยู่ดีเพราะสุดท้ายตะกอนจะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหานี้จึงต้องป้องกันไว้ก่อน

กรีนพีซมีข้อเสนอเร่งด่วนต่อภาครัฐในการแก้ปัญหาคือ 1) นำการศึกษานี้ไปทำต่ออย่างละเอียดและให้ครอบคลุมกว่านี้ รวมถึงทำการสำรวจส่วนอื่นๆ ของประเทศด้วย 2) รวบรวมจัดทำบัญชีสารอันตรายที่ควรเลิกใช้ กระบวนการลดการใช้อาจค่อยๆ เปลี่ยนไปใช้สารที่ปลอดภัยมากขึ้นและเลิกใช้ในท้ายที่สุด

ผลการศึกษานี้นายพลายกล่าวว่า จะนำไปร้องเรียนต่อสามหน่วยงานได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ และผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้กรมควบคุมมลพิษและกรมโรงงานอุตสาหกรรมทำการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ท้ายที่สุดโรงงานต่างๆ พัฒนาสู่โรงงานที่มีมลพิษเป็นศูนย์ (ไม่ปล่อยมลพิษเลย) และให้ผู้ว่าฯ ทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายควบคุมโรงงานอย่างเข้มงวด ห้ามการใช้คลองเป็นแหล่งรองรับน้ำทิ้งจากโรงงาน และให้มีการฟื้นฟูให้คลองและแม่น้ำกลับมาสู่สภาพเดิม

สิ่งหนึ่งที่กรีนพีซเรียกร้องคือการจัดให้มีทำเนียบการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษหรือพีอาร์ทีอาร์ (PRTR) ซึ่งเป็นระบบจัดการสิ่งแวดล้อมโดยใช้หลักการให้แต่ละโรงงานต้องรายงานข้อมูลการใช้และปล่อยสารเคมีอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล โรงงานที่ปล่อยมลพิษมากจะเกิดความละอายใจ ทำให้เกิดแรงกดดันให้ลดการปล่อยมลพิษลง ฝั่งภาครัฐก็สามารถรู้ได้ว่ามาตรการต่างๆ ของรัฐช่วยลดการปล่อยมลพิษลงหรือไม่เท่าไร

“ในสหัรฐอเมริกา มีการใช้กฎหมายนี้มาตั้งแต่ปี 1980 ยุโรปก็ใช้มาหลายสิบปีแล้ว ในเอเชียก็มีประเทศญี่ปุ่นเกาหลีที่ใช้ได้ผลมาก ข้อสังเกตก็คือไทยเป็นฐานผลิตให้กับบริษัทจากประเทศพวกนั้น” นายพลายกล่าวและว่า “ถ้าเราเอากฎหมายมาบังคับใช้ บริษัทจะต้องยอมรับ เพราะประเทศอื่นก็ใช้”

นายพลายกล่าวว่า ทางกรมควบคุมมลพิษเคยบอกว่าจะนำเรื่องนี้เข้าแผนให้เร็วที่สุด แต่ตอนหลังก็ไปให้สัมภาษณ์ว่าคงต้องใช้เวลา 3-5 ปี 4-5 ปีต่อมาก็ยังบอกว่าต้องอีก 3-5 ปีเหมือนเดิม

ทางกรีนพีซจะให้เวลาปราะมาณสองอาทิตย์ เพื่อดูท่าทีของหน่วยงานที่จะร้องเรียน แล้วจะติดตามผลักดัน “เราอยากผลักดันรัฐให้แก้ไขปัญหามากกว่า ไม่ใช่เป็นการถล่มโรงงาน ซึ่งเป็นจุดยืนของกรีนพีซมาตลอด” นายพลายกล่าวและว่า “มันไม่ใช่แค่สองโรงงานนี้แต่เป็นทุกโรงงาน”

นายพลายกล่าวว่าโรงงานมีทั้งที่มีเส้นใหญ่เละไม่มีเส้น แต่ภาครัฐก็มักจะเข้าข้างโรงงานตลอดโดยอ้างข้อกฎหมาย เป็นกฎหมายที่ไม่ได้เอื้อให้เกิดความสุขในชุมชนหรือเอื้อต่อสภาพแวดล้อม

“บางจุดที่ไม่มีชาวบ้านอยู่ คนป่วยอาจเป็นคนที่อยู่ในโรงงานด้วยซ้ำ ชุมชนที่อยู่ก็อาจได้รับสารพิษทั้งทางน้ำและอากาศ สัมภาษณ์เขา เขาก็บอกว่าสุขภาพย่ำแย่มาตลอด ผื่นคันนี่เป็นเรื่องปกติของคนที่สัมผัสน้ำ” นายพลายกล่าวอีกว่า ด้านสุขภาพจิตก็เป็นปัญหาเพราะในชุมชนมีกลุ่มผู้สูงอายุอยู่มาก

บทความโดย : วริศ พันธุ์โอสถ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 13 กรกฎาคม 2553 21:06

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20100713/342899/กรีนพิซเตือนน้ำในเจ้าพระยา-กำลังเสียถาวรจากปนเปื้อนสารเคมี.html<!-- Tags Keyword -->

 

ช่วงนี้หากใครสังเกตุเห็นจะพบว่า ฟ้าผ่ามีความรุนแรงมาก

หลายท่านเล่าให้ฟังว่า ฟ้าผ่าแรงจนตึกที่พักอาศัยอยู่ สะเทือนไปทั้งหลัง

อย่างเช้าวันนี้ แถวบ้านผม ฟ้าก็ลงแรงจนรถยนต์นอกบ้าน สะเทือนระบบกันโขมยดังระงมหลายสิบคัน

และหากใครสังเกตุอีกจะพบว่าเมฆ เมฆฝน ลอยลงต่ำ กว่าปกติมาก

เมื่อเมฆลอยต่ำ ประจุไฟฟ้าในอากาศมีมาก สนามแม่เหล็กโลกแปรปวน

โดยที่ระยะห่างระหว่างเมฆและแผ่นดินต่ำลง เราสร้างตึกสูงมากขึ้น

กระแสไฟฟ้าความต่างศักย์สูงก็จะผ่าลงมาบนวัตถุและผืนโลกได้ง่ายขึ้น ลองนึกถึงเขี้ยวหัวเทียน ที่ประจุไฟฟ้าวิ่งผ่านอากาศระหว่างเขี้ยวทั้งสองขั้ว ระยะใกล้มากก็สปาร์คง่าย เพราะความต้านทานต่ำ

ดังนั้นระมัดระวังเรื่องฟ้าฝนด้วยครับ โดยเฉพาะท่านที่อยู่ในสถานที่โล่งแจ้งบ่อย

ในทางกลับกัน การที่ฟ้าผ่านั้น ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าความต่างศักย์สูงที่ช่วยแตกอนุภาคของอากาศให้เกิด โอโซนจำนวนมหาศาลเช่นกัน

เป็นกลไกของธรรมชาติที่เยียวยาตนเอง ให้อากาศให้โลกสะอาดขึ้นครับ

 

ขี่จักรยานชาร์จแบตมือถือได้​

​

โนเกีย ผู้ผลิตมือถือยักษ์ใหญ่ เปิดตัวอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ โดยต่อพ่วงเข้ากับล้อจักรยาน โดยผู้ที่ต้องการชาร์จแบตเตอรี่ จะต้องขี่จักรยานต่อเนื่องด้วยความเร็วขั้นต่ำ 6 กม./ชม.

อุปกรณ์ชาร์จมือถือนี้ ถูกออกแบบมาสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ใช้จักรยานเป็นยานพาหนะ โดยสามารถต่อชาร์จกับมือถือที่ใช้แจ็คขนาด 2 ม.ม. ของโนเกีย

โนเกียกล่าวว่า ถ้าสามารถขี่จักรยานต่อเนื่องด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. ติดต่อกัน 10 นาที สามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่มือถือให้สแตนด์บายได้นานถึง 37 ชั่วโมงทีเดียว โดยอุปกรณ์นี้ มีการออกแบบให้มีที่วางมือถือได้อย่างสะดวก และปลอดภัยระหว่างขี่จักรยานเพื่อชาร์จไฟด้วย

โนเกียเตรียมวางจำหน่ายอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยจักรยานภายในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่เคนยาก่อนในสนนราคาชุดละ 600 บาท ทั้งนี้โนเกีย ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีกระแสไฟฟ้าจำกัดถึง 4 รุ่นด้วยกัน โดยสามารถเปิดเครื่องสแตนด์บายได้นานถึง 6 สัปดาห์

ที่มา: http://news.bbc.co.uk/2/hi/technology/10224363.stm

​

ถ้าการปั่นจักรยานสามารถช้าร์ทแบตเตอรี่ขนาดเล็กได้ ผมว่าน่าสนใจมากเลยที่เดียว เพราะแบตเตอรี่แบบช้าร์ทไฟฟ้าใหม่ได้มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดในปัจจุบันนี้ จะได้ไม่ต้องตุนแบตเตอรี่มากเกินความจำเป็น

แต่ถ้าการปั่นจักรยานไม่สามารถช้าร์ทแบตเตอรี่ได้ ผมคิดว่าเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้น้ำมันหรือก๊าซหุงต้มได้ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามไปนะครับ เพราะถ้าใครมีเครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดเล็ก เพียงเครื่องเดียวก็ใช้ประโยชน์ได้มากมายเหลือคณานับ ให้กับกลุ่มคนนับเป็นร้อยๆคนในยามที่เกิดภัยพิบัติเลยทีเดียวครับ และมันยังสามารถบรรทุกไว้ที่ท้ายรถจักรยานได้อีกด้วย เพียงแต่อย่าลืมเตรียมหาน้ำมันสำรองเอาไว้ด้วยนะครับ -เกษม-<!-- google_ad_section_end -->

 

======================================


15 ก.ค. 53

นอกจากนี้--------ก็ยังมี---------------แผ่นดินไหว
ไหวเมื่อไร?------ไหวตอนไหน?-------โปรดตามอ่าน
เมื่อประเทศ-------ได้ผู้นำ-------------ที่เป็นกลาง
เก่งการงาน-------เก่งการเงิน-----------ดำเนินมา

แผ่นดินไหว-------ก็จะเกิด---------------ระเบิดขึ้น
ให้ระวัง-----------เวลาเกิด--------------ยามดึกดื่น
ผู้ที่ไม่------------เตรียมความพร้อม------ก็แตกตื่น
ต่างสะอื้น---------จากผลกรรม-----------ที่ทำมา



องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
;aa59

คอยติดตามชม อติกานต์ หนุนภักดี (จิ๊บ พิธีกรช่องยูบีซี)
จะออกรายการ วู๊ดดี้ เกิดมาคุย ทางทีวีช่อง 9 ทุกคืนวันอาทิตย์
เวลา 22.31น. เกี่ยวกับคำสั่งฟ้าเรื่องภัยพิบัติ เร็วๆนี้
​

======================================

ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

จุฬาราชมนตรี


จุฬาราชมนตรีเผย ในหลวงทรง ห่วง 3 จังหวัดใต้ (ไอเอ็นเอ็น)

จุฬาราชมนตรี เผย ในหลวงทรงห่วงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ ขอให้ร่วมมือเพื่อกลับสู่ความสงบเหมือนเดิม

นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี และคณะได้เดินทางไปที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยไปยังสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตาก ที่มัสยิดอัลซอร์ เขตเทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก มี นายวุฒิ สิทธิสุราษฎร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, นายดำรง กะลำคาร ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตาก พร้อมด้วยคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตาก คณะกรรมการมัสยิดในพื้นที่ 4 แห่ง ให้การต้อนรับและพบปะกับชาวไทยมุสลิม และชาวพม่าที่นับถือศาสนาอิสลามที่มัสยิดอัลซอร์ หลังจากนั้น จะเดินทางไปพบปะพี่น้องมุสลิมที่ โรงเรียนอิสลามศึกษา ซึ่งมีผู้แทนจากส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมทั้งชาวไทยที่นับถือศาสนาต่าง ๆ ในเขตชุมชน ต่างให้การต้อนรับ

จากนั้นนายอาศิส ได้กล่าวนำ ขอพรถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระวรกายที่แข็งแรง และทรงเป็นมิ่งขวัญของพี่น้องชาวไทย นายอาศีสกล่าวต่อประชาชนว่า หลังจากที่ตนเองได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ทราบว่า ปัญหาการเมือง ปัญหาภาคใต้ยังความวิตกกังวล ทุกข์ร้อนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้น ขอให้ทุกคนร่วมกันขอพร ให้บ้านเมืองของเราคืนสู่ความสงบเหมือนเดิม และขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระวรกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยต่อไป

 

*** ค้นหา วางแผน เตรียมการ โยกย้าย ****

ย้ายไปอยู่ที่สูงกว่า ระดับน้ำทะเลในอดีต
ภาคกลาง พื้นที่ราบเรียบแบนเหมือนแผ่นน้ำ ก็ไม่ปลอดภัย
ทั้งน้ำทะเล ทั้งน้ำหิมาลัย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เมฆฝน กทม. ตอนนี้ครับ

 

คลื่นความร้อนที่ยุโรป​

​

หลายประเทศในยุโรปต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโปแลนด์ อิตาลี และรัสเซีย โดยเฉพาะที่รัสเซีย อากาศที่ร้อนจัดทำให้เกิดไฟป่าตามมา

นักท่องเที่ยว รวมไปถึง ชาวโปแลนด์เอง ออกมาตากอากาศคลายร้อน กันที่ริมชายหาด ในเมือง Miedzyzdroje ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ กันอย่างแน่ชายหาด ขณะที่กรุงวอร์ซอ เมืองหลวง ทางการได้ติดเครื่องฉีดน้ำ ตามลานสาธารณะ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิความร้อนให้กับประชาชน ขณะที่อุณหภูมิที่ร้อนจัด ทำให้พื้นผิวถนนซึ่งเป็นยางมะตอยในบางพื้นที่ละลาย บ้างก็กลายเป็นหลุม ซึ่งมียางมะตอยเหลวเต็ม โดยวัดอุณหภูมิจากพื้นถนน ในเมือง Lodz สูงถึง 44 องศาเซลเซียส

ขณะที่กรุงโรม ของอิตาลี อากาศที่ร้อนจัดทำให้นักท่องเที่ยว แห่กันไปเที่ยวที่น้ำพุ Trevi สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เตือน ห้ามนักท่องเที่ยวลงไปเล่นในน้ำ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกันที่กรุงมอสโค ของรัสเซีย เหล่าบรรดาสัตว์ ในสวนสัตว์ ต้องทนอยู่ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ที่เริ่มขึ้นต่อเนื่อง นานกว่า 2 สัปดาห์ก่อน วัดอุณภูมิได้ 30 องศาเซลเซียส เกือบจะทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติที่จะเกิดขึ้นในกรุงมอสโก

ส่วนพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้รัสเซีย คลื่นความร้อนที่ผาดผ่านตลอด 3 สัปดาห์ เป็นเหตุให้เกิดไฟป่าขึ้นหลายจุด จนทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ 16 เขตของรัสเซีย โดยไฟป่ากำลังขยายวงกว้างเผาผลาญพื้นที่ป่าในเขตมอสโค โดยเฉพาะพื้นที่ย่าน Shatura ห่างจากกรุงมอสโคไป 130 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ล่าสุดทางการได้ระดมคน ราว 150 คน เข้าไปดับไฟป่าแล้ว ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า เป็นคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของรัสเซีย และคาดว่า อุณหภูมิจะพุ่งสูงทำสถิติใหม่ อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส ในสุดสัปดาห์นี้

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รัสเซีย-ร้อนหนักในมอสโก​

​

กรุงมอสโก นครหลวงของรัสเซีย และเขตอื่นๆ ทางภาคกลางและภาคใต้ของรัสเซีย กำลังเผชิญกับอากาศที่ร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ อุตุฯ คาดหมายว่า คลื่นความร้อนล่าสุดนี้จะพาดผ่านรัสเซียต่อไปอีก 1 สัปดาห์ และเตือนว่า แม้คลื่นความร้อนจะผ่านพ้นไปแต่อุณหภูมิจะยังไม่ลดลงอย่างฮวบฮาบ

เมื่อวานนี้ นายดมีตรี เม็ดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาแสดงความวิตกกังวลว่า ความร้อนจะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับภาคเกษตรกรรมของรัสเซีย ท่ามกลางความวิตกกังวลของนักวิชาการว่า รัสเซียอาจกำลังเผชิญกับภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 130 ปีก็เป็นได้ รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 10 เขตการปกครองของประเทศ

ชาวกรุงมอสโกพากันไปคลายร้อนตามน้ำพุสาธารณะของเมือง แต่การลงไปอาบน้ำในแม่น้ำมอสค์วา ที่ไหลผ่านกรุงมอสโก หรือตามสระน้ำต่างๆทำให้ชาวรัสเซียจำนวนมากต้องจมน้ำเสียชีวิต โดยในแต่ละวันจะมีชาวรัสเซียจมน้ำเสียชีวิตหลายสิบคน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากเมาแล้วลงไปเล่นน้ำ

ขณะเดียวกันชายหาดต่างๆ ของกรุงมอสโกเนื่องแน่นไปด้วยผู้คนที่มาหลบร้อน บางคนลงไปอาบน้ำทั้งๆ ที่คำสั่งห้ามอย่างเป็นทางการ

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัส ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อาร์เจนติน่า-หนาวผิดปกติทั่วทั้งประเทศ ​

​

อาร์เจนติน่าเผชิญกับสภาพอากาศหนาวผิดปกติทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะที่กรุงบัวโนสไอเรส เกิดหิมะตกอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เคยเกิดหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบ 89 ปี

ชาวกรุงบัวโนสไอเรส ต้องรีบนำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มหนาๆ มาสวมใส่ป้องกันอากาศหนาว หลังจากอุณภูมิลดต่ำลง เกือบถึงศูนย์องศา และคาดว่าในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น อากาศที่กรุงบัวโนสไอเรสจะเป็นวันที่หนาวที่สุด อุณหภูมิอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส อันเนื่องมาจากอิทธิพลของมวลอากาศเย็น จากขั้วโลกใต้ ที่แผ่ปกคลุมพื้นที่ตอนกลางของประเทศ และเกือบจะทั่วทั้งประเทศ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนที่ เมืองเมนโดซ่า ทางตะวันออกของกรุงบัวโนสไอเรส ถูกปกลุมได้ด้วยหิมะขาวโพลน ส่วนประชาชนในกรุงบัวโนสไอเรส ต่างตื่นตาตื่นใจกับหิมะที่แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อน ออกมาเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน หลังจากที่เคยเกิดหิมะตกเป็นครั้งแรก ในรอบ 89 ปี ในบัวโนสไอเรส เมื่อปี 2550

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บีพีเผยสามารถหยุดยั้งน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกได้ชั่วคราวแล้ว​

​

ปฏิบัติการยุติน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกประสบความสำเร็จ บริษัทบีพี.สามารถหยุดยั้งการรั่วไหลของน้ำมันได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่วิกฤตการณ์ดังกล่าวดำเนินมาเป็นเวลา 85 วันแล้ว

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทบีพี.เผยว่า หลังจากที่ปิดวาล์ว 3 แห่งด้วยฝาครอบขนาด 75 ตัน ก็ปรากฏว่า ไม่พบว่ามีน้ำมันรั่วไหลออกมาจากบ่อน้ำมันในจุดอื่น ซึ่งนับเป็นสัญญานที่ดีและเป็นครั้งแรกที่สามารถหยุดยั้งการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกได้ นับตั้งแต่ที่เกิดระเบิดที่แท่นขุดเจาะน้ำมันดีพวอเตอร์ ฮอไรซ่อน เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา และเป็นวิกฤตน้ำมันรั่วไหลครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้วิกฤตน้ำมันรั่วไหลที่ยืดเยื้อมา 85 วันทำให้น้ำมันจำนวน 184 ล้านแกลลอนรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐฯบอกว่า นับเป็นพัฒนาการและสัญญานที่ดี แต่ก็ระบุว่า บีพียังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบครั้งสำคัญ ขณะที่ทางบีพี.เองก็บอกว่า งานของบีพียังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งขั้นตอนต่อไปในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้าก็คือ การทดสอบแรงดันเพื่อตรวจสอบความแข็งแรงของบ่อน้ำมัน และเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีน้ำมันรั่วไหลออกมาจากจุดอื่น

ขณะที่วุฒิสมาชิกพรคคเดโมแครตจากรัฐฟลอริด้าก็ยินดีกับข่าวดังกล่าวและว่า บีพีมาพูดทางแล้วในการแก้ปัญหา ส่วนผู้ว่าการรัฐฟลอริด้าและหลุยเซียน่า บอกว่า ยังมีงานที่หนักหนาที่เหลืออยู่ก็คือ การทำความสะอาดคราบน้ำมัน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เยอรมนี-พายุถล่มภาคตะวันตก ​

​

พายุสร้างความเสียหายหนักในภาคตะวันตกของเยอรมัน โดยลมแรงและพายุทอร์นาโดขนาดเล็กลูกต่างๆ ได้สร้างความเสียหายให้กับหลังคาบ้านเรือน และทำให้ต้นไม้หักโค่น

ชาวเยอรมันสามารถสนุกสนานบันเทิงกับช่วงพักสั้นๆ จากอุณหภูมิที่สูงขึ้นเมื่อวานนี้ แต่อากาศที่เย็นลงกลับมาพร้อมกับฟ้าแลบและลมแรง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับภาคตะวันตกของเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ ต้นไม้ที่ถอนรากถอนโคนคือสาเหตุสำคัญของความยุ่งยาก โดยต้นไม้เหล่านี้ล้มลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่

เกออร์ก บินน์ หัวหน้าหน่วยตำรวจดับเพลิงของท้องถิ่น ในเมืองก็อช กล่าวว่า กระเบื้องมุมหลังคาที่ร่วงลงมาก็มีส่วนเพิ่มความเสียหาย โดยรวมแล้วมีเหตุการณ์ประมาณ 200 เหตุการณ์ที่เกิดจากต้นไม้ล้มหรือกระเบื้องมุมหลังคาที่ร่วงหล่นลงมา พายุทอร์นาโดขนาดเบาก็พัดถล่มเมืองก็อช ซึ่งมีส่วนเพิ่มความเสียหาย

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติเยอรมัน หรือ DWD เปิดเผยว่า แนวความเย็นที่พาดผ่านเยอรมัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพลมฟ้าอากาศ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ DWD พยากรณ์ว่า ความร้อนรุนแรงกว่าเดิมจะกลับมาอีกครั้งในเร็วๆ นี้ พร้อมกับลมกรรโชกแรง

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พายุโกนเซินถล่มฟิลิปปินส์ตาย 26 คน​

​

ชาวฟิลิปปินส์ในกรุงมนิลาเริ่มมีไฟฟ้าใช้แล้ว หลังจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น"โกนเซิน" พัดถล่มอย่างหนัก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา จนไฟฟ้าดับทั่วทั้งเมือง ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 26 คน ขณะที่ในโรมันเนียกำลังเผชิญกับน้ำท่วมอย่างหนักเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้ซ่อมแซมจนกู้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ในเกือบทั้งพื้นที่ หลังจากที่เสาไฟฟ้าจำนวนมากโค่นล้มระเนระนาดจนเกิดไฟฟ้าดับเกือบทั่วกรุงมนิลา และจังหวัดใกล้เคียง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น"โกนเซิน"ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกของฤดูมรสุมที่พัดถล่มฟิลิปินส์ เคลื่อนตัวพัดถล่มเกาะลูซอน เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ขณะเที่ยวบินต่างๆในสนามบินกรุงมนิลาเริ่มเปิดให้บริการ เช่นเดียวกับโรงเรียนหลายแห่งได้เปิดการเรียนการสอนแล้ว

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น"โกนเซิน" ซึ่งขณะนี้อ่อนกำลังและมุ่งสู่ทะเลจีนใต้แล้ว มีอย่างน้อย 26 คน และยังสูญหายอีก 38 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ที่นำเรือออกหาปลาในช่วงพายุเข้าพอดี

ด้านประธานาธิบดีเบนินโญ่ อคิโน่ ที่ 3 ผู้นำคนใหม่ของฟิลิปปินส์ ได้ออกมาตำหนิกรมอุตุนิยมวิทยาที่ล้มเหลวในการแจ้งเตือนว่าจะเกิดพายุพัดถล่ม ทำให้ทางการฟิลิปปินส์ไม่ทันได้เตรียมตัวรับมือ

ส่วนอีกซีกโลกหนึ่ง คือที่ประเทศโรมันเนีย ได้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งห่างจะกรุงบูคาเรสไปทางเหนือ 300 กิโลเมตร เมื่อวานนี้ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน 400 หลัง ใน 7 หมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ ถนน และสะพานสายสำคัญๆ ได้รับผลกระทบ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งช่วยเหลือประชาชนราว 34 คน ที่ออกจากบ้านไม่ได้ เพราะน้ำท่วมสูง

ส่วนทางตอนเหนือของเม็กซิโก แม้ว่าถนนจะเปิดใช้สัญจรได้แล้ว แต่รถบรรทุกสินค้านับหมื่นคันติดค้างอยู่ตามพรมแดนระหว่างรัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ และทางเหนือของเม็กซิโก เพราะไม่สามารถวิ่งส่งของข้ามพรมแดน เนื่องจากน้ำที่ยังท่วมสูงบนถนนสายสำคัญ ส่งผลให้ชั้นวางสินค้าส่วนใหญ่ในร้านค้าซุปเปอร์มาร์เกตบริเวณพรมแดนเม็กซิโกว่างเปล่า ไม่มีของขาย

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัส ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนอีก 10 ปี กรุงเทพฯ จมน้ำลึก 2.5 เมตร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 กรกฎาคม 2553 17:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เตือน 10 ปี กรุงเทพฯอ่วมเจอน้ำท่วมสูง 2.5 เมตร

เผย หลักเขตบางขุนเทียนถูกน้ำทะเลล้ำ 1 กิโลแล้ว

วอน คนกรุง เร่งรัฐบาลสร้างคันกั้นน้ำป้องกันน้ำทะเลหนุน

ระบุ รัฐมัวแก้ปัญหาการเมือง ฝั่งธนฯ คลองเตย บางแค จะจมน้ำ พระนคร จะท่วมถึงสวนหลวง ร.9


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=608 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=608> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> จากกรณีโครงการวิจัยร่วมไทย-ยุโรป GEO2TECDI (Geodetic Earth Observation Technologies for Thailand : Environmental Change Detection and Investigation) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรปที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากสหภาพยุโรป ในโครงการตรวจวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินและระดับน้ำทะเล โดยใช้เทคโนโลยี Space Geodetic

ออกมาเปิดเผยผลวิจัย ว่า ประเทศไทยโดยรวมจะมีการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับเพิ่มขึ้น ส่วนแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลงปีละ 15 มม.โดยมีนักวิชาการเตือนว่าเหลือเวลาเตรียมป้องกันอีก 25 ปีเท่านั้นก่อนกรุงเทพฯ จะจมน้ำ

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ กรรมการภูมิศาสตร์โลก และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จากผลการวิจัยผลกระทบต่อการเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งได้รับทุนวิจัยมูลนิธิโทเรเพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วนจากบริษัท ปัญญา คอนเซาท์แตน จำกัด

โดยการสนับสนุนของธนาคารโลก เมื่อปี 2551 คาดการณ์ว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นหินอ่อนจะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมภายใน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป โดยสถานการณ์จะรุนแรงกว่าปี 2538

เพราะจากการคำนวณพบว่า ทุกๆ 25 ปี กรุงเทพฯ มีโอกาสจะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง (ภายในปี 2563) ทั้งนี้หากคำนวณจากปัจจัยแผ่นดินทรุดเพียงกรณีเดียว พบว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมภายใน 25 ปี แต่ในความเป็นจริงปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วมไม่ได้มีเพียงแค่กรณีเดียว

แต่ประกอบด้วย 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.ปริมาณฝนที่ตกลงมา ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% ต่อปี

2.การทรุดตัวของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดตัวต่ำลงประมาณปีละ 100 มม.แต่ในปัจจุบันหลังมีมาตรการห้ามขุดเจาะน้ำบาดาล อัตราการทรุดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ10-20 มม.

3.ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีอัตราน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 3 มม.

4.ผังเมืองและความแออัดของชุมชนเมือง ทำให้พื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ ลดลงกว่า 50% เมื่อมีน้ำเหนือไหลมาหรือมีปริมาณฝนมากขึ้นจึงไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ

รศ.ดร.เสรี กล่าวต่อไปว่า กรุงเทพฯ มีแผ่นดินที่ติดน้ำทะเลเพียงแห่งเดียว คือ เขตบางขุนเทียน ซึ่งขณะนี้หลักเขตกรุงเทพมหานครในเขตบางขุนเทียน ถูกน้ำทะเลล้ำเขตเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร แสดงให้เห็นว่า แผ่นดินจมหายไป 1 กิโลเมตร

ทั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีสร้างคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันน้ำทะเลหนุน โดยสามารถเลือกสร้างได้ทั้งคันดินสีเขียวเพื่อปลูกต้นไม้ หรือสร้างคันเป็นถนนสำหรับรถวิ่งลักษณะเดียวกับประเทศเวียดนามที่ก่อสร้างไปแล้วเป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร

ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่ลงมือแก้ปัญหาเพราะติดปัญหาทางการเมือง ปัจจุบันนี้การแก้ปัญหาน้ำท่วมดำเนินการโดยวิธีสูบน้ำเหนือที่ไหลทะลักให้แยกออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งขวาให้ไหลลงแม่น้ำบางปะกง ส่วนฝั่งซ้ายให้ไหลลงแม่น้ำท่าจีน แต่ในอนาคตสิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องป้องกันน้ำทะเลหนุนให้ได้

“ธนาคารโลกเคยนำเสนอปัญหาดังกล่าวต่อรัฐบาลไทยแล้ว เพราะที่ประชุมคณะกรรมการภูมิศาสตร์โลกมองว่ามีความเสี่ยงสูง แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ ความนิ่งเฉยของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าน้ำจะท่วมเมื่อใด

แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงคาดว่าระดับน้ำที่ท่วมจะสูงถึง 1-2.5 เมตร สูงต่ำตามระดับพื้นดิน โดยจะรุนแรงมากในพื้นที่ฝั่งตะวันตก ฝั่งธนบุรี เขตคลองเตยจนถึงบางแค สำหรับฝั่งพระนครจะท่วมถึงบริเวณสวนหลวง ร.9

เพราะฉะนั้นประชาชนชาวกรุงเทพฯ ควรเรียกร้องให้รัฐบาลและเขตการปกครองท้องถิ่นตระหนักถึงปัญหาตรงจุดนี้ เพื่อเร่งสร้างคันกั้นน้ำให้เร็วที่สุดเพราะการก่อสร้างต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี หากเราลงมือทำกันจริงๆ วันนี้ก็ยังแก้ปัญหาทันอยู่ เพียงแต่เรายังไม่เริ่มเท่านั้น” ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว

http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000098271

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
งานนี้จะรอให้น้ำท่วมปาก รึจะเตรียมเผ่นไปตั้งหลักดี

 

ท่านรัฐบาลคะ

เลิกทะเลาะกัน แล้วหันมาพัฒนาชาติ บ้านเมืองดีกว่าไหมคะ