น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. klu

    klu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,320
    พระพุทธเจ้ากล่าวแต่ความจริงเน้อ

    และ พระไตรปิฎกก็ไม่ได้ถูกบิดเบือน

    ถึงเราจะไม่ชอบคนที่เอาพระไตรปิฎกมาทุ่มใส่คนอื่นก็เถอะ

    ความคิดของคุณหรือว่าของเราก็ไม่แน่นักว่าจะถูกเสมอไป
    เพราะเราไม่ใช่พระอรหันต์
    และถ้าเป็นอรหันต์แต่ไม่ได้ทรงปฏิสัมภิทาญาณก็จะไม่กล่าวพาดพิงพระไตรปิฎกในทางที่เสียหายเป็นอันขาด

    เรายังมีกิเลสตัณหาอยู่ เราแน่ใจรึว่าไอ้คำสอนที่เราคิดของเราว่าถูกน่ะ มันถูกอย่างที่เราคิดน่ะหือ?

    ครั้งนึงเราเคยเชื่อว่า โลกแบน จนไม่กล้าเดินทางไกล ๆ เพราะกลัวจะตกขอบโลก (จริง ๆ แล้วกลัวตายกันมากก่า)
    คุณคิดเอาเองนะ ตอนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าโลกกลมอะ
    โลกมันก็เห็นว่ามันแบน เดินไปทางไหนก็ไม่เห็นว่ามันจะกลมตรงไหน
    กับการเชื่อว่าโลกแบนเป็นแผ่น ๆ มันก็ดูน่าเชื่อถือกว่าใช่มั้ยเล่า
    คิดสภาพกฎแรงโน้มถ่วงมันยังไม่เกิด ดาวเทียมก็ยังไม่มี
    เชื่อยากเหมือนกันนะว่า โลกใบนี้จะเป็นทรงกลม


    พระพุทธศาสนามีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นที่สุด
    เพราะพระองค์เป็นผู้นำมาสั่งสอนเรา
    เราจึงควรไตร่ตรองและพิจารณาตามความเป็นจริงให้มากที่สุด
    แล้วการที่เราบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่เราเอาคำสอนท่านมาอ้าง
    มันสมควรหรือเปล่า ?

    ลอง ๆ คิดดู พระพุทธศาสนาจะเจริญหรือเสื่อมลงขึ้นอยู่กับการปฏิบัิติของพระสุปฏิปันโน

    ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการศึกษา,วิจัย ว่าพระพุทธศาสนาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

    หากจะเถียงว่า พระบางท่านก็มีการขยายหรือย่อความในพระไตรปิฎก
    หากเป็นพระสุปฏิปันโน ท่านจะบอกกับเราตามที่ท่านรู้ เท่าที่ท่านรู้จริง
    และการย่อหรือขยายนั้นก็ไม่ทำให้ข้อความในพระไตรปิฎกเสียไป

    พระสุปฏิปันโน นั้นจะเคารพในพระไตรปิฎกมิใช่หรือ ?

    แหงม ๆ เราก็เคยสงสัยนะเรื่องพระไตรปิฎก แต่ว่าก็คงต้องยอมรับด้วยว่าปัญญาไม่ถึงขั้นที่จะสามารถอ่านพระไตรปิฎกได้เข้าใจทุกตัวอักษร ปัญญายังไม่ถึงก็ยอมรับว่ายังไม่ถึง การฝืนดันทุรังไปคิดว่าตัวเองดีตัวเองเก่ง มันพังมานักต่อนักแล้ว
    อนาคามียังตัดมานะไม่ได้เลยน่อ แล้วเรา ๆ ท่าน ๆ มันจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหนหนอ หรือจะไปผุดอเวจี หรือโลกันต์ก็ไม่รู้
    แง้ น่าเศร้าจาย...

    พระรัตนตรัยน่ะ ทางที่ดีอย่าไปอวดดีให้มากนัก
    พระพุทธเจ้าท่านกล่าวความจริงทั้งนั้น
    ถ้าไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ตามที่พระองค์ทรงสอน อย่าไปสอนใครดีกว่า

    ขัดข้องหมองใจ ขอจงอภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    ให้อภัยเป็นอภัยทาน ได้บุญนะ เหอ ๆ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2012
  2. tottam

    tottam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +108
    อยากรู้ว่า ทำไมผู้ที่บอกว่าตัวเองเป็นพระถึงใช้คำพูดว่า " คุณโยมคิดว่าพระไตรปิฎกนั้นถูกต้องแน่นอนทั้งหมดอย่างนั้นหรือ? ไม่คิดว่ามันก็อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือปลอมปนมาแล้วบ้างหรือ? " ผมว่าชาวพุทธถ้าไม่เชื่อในพระไตรปิฎก แล้วเราจะเชื่ออะไรเหรอครับ เคยได้ยินมาว่าพระไตรปิฎก ผู้สังคายนาต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้นไม่ใช่เหรอครับ โดนส่วนตัวผมเชื่อพระอรหันต์นะครับ ผมไม่เชื่อพระกังหันต์ (ขออนุญาติใช้คำพูดขององค์หลวงพ่อ พระอรหันต์ผู้ทำให้ผมพบทางสว่าง พบว่าเราเกิดมาทำไม แม้จะยังทำตัวได้ไม่ดีเท่าทีควร เพราะเมื่อก่อนผมเคยเชื่อคำคนบางคน เคยคิดกระทั่งว่าเรากราบใหว้พระพุทธรูปกัรทำไม เพราะเป็นแค่ปูนปั้นเท่านั้นเอง เคยปรามาศพระรัตนตรัยอย่างมาก จนได้พบคำสอนขององค์หลวงพ่อชี้ทางให้พบทางที่แท้จริง พบทางสว่าง รู้ว่าตัวเองปรารถนาอะไร)
    ถ้ามีอะไรก็แนะนำผมบ้างนะครับ ขอบคุณครับ
     
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังคุณโยมเวบมาสเตอร์วีระชัย
    ในเรื่องศรัทธานั้นถ้าไม่มีปัญญามาคอยควบคุม มันก็จะกลายไปเป็นศรัทธาที่โง่เขลาได้ เพราะไม่มีปัญญามาคอยควบคุม ดังนั้นทุกที่ที่มีศรัทธา จะสังเกตได้ว่า จะต้องมีปัญญาอยู่ด้วยเสมอ นี่แสดงถึงพระปัญญาอันยิ่งของพระพุทธเจ้า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ส่วนเรื่องพิสูจน์นรกอะไรนั้น มันเป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินไป เราไม่ต้องมารอให้ตายแล้วหรือใช้อำนาจวิเศษอะไรมาพิสูจน์ก็ได้ มีเรื่องอื่นที่ดีงามที่จะให้มาพิสูจน์ตั้งมากมาย เช่นลองทำจิตให้ว่างแล้วจะพบนิพพานเป็นต้น ถ้าจะให้พิสูจน์นรกอย่างนั้นก็คงต้องฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์กระมัง? อย่างนี้คนโง่เท่านั้นที่จะทำ<o:p></o:p>
    ลองคิดดูง่ายๆว่าถ้าฝรั่งที่นับถือศาสนาอื่นที่ทำชั่วมากตายไป ถ้านรกอย่างที่เป็นสถานที่มีจริง เขาจะไปตกนรกที่ไหน? ถ้าเป็นอย่างที่คุณโยมเชื่อกันอยู่ ปัญหาอื่นๆก็จะตามมาอีกมากมาย เช่น จะพูดกันรู้เรื่องหรือ? ทำไมไม่มีใครพูดถึง เป็นต้น หรือถ้าเขาก็ไปตกนรกของเขา ก็แสดงว่าต้องมีนรกในศาสนาของเขาอีก หรือมีนรกอย่างอื่นตามคำสอนของศาสนาเขาหรือ? ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าโลกนี้มีความจริงสูงสุดหลายความจริง หรือของเขาจริง ของเราไม่จริง? เป็นต้น<o:p></o:p>
    สำหรับผู้ที่ขี้เกียจอ่านนั้น ขอบอกว่าของดีไม่ใช่จะได้มาโดยง่าย อย่าเกียจคร้านที่จะศึกษา อย่าขี้เกียจอ่าน แล้วจะเข้าใจอย่างถูกต้องได้อย่างไร แล้วจะทำให้เกิดความถูกต้องแก่พุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้ามัวแต่ฟัง
     
  4. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังคุณโยมเวบมาสเตอร์วีระชัย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    มีเรื่องหนึ่งที่อาตมาอยากทำความเข้าใจมากที่สุดก็คือเรื่อง การเชื่อพระไตรปิฎก หรือตำรา ที่อาตมาเน้นที่สุดตามหลักกาลามสูตรที่ว่า
     
  5. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มิถุนายน 2007
  6. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ถ้าใครจะแจ้งไปยัง ITV ก็แจ้งไปได้ที่นี่ http://www.itv.co.th/ContactUS/

    หรือจะแจ้งไปยังรายการถึงลูกถึงคนของคุณสรยุทธ์ก็แจ้งไปยังอีเมล์นี้
    sorayut@mcot.net

    เพื่อให้ชาวพุทธทั้งหลายได้รู้ความจริง จะได้ช่วยกันค้นหาความถูกต้องกลับคืนให้แก่พุทธศาสนาเสียที

    เตชปญฺโญ ภิกขุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2006
  7. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มิถุนายน 2007
  8. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +2,267
    ถ้ามีจริง ก็น่ากลัวเหมือนกันครับ เอ้าๆๆๆช่วยกันประท้วงให้มันชัดเจนจะได้แก้ไขกันเพื่อลูกหลานของเราครับ
     
  9. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +6,347
    ผมไม่มีวันเชื่อว่า ตายแล้วสูญ ไม่อย่างนั้นทุก ๆ วัน ผมพยามทำแต่ความดี ดูแลครอบครัว พ่อแม่ ละอายต่อการทำความชั่ว เพื่อเกิดชาติหน้าจะได้พอเจอในสิ่งที่ดีครับ แต่ยังไม่พร้อมไปนิพาน เพราะยังสนุกกับกิเลส กิเลสในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ดี ๆ ดีนะครับ ไม่ใช่ความชั่ว
     
  10. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +6,347
    อีก 10 ปีน้ำจะท่วมโลก เพราะว่าคนบาปมีเยอะกว่าคนดี คนบาปในรูปแบบเป็นคนดีก็มีเยอะ ๆ มีความทุกข์ อกหัก ครอบครัวแตก ชีวิตพังทลาย ทำมาค้าขาย อะไรต่อมิอะไร ก็เข้าวัดกัน คิดว่าพระที่วัดจะช่วยได้หรอกครับ ถ้าปัญหามันเริ่มมาจากตัวเราเอง เราเองซิที่จะต้องแก้ไขปัญหา ส่วนตัวผมปล่อยจิตใจให้ว่าง ไม่มีทุกข์ มีแต่ความศัทธา มุ่งแต่ทำความดี
     
  11. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ช่วยอธิบายต่อจากคุณเว็บสโนว์โพธิสัตว์
    ...........................................

    1. เมื่อได้พิจารณาด้วยสติปัญญาแล้ว ตามหลักกลามาสูตร ก็จง
    ศรัทธาในสิ่งที่ได้จากสติปัญญาด้วยตัวท่านเอง

    หากเริ่มเชื่อโดยไม่เริ่มจากสติปัญญา ก็ย่อมหลง
    หากไม่เชื่อศรัทธาสิ่งใดเลย ก็ล่องลอยไร้จุดหมาย


    2. เรื่องการพิสูจน์นี้ ไม่สามารถพิสูจนืได้ด้วยเครื่องมืออันใดนอก
    จากการฝึกจิต เหตุไฉนจึงกล่าวเช่นนี้


    - สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จะเหนือกว่าธรรมชาติที่สร้างมนุษย์มา
    นับล้านปีได้อย่างไร?
    -มนุษย์เกิดจากธรรมชาติ สิ่งที่มนุษย์สร้างย่อมด้อยกว่าสิ่งที่
    ธรรมชาติสร้างมาจนสมบูรณ์ที่สุด คือ ตัวมนุษย์นี่เอง
    - วิวัฒนาการทางสมองของมนุษย์ยาวไกล แต่ร่างกายแทบ
    ไม่เปลี่ยน ที่มองว่านักวิทยาศาตร์รุ่นเก่า ทำไมรู้ว่าอตอมมี
    อนุภาคอย่างนั้นได้? ภายหลังเครื่องมือวิทยาศาสตร์ก็มา
    พิสูจน์ได้ภายหลัง บางท่านก็มีทฤษฎีหลุมดำทั้งๆ ที่ไม่เคย
    บินออกนอกโลกไปดู


    เช่นนี้อย่าดูถูกธรรมชาติผู้สร้างมนุษย์มา
    อย่าดูถูกเผ่าพันธุ์แห่งมวลมนุษย์
    อย่าดูถูกตนเอง


    ด้วยการคิดว่าตนนี้ฝึกจิตมิได้ดอก ย่อมต้องพึ่งพาเครื่องมืออยู่ร่ำไป


    การรับรู้ของมนุษย์หากด้วยประสาทสัมผัสชั้นต่ำย่อมมีอุปสรรค การพิสูจน์
    ให้เห็นจริงแบบวิทยาศาสตร์เป็นการหลงผิด คิดว่า ประสาทสัมผัสขั้นสูงคือ
    ตา คือ ต้องพิสูจน์ให้เห็นจริง แล้วใจคนเรานี้เห็นจริงไม่ได้หรือ?


    ทำไมท่านจินตนาการเห็นนั่นนี่ได้ แล้วสร้างสรรค์ออกมา?
    นี่จะเรียกว่า ตาไปเห็นได้อย่างไร?


    เช่นนี้แล้ว การพิสูจนืแบบวิทยาศาสตร์ จึงล้วนดูถูก ทั้งตนเอง ทั้งเผ่าพันธุ์
    ทั้งธรรมชาติผู้สร้างมา ด้วยความโง่เขลาสิ้นดี



    จงพิสูจน์ด้วย "ใจ" ฝึกจิตให้มีฤทธิ์ทางใจ เช่นมโนมยิทธิ


    อันว่าวลีแห่งไอสไตน์นั้น กล่าว

    "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"

    นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันอุดอู้ในรูเก่าๆ จึงลืมความสามารถตนเอง
    ว่าตนนั้นก็สามารถเก่งโดยมิต้องท่องจำสูตรของใครมาได้เช่นกัน


    สาธุ............................................................
     
  12. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ประเด็นพระไตรปิฎก
    ................................................................


    สมมุติบัญยัตินั้นถูกต้องแต่ตามกาลเวลา เมื่อเวลาเปลี่ยนย่อม
    ไม่เข้าใจสมมุติบัญญัติเก่าบ้างเป็นธรรมดาหนึ่ง

    ความผิดพลาดในพระไตรปิฎกย่อมมี ดั่ง "อนิจจัง" ไม่เที่ยง
    นั่นแล เป็นธรรมดาอีกหนึ่ง

    แต่กล่าวสรุปว่า ดังนี้แล้ว อย่าได้เชื่อพระไตรปิฎก เช่นนี้
    มิใช่ธรรม เป็นการกล่าวด้วยความหลง
    หรือกล่าวว่าต้องชำระพระไตรปิฎกด้วยภาษาศาสตร์ อ้าง
    บาลีสันสกฤติ หรือโบราณคดี ชำระประวัติศาสตร์เอา ดัง
    หนึ่งผู้จับผิดพระเยซูคริสตร์ด้วยความเขลา และประกาศ
    ความโง่เง่า ของตนเองบนหนังสือ "รหัสลับดาวินชี่"
    นั่นแล


    ความจริง คือ

    1. พระไตรปิฎกบันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าแน่แท้ และอาจแปรได้
    ตามหลัก อนิจจัง นั่นแหละ
    2. ผู้จักบรรลุธรรม ย่อมต้องอาศัยสมมมุติบัญญัตินำทางไปเบื้องต้นก่อน
    แต่เมื่อเข้าถึงธรรม ย่อมเห็น "วิมุติ" ในสมมุติบัญญัตินั้น เช่นนี้ ย่อมรู้ว่า
    ที่ไตรปิฎกกล่าวในสมมุติบัญญัตินั้น หมายความว่ากระไร ไม่ผิดเพี้ยนแม้
    แต่น้อย
    3. การจะทราบได้ว่าพระไตรปิฎกแปรเปลี่ยนไปตรงไหน ไม่ใช่ด้วยการแปล
    ภาษาบาลีสันสฤติเก่ง ไม่ใช่นักโบราณคดี แต่ต้องบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
    เมื่อมีพระอรหันต์จำนวนมากพอ ก็สามารถสังคายนาพระไตรปิฎกได้ แต่หาก
    ยังไม่จำนวนน้อย ก็ย่อมไม่สามารถทำได้



    เช่นนี้ การสังคายนาเพราะด้วยรู้ว่า ไตรปิฎกก็ "อนิจจัง"
    การสังคายนา ก็ต้องรู้ว่า ใช้พระอรหันต์ทางเดียวเท่านั้น
    และตราบใดที่ยังไม่ถึงกาล อย่าได้ทำลายสมมุติบัญญัติ
    เพราะไตรปิฎกนี้ ย่อมต้องใช้เพื่อนำทางไปก่อน เมื่อถึง
    วิมุติแล้ว ท่านย่อมเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยตนเอง


    สาธุ.....................................................
     
  13. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ประเด็นตายแล้วสูญ
    ..............................................................


    บ้างว่าอ้าว ตายแล้วไม่สูญ อย่างนี้ก็ไม่ "อนิจจังน่ะซี" คือ คนเรา
    ตายแล้วไม่สูญเสียที ก็ต้อง "นิจจัง" แล้วนั่น เช่นนี้ ไตรลักษณ์ก็โกหก

    บ้างก็ว่า ตายแล้วสูญจริงๆ นาท่าน ไม่เหลืออะไรเลย นรกสวรรค์ไม่มีดอก


    แล้วก็ด่าเถียงกันคอเป็นเอ็น

    ท่านหนึ่งยึด "สูญ"
    ท่านหนึ่งยึด "ไม่สูญ"


    ต่างยึดทั้งคู่เลยไม่บรรลุธรรม เมื่อไม่บรรลุธรรมก็ผิดทั้งคู่


    ดูกร ท่านสาธุชนทั้งหลาย ตายแล้วสูญหรือไม่ อธิบายได้ ดังนี้


    1. อนิจจัง นี้ ไม่ผิดดอก เมื่อถึงคราวหนึ่ง จักรวาลระเบิดสิ้นทุกสิ่ง
    มีหรือจะไม่สูญ เช่นนี้ ย่อมต้องเป็น "อนิจจัง"
    2. ตายแล้ว สูญไปเลย ไม่มีนรก สวรรค์นั้นผิด คำว่า สวรรค์ในอก
    นรกในใจ ก็ถูกต้องแค่ระดับต้น แต่สวรรคื นรก หลังตายมีหรือไม่

    ก็ต้องตอบว่า มีแน่ แต่ท่านเห็นแจ้งหรือยัง?

    เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึงนรกสวรรค์ ท่านมิได้กล่าวเท็จ หรือท่าน
    จะกล่าวว่าพระพุทธเจ้ากล่าวเท็จ ในเมื่อทรงสอนไว้เช่นกัน?


    เมื่อตายแล้ว วิญญาณยังไม่สูญ จะไปนรก สวรรค์ตามกรรม หนีไม่พ้น
    ไปได้ ก่อนตายก็ได้นรก สวรรค์ ในอกในใจ หลังตายก็ยังไม่พ้นอยู่ดี


    เมื่อนิพพานแล้วเท่านั้น จึงหลุดพ้นความทุกข์ทั้งปวงไม่เกิดใหม่อีกหนึ่ง
    และเมื่อสิ้นจักรวาล คือ คนอรหันต์หมดทุกดวงวิญญาณ ก็ถึงกาลเริ่ม
    สร้างจักรวาลใหม่ โดยพระเจ้าตามคำสอนคริสตร์ หรือ โดยธรรมชาติ
    ตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือโดยคำพุทธองค์ว่าสิ้น กัป์ อะไรแบบนี้แล


    ดังนี้แล้ว

    1. ตายแล้ว จึงไม่พ้นนรกสวรรค์ดอก
    2. วันหนึ่งทุกสิ่งย่อมสูญ ตามหลัก "อนิจจัง"



    สาธุ........................................
     
  14. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    การอธิบายธรรม
    .......................................................................

    1. เริ่มจากจำแล้วยึดไว้
    2. อ่านมากหลายมาปรุงแต่ง
    3. ขัดแย้งกันเองไปมา
    4. สุดท้ายหาข้อสรุปมิได้


    นี่คือ จุดจบแห่งหนอนไตรปิฎก


    อย่าได้แทะเสพพระธรรม พระธรรมย่อมเกิดแก่ใจผู้ปฏิบัติ พระพุทธองค์
    ทรงได้กล่าวทดสอบพระสารีบุตร ท่านก็กล่าวประมาณว่า บุคคลย่อมบรรลุ
    ธรรมได้ โดยไม่ฝึกจิต พระสารีบุตรท่านก็ว่า มิได้สงสัยในคำกล่าวของ
    พระองค์ (เพราะคิดว่าเป็นกุศโลบายในการสอนเป็นแน่แท้) แต่สงสัยว่า
    ไม่มีบุคคลเช่นัน้นแน่

    พระพุทธองค์จึงได้ชมพระสารีบุตรผู้มีปัญญาเป็นเลิศ แม้นคำกล่าวจาก
    พระโอษฏ์ของพระศาสดา ยังไม่ได้หลงงมงายเชื่อ




    ตอนนี้พระบางรูป ท่านได้เปรียญธรรมจากการสอบ โดย "ข้อสอบ"
    แต่มิได้สอบ ด้วย "พระอรหันต์" เช่นนี้ คำทำนายของพระพุทธองค์
    ที่ว่า พระศาสนามีไว้เพียงเพื่อร่ำเรียนกัน ก็เป็นจริง


    ท่านนั้นก็ได้ ท่องจำ "ยึดมั่น" ความรู้ที่มิได้เกิดด้วยสติปัญญาแห่ง
    ตนนั้นไว้มากมาย แล้วก็พยายามสาวความธรรมแบบ "ปฏิสัมภิทา"
    กลับกลายเป็นการแปะติด ปรุงแต่งธรรม แล้วเผยแพร่หลักธรมไป
    ทั่วโลก มาตรว่า จะเพี้ยนไปทั่วโลกได้เช่นกัน


    อนึ่ง

    ข้าพเจ้าเคยได้ลองอ่าน ธรรม ของท่านนั้น อธิบายขันธ์ห้าบางตัว
    เช่น สัญญาขันธ์ อธิบายได้ยาวมากๆ สรุปง่ายๆ คือ เจตนา นี่เอง

    โอ้ เหตุไฉนเป็นไปได้เช่นนี้ ?

    ว่าแล้วหากไปเถียงกับท่าน คงต้องไปท่องจำคำสาธยายของท่านมา
    ก่อน จึงจะเรียกว่าไม่เสียโง่ ไม่อ่านของท่านให้ดี เช่นนั้นดอกหรือ
    หรือเรานี้สอบตก เพราะอ่านไม่เข้าใจรายละเอียดที่ท่านสอนไว้



    เหตุใดพระโพธิสัตว์ต้องจุติมามากมาย ก็เพื่อการณ์นี้หนึ่ง
    พระสงฆ์ที่พึ่งพาได้ทั้งบุญบารมีและพระธรรม มีน้อย
    การสังคายนานี้จะเริ่มโดยอาศัยเหล่าอรหันต์ไม่ห่มเหลือง




    อันว่า "เจตนา" นี้ คืออะไร


    เจตนา ประกอบด้วย สมาธิมั่นไว้บวกกำลังอธิษฐาน
    เล็กน้อย ว่าจักทำให้สำเร็จจงได้ จึงเจตนาได้นาน
    เจตนาประกอบด้วย อุปทานเป็นการยึดมั่นหรือไม่?
    กล่าวมิได้เช่นนั้น หากเจตนาหลังใช้ปัญญา ก็ย่อม
    ไม่ยึดติด เช่น พระอรหันตืก็มีเจตนาในการเผยแพร่ธรรม
    แต่หากเจตนานี้ ประกอบด้วยอุปทานเสียก่อน ก็ย่อม
    เป็นเจตนาบนความหลง


    เช่นนี้ เจตนา = สัญญา หรือไม่?

    คำนี้ใช้ก็คนละคำกันแล้ว ไยนำมาสรุปแบบนี้
    อ่านมากจำมาก ปรุงแต่งมาก แต่มิได้ฝึกจิตให้เห็นธรรมด้วยตนเอง
    ย่อมต้อง "ลมปราณแตกซ่านทางธรรม"



    มิได้ต้องการลบหลู่ท่านผู้นั้น แต่ตีประเด็นปัญหาให้ท่านโพธิสัตว์ต่างๆ
    รับทราบไว้เป็นเบื้องต้น เมื่อถึงกาลอันควร ก็ควรต้องสังคายนาด้วย


    สาธุ.................................................................
     
  15. ผู้ด้อยในปัญญา

    ผู้ด้อยในปัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +36
    ขอขอบคุณ คุณ websnow ที่นำเสนอเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะมาเกิดกับคนในยุคสมัยนี้เลย ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้หูตาสว่างขึ้นมา และเห็นว่าการกระทำของคุณ websnow ถูกต้องและเป็นไปตามขั้นตอนแล้ว ขอสนับสนุนให้ดำเนินการต่อ หากต้องการการสนับสนุนด้านใด แจ้งมาทางกระทู้ได้ พวกเราจะช่วยอีกทาง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_361194", true); </SCRIPT> ที่พยายามเขียนโต้แย้งกับคุณ webmaster ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นระดับปัญญาของท่านว่าอยู่ในระดับใด และที่ท่านกล่าวว่า
    <O:p</O:p
    "ในเรื่องศรัทธานั้นถ้าไม่มีปัญญามาคอยควบคุม มันก็จะกลายไปเป็นศรัทธาที่โง่เขลาได้ เพราะไม่มีปัญญามาคอยควบคุม ดังนั้นทุกที่ที่มีศรัทธา จะสังเกตได้ว่า จะต้องมีปัญญาอยู่ด้วยเสมอนี่แสดงถึงพระปัญญาอันยิ่งของพระพุทธเจ้า"
    <O:p</O:p
    จากที่ท่านกล่าวมานั้น ไม่ผิด แต่พูดไม่หมด อมไว้กึ่งหนึ่งเพื่อสนองระดับปัญญาของท่านเอง และลวงให้คนที่ไม่เคยศึกษาธรรมมาก่อน เข้าใจผิดได้ ท่านตัดส่วนสำคัญของอินทรีย์ 5 ไป เพราะสิ่งที่ท่านพูดนั้น อยู่ในอินทรีย์ 5 อันประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา การกล่าวถึงปัญญาของท่านนั้น ยังเป็นปัญญาที่ขาดสติ อันสติเปรียบเสมือนบังเหียน ที่คอยคุมไม่ให้ศรัทธา วิริยะ สมาธิ หรือ ปัญญามากเกินไป และปัญญาที่ท่านกล่าวเป็นปัญญาระดับโลกียะ ไม่ได้ก้าวล่วงถึงโลกุตระ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ล่วงรู้ว่า ระดับปัญญาของท่านอยู่ในระดับใด ท่านยังอ่อนต่อการปฏิบัติมาก และขาดกัลยาณมิตรที่ดี ที่จะอบรมสั่งสอนท่านไปในทางที่ถูก
     
  16. ผู้ด้อยในปัญญา

    ผู้ด้อยในปัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +36
    มีหนังสือแนะนำที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นการจุดปัญญาให้แก่ผู้มืดบอดได้
    ลองไปที่เวปนี้ http://www.kanlayanatam.com/Mybookneanam/Taileawpainai.pdf
    เรื่อง ตายแล้วไปไหน
     
  17. ThunwaKnight

    ThunwaKnight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +142
    ในเมื่อ ไม่ได้สอนให้ เกรงกลัว ต่อ บาปบุญคุณโทษ ไม่มีนรกสวรรค์ ไม่มีชาติหน้า-ชาติปางก่อน

    แล้วยังงี้ เยาวชน ก็จะคิดว่า ตูจะทำอะไรก็ได้ ตูจะไปฆ่าใครมันก็ไม่บาป ในเมื่อตายแล้วสูญ ฯลฯ

    เวรกำ ...
     
  18. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่โพสข้อความมาในกระทู้นี้
    อาตมาอยากจะทำความเข้าใจอีกสักหน่อย เรื่องตายแล้วสูญ คืออาตมาไม่ได้เขียนเลยว่าตายแล้วสูญ แต่คุณโยมไปตีความกันเอง คืออาตมาเขียนว่า
     
  19. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    อัน "อัตตา" นั้นคือ ยึดว่าตนห่มเหลือง นี่คือ "อัตตา"

    การท่องตำรามาประติดประต่อ ก็แค่จำของเขามายึดไว้
    หาได้มีพระธรรมจากใจไม่ เช่นนี้ ห่มเหลืองตายไปก็ได้
    เพียงโมฆะบุรุษเท่านั้น


    สาธุ.......................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2006
  20. thaana

    thaana สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +16
    "ส่วนพวกไร้เหตุผลนั้นอาตมาขอยอมแพ้ " ทำไมว่าคนอื่นแบบนี้ล่ะครับ แต่ละท่านต่างมีเหตุผล ดูแล้วท่านเหมือนมีอารมณ์แบบเด็กๆนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...