น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ถ้าใช้ความรู้คิดตัวเองในการแต่งหนังสืออยากให้ใช้คำว่าหนังสือพระพุทธศาสนาในความเข้าใจของข้าพเจ้ามากกว่า ของจริงคือพระไตรปิฎกนั่นแหล่ะครับ ..

 

กราบเรียนท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ ครับ
อ้างจาก...

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทุกข์ในวัฏสงสารครับ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้เป็นอนันตทุกข์ อยากหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้ให้พากันปฏิบัติเพื่อบรรลุเป็นอริยะบุคคล

อ้างถึงหลักสูงสุดของศาสนาพราหม์คือการปฏิบัติตนให้คืนสู่พรหมและไปเป็นพรหมจึงมีวิธีการปฏิบัติผิดๆต่างๆนานา
เพื่อการเข้าสู่พรหมเป็นการปฏิบัติที่ผิด ที่ท่านสอนพวกพราห์มเรื่องหนึ่งก็เรื่องวัฏสงสารนี่แหล่ะครับ แม้พระพรหมเองก็ไม่พ้นวัฏสงสารยังเวียนว่ายตายเกิดเช่นกัน

เรื่องสมาธินี้มีมาตั้งแต่สมัยก่อนพระพุทธเจ้าแต่พราหม์บางพวกปฏิบัติได้บรรลุเจโตสมาธิปุพเพนิวาสา สามารถระลึกชาติได้หลายชาติ เมื่อระลึกได้แล้วมีปัญญาได้เท่านี้จึงกำหนดว่าโลกเทียงบ้าง โลกนี้เป็นอัตตาบ้าง แต่ก็หาได้หลุดพ้นจากกองกิเลสหรือวัฏสงสารไม่

พระพุทธเจ้าท่านก็ปฏิบัตจนระลึกชาติได้แบบเดียวกับพราหม์แต่พระปัญญาบารมีของท่านสูงกว่าจึงเข้าใจถึงการหลุดพ้นจากวัฏสงสารซึ่งการหลุดพ้นนี้ต้องอาศัยปัญญาที่เกิดจากวิปัสนาญาณ

จากการปฏิบัติในการทำลายอวิชชา เมื่อท่านตรัสรู้แล้วท่านก็ไม่สงสัยอะไรอีก ท่านก็สอนในสิ่งที่รู้แจ้งเห็นจริง

ท่านจึงไม่ได้เน้นสอนว่าให้ปฏิบัติไปเพื่อสามารถระลึกชาติได้ หรือปฏิบัติไปเพื่อให้มีอิทธิฤทิ์ต่างนานา
ท่านเน้นสอนเพื่อให้หลุดพ้นโดยตรงอย่างแท้จริง แต่การปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นนั้นบางคนจะเกิดปัญญาญาณและทราบได้ถึงการเวียนว่ายตายเกิดรวมทั้งผลกรรมของสัตว์ที่ประกอบกรรมมาแตกต่างกันซึ่งเป็นส่วนของธรรมที่ประดับบารมีของแต่ละบุคคล ....

ในเมื่อไม่มีความเชื่อเรื่องสังสารวัฏ การเวียนเกิดเวียนตายของตนว่าเป็นอนันตทุกข์แล้ว ผู้ที่เชื่อเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติเพื่อนิพพานอะไร แค่ทำความดีก็มีความสุขในปัจจุแล้วอย่างนั้นหรือ

พระพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ แต่อย่านำทฤษฎีวิทยาศาสตร์ทางโลกใดๆมาพิสูจน์พระพุทธศาสนา เพราะเมื่อตัวเองเอาปัญญาโลกๆตัวเองมาพิสูจน์แล้วมองไม่เห็นเหมือนผู้ที่เห็น(เช่นความเชื่อเรื่องสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด กรรมและผลของกรรมในชาติอดีตนั้น) ก็อย่าเพิ่งไปเหมารวมหมดว่าไม่มี
พิสูจน์ไม่ได้ หลอกลวง ...

อยากให้พิจรณาเป็นกลางๆ ถ้าท่านเชื่อเช่นนั้นท่านก็สอนหนังสือเด็กแบบกลางๆ เพราะหลายอย่างขัดกับพระไตรปิฎกและคำสอนของอริยะสงฆ์ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน
ขอให้พิจรณาด้วยเพราะ ทุกข์ภัยของการเวียนว่ายตายเกิดของทุกคนนี้แหละน่ากลัวนัก

 

สุบินนิมิตข้อที่ 6 : พระธรรมคำสอนถูกเหยียบย่ำ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นมีหมู่มนุษย์ ถือถาดทองคำอันมีค่ามหาศาล ไปวางไว้สุนัขจิ้งจอกถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะใส่ พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น กลุ่มคนที่โง่เขลาปัญญาทราม จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปให้ลัทธิต่างๆ เหยียบย่ำทำลาย แล้วถ่ายทอดลัทธิของเขา เอาคำสอนของเขาที่สกปรกโสโครกด้วยกิเลสตัณหา มากลบเกลื่อนในคำสอนของเรา แล้วดัดแปลงแก้ไขคำสอนของเรา ให้เข้ากันกับลัทธิของเขา แล้วประกาศว่า คำสอนของเราตถาคต เป็นส่วนหนึ่งในลัทธิของเขา ให้คนทั้งหลายมีความเข้าใจผิดว่า คำสอนของเราเข้ากันได้กับของเขา ถือว่าเป็นอันเดียวกัน ลัทธิเหล่านั้นก็จะไม่รู้คุณค่าของคำสอนของเราตถาคตแต่อย่างใด มนุษย์อย่างนี้ก็จะมีในเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้ว และจะมีลัทธิต่างๆ มาอวดอ้างว่าเป็นศาสนาเป็นจำนวนมาก

 

...

 

...

 

ทำไม...
เพราะคนที่นับถือเป็นพราห์ม...ไม่ใช่พุทธ...
มหาปเทส๔...โยนิโสมนสิกา...

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">เศร้า พูดได้คำเดี่ยว
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

เจริญพรมายังคุณโยมเวบมาสเตอร์วีระชัย
อาตมาก็ต้องขอโทษที่อาจจะเข้าใจคุณโยมผิดไปบ้าง คิดว่าคุณโยมจะเป็นแบบคนธรรมดาทั่วๆไปที่ขาดเหตุผลและเอาแต่อารมณ์ ซึ่งอาตมาจะขอแก้ข้อกล่าวหาที่คุณโยม Suchatp กล่าวไว้ใหม่ที่ว่า "ในเมื่อไม่มีความเชื่อเรื่องสังสารวัฏ การเวียนเกิดเวียนตายของตนว่าเป็นอนันตทุกข์แล้ว ผู้ที่เชื่อเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติเพื่อนิพพานอะไร แค่ทำความดีก็มีความสุขในปัจจุแล้วอย่างนั้นหรือ " <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
คืออย่างนี้เราก็อาจจะคิดว่าความทุกข์นั้นจะมีเฉพาะในการเวียนว่ายตายเกิดเท่านั้น ถ้าไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดก็จะไม่มีความทุกข์ ซึ่งความจริงแล้วแม้เราจะบริหารชีวิตให้เป็นสุขอย่างยิ่งเท่าไรในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ตาม เราก็ยังคงต้องพบกับความทุกข์อยู่นั่นเอง ซึ่งทุกข์ที่จะต้องประสบก็ได้แก่เป็นทุกข์เพราะความยึดถือว่ามีตนเองแก่, ตนเองเจ็บ, ตนเองจะตาย, ตนเองกำลังมีความพลัดพรากจากบุคคลหรือสิ่งอันเป็นที่รัก, ตนเองที่กำลังประสบกับบุคคลหรือสิ่งอันไม่เป็นที่รัก, ตนเองไม่สมหวัง(ผิดหวัง) ซึ่งมันก็ร้ายแรงอย่างมากใช่หรือไม่? <o></o>
ซึ่งความทุกข์เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะกิเลส หรือความยึดถือว่ามีตัวเรา-ของเรา และนี่เองที่เป็นปัญหาว่าเราจะต้องดับมันให้ได้ ถ้าดับความยึดมั่นว่ามีตัวเรา-ของเราลงได้ ความทุกข์เหล่านี้ก็จะดับลง ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราดับทุกข์ในปัจจุบันนี้ ถ้าสมมติโลกหน้ามี เราก็ต้องปฏิบัติอย่างนี้อีกเหมือนกัน แต่ถ้าสมมติมันไม่มี เราก็สบายไปตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ เพราะเราดับมันได้แล้ว แต่ถ้าเรามัวแต่รอจะไปดับมันชาติหน้า ชาตินี้เราก็ยังคงเป็นทุกข์ไปฟรีๆ ซ้ำถ้าชาติหน้ามีเราก็ยังต้องเป็นทุกข์เหมือนชาตินี้อยู่อีกนั่นเองเพราะแม้ชาตินี้ก็ยังดับมันไม่ได้. นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องมาสนใจดับทุกข์ในชาตินี้ให้ได้?<o></o>
ส่วนเรื่องโพลนั้นไม่ควรเอามากล่าว เพราะมันไม่ใช่มติของผู้ที่จะรู้จริง จะเป็นของทางพวกใดพวกหนึ่งเสียมากกว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของนักวิชาการทางศาสนามาตัดสินจะดีกว่า ส่วนเรื่องที่แจ้งเรื่องของอาตมาไปยังศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนานั้น อาตมาคิดว่าแจ้งไปทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะดีกว่า เพราะเป็นของทางราชาการ เขาจะได้มีอำนาจสั่งการได้เต็มที่<o></o>
เจริญพร<o></o>
เตชปญฺโญ ภิกขุ<o></o>
๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๙<o></o>

 

ผมอ่านแล้วก็เป็นห่วงมากๆๆๆๆครับ หวังว่าคงจะรีบมีการปรับปรุงกันโดยด่วนเลย

 

...

 

อ่านข้อความของเตชปญฺโญ ภิกขุ แล้วก็นะ ตามสบายเลยอะ อ่านไม่ไหว

อืม น่าดีใจที่มีคนเป็นห่วงหลักสูตรเนอะ

จริง ๆ เคยกระทู้นี้ครั้งนึง ไม่ไ้ด้อ่านจริงจัง พี่ที่รู้จักเอามาให้ดู
และคาดว่าไม่อ่านจะดีกว่า เพราะอาจจะเป็นบ้าเอาได้อ่านะ 555+

อ่านคร่าว ๆ มานิดหน่อย ก็ทราบนิดหน่อย


ก็บอกให้รู้ไว้เป็นข้อมูลเผื่อจะเป็นกรณีศึกษาในกรณีการศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

จากประสบการณ์ของเราเอง
จะพบว่าคนทำบุญส่วนใหญ่มักจะทำบุญไปตามประเพณีหรือตามสภาพแวดล้อม

คนไทยส่วนใหญ่จริง ๆ จึงอาจจะเป็นแค่พุทธในทะเบียนบ้านเท่านั้น

ถึงแม้จะให้การศึกษาในระดับอนุบาล ประถม มัธยม ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้เข้าใจในพระพุทธศาสนามากขึ้นหรือมีศรัทธาเกิดขึ้น

อืม... สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนเราเข้าถึงในพระพุทธศาสนาได้จริง ๆ
คือ
ครอบครัว
ครูบาอาจารย์
คำถามที่เกิดขึ้นมาในใจของตัวเอง อย่างเช่ินว่า เราก็มาทำไม ตายแล้วไปไหน
เรื่องราวบางอย่างที่วิทยาศาสตร์จะให้คำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้นได้
แล้วก็... ความทุกข์
และอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ฯลฯ ปัญญาฉันมีเท่านี้ล่ะ

การที่คนไทยรู้เรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแบบผิด ๆ มีมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าพึ่งเกิดขึ้น มีมานานแล้วจริง ๆ ขอยืนยัน


แต่เขามีสิทธิ์ที่จะกลับตัวได้ถึงแม้จะรู้มาแบบผิด ๆ จากปัจจัยข้างบนเป็นสำคัญ
จะบอกแบบนี้ก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว
เพราะว่าพวกเขาเหล่านี้ อาจจะยังไม่มีศรัทธาอย่างแท้จริงในพระพุทธศาสนา
จะบอกว่าศรัทธาอย่างเดียวก็คงไม่ถูกนัก คงรวมถึงปัญญาด้วย
เรายังมีสิทธิ์ที่จะคิด อ่าน ตามความเป็นจริงแต่ถึงกระนั้นก็เถอะนะ ตัวที่ตัดสินสุดท้ายจริง ๆ คือ กรรมที่เราทำมาทั้งหมด
พระอาจารย์มีหลายองค์
ทำไมเรากับเพื่อนถึงเลือกพระอาจารย์ที่สอนแบบนี้ แต่เพื่อนสอนอีกแบบนึง

คงไม่มีอะไรที่จะบ่งชี้ได้ดีเท่ากับกรรมที่เราทำมาร่วมกันมากับพระอาจารย์องค์นั้นอีกแล้ว


อะ นอกเรื่องไป

ถ้าถามเราว่า หลักสูตรสำคัญมั้ย?

ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ คงต้องทั้งสามอย่างล่ะมั้งนะ

โดยเฉพาะครู สำคัญมากถ้าครูไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาจริง ๆ มันแย่

ก่อนที่จะมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
การให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
มันช่วยให้สังคมอยู่กันอย่างมีความสุขได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตสำหรับตััวผู้ปฏิบัิติเอง

บอกตามตรงว่า การเขียนอะไรเกี่ยวพระพุทธศาสนาอาจจะเป็นการเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดก็เป็นได้

 

อย่าให้ผมเมื่อยนิ้วเลยท่าน สึกเสียเถิด ถึงการกระทำนี้จะดูเหมือนทำให้สงฆ์แตก แต่ว่าการที่มีคนเข้าใจพระธรรมผิดนั้นก็แย่เหมือนกัน

หมู่ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจึงไม่เคารพยำเกรงกัน ต่างองค์ก็ว่าตัวเก่ง ไม่อ่อนน้อมต่อกัน.

พระพุทธเจ้าบอกว่าคนในเป็นเหตุที่ทำให้พระพทูธศาสนาเสื่อม

 

ตามหลัก ๑๐ ข้อ คือ
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา ,
ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา ,
ด้วยการเล่าลือ , <<<
ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ , <<<(แล้วท่านไม่ได้อ้างจากตำราฤา ถ้าเชื่อไม่ได้ พระที่สอนก็ไม่น่าเชื่อสินะ... ท่านจะพูดอย่างนี้หรือเปล่า สุดท้ายก็ยอมรับแต่ความคิดของตน)
ด้วยตรรก , <<<
ด้วยการอนุมาน , <<<...
ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล , <<<...
เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน , <<<...
เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ ,
เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา ;
ต่อเมื่อใด พิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษไม่มีโทษ เป็นต้น
พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เชื่อตามตำรา แต่พระไตรปิฎกเป็นตะกร้าครับ... เพราะท่านเล็งเห็นว่าจะมีลัทธิต่างๆ เขียนเป็นหนังสือเพื่อหวังในอามิสต่างๆน่ะสิครับ โดยที่ไม่ได้แจ้งในคำสอน รวมถึงหนังสือสอนศาสนาของท่านด้วย
ผมยังเขียนได้มากกว่านี้นะครับ เอาไหมครับ...

ความจริงให้เด็กอ่านพระไตรปิฎกไปเลยก็ดี(ฮา)

 

เมื่อเวียนว่ายตายเกิด ท่านจักรู้ได้ยังไงว่าครอบครัว คู่ครองของท่านไม่ได้เคยเป็นญาติกับท่านมาก่อน หรือคนที่เป็นครอบครัว เคยเป็นญาติ เพราะเมื่ออยู่ในสังสารวัฏอะไรจักเที่ยง
(อย่าเอาความคิดผมไปเขียนละกัน)
ผู้ที่อยู่ในอุบาทนี้ ติดในสัญญาแห่งความต่ำซึ่งกรรม และทำให้ต่ำกว่านี้ได้เพราะมาร ตัวเองไม่รูว่ามีคนดลให้ต่ำลง...
จิตมนุษย์มีจิตเดียว จิตอื่นที่ฟุ้งซ่านคือมาร เมื่อกระทำสิ่งหนึ่งแล้วคิดเป็นอื่นคือมาร
ทุกข์มีเพราะมนุษย์จักสร้างกรรมเก่าขึ้นมา
"สุดท้ายโดนคนอื่นหลอกใช้สนองตัณหาของเค้า"

หลงอยู่ในราคะ เพราะดวงจิตแห่งสัตว์
หลงอยู่ในโกรธ เพราะดวงจิตแห่งสัตว์
หลงอยู่ในโกรธ เพราะดวงจิตแห่งสัตว์
กินเจก็ดีแล้วละ...
อารมณ์แห่งสัตว์จะไม่บังเกิดในคน
ที่สุดท้ายเกิดไปบรรลัยกัลป์ขึ้นก็เกิดเพราะความแค้น(ของกรรมเก่า)