การแสดงธรรมและนำเจริญพระกรรมฐาน ในโครงการ "วิถีพุทธรวมใจ สวดมนต์ ฟังธรรม ในวันธรรมสวนะ”

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 ธันวาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414




    การแสดงธรรมและนำเจริญพระกรรมฐาน
    ในโครงการ "วิถีพุทธรวมใจ สวดมนต์ ฟังธรรม ในวันธรรมสวนะ"
    วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖
    ณ มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    การแสดงธรรมและนำเจริญพระกรรมฐาน ในโครงการ "วิถีพุทธรวมใจ สวดมนต์ ฟังธรรม ในวันธรรมสวนะ"
    วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖

    ขอเจริญพรท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย มีท่านชุติญา แก้วมณี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น เป็นประธาน

    วันนี้ต้องบอกว่า ถ้าเป็นไปตามทางจันทรคติ ก็เป็นวันพระใหญ่วันพระแรก ก็คือตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย คำว่า เดือนอ้าย นี่เป็นภาษาโบราณ ภาษาโบราณเขาจะเรียก อ้าย ยี่ สาม สี่ ไล่ไปเรื่อย

    คราวนี้ทุกวันพระ โดยค่านิยมของบ้านเราที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ ก็จะเข้าวัด ทำบุญ ใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม ถ้าหากว่าเป็นสมัยก่อนก็จะมีการถือศีล ๘ คือ อุโบสถศีล แล้วก็นอนค้างที่วัด เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเขาถือว่าเป็นศีลแห่งพรหมจรรย์ ไม่ควรที่จะอยู่ในบ้าน แต่สมัยนี้แม้แต่วัดท่าขนุนของอาตมภาพเอง ญาติโยมส่วนใหญ่สมาทานศีล ๘ เสร็จก็กลับบ้านกันหมด เพราะว่าตอนนี้บ้านนอนสบายกว่าวัด อยู่วัดมีให้แค่เสื่อผืนหมอนใบ..!

    อาตมภาพเพิ่งกลับมาจากประเทศศรีลังกา ไปสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แล้วก็ไปทอดผ้าป่าสองวัด ช่วยเขาบูรณปฏิสังขรณ์วัดวัดศักติสัทธรรม ที่เมืองกุรุแนแกละ ถ้าหากว่านับเป็นบ้านเรา ก็ขึ้นอยู่กับจังหวัดอนุราธปุระ แล้วก็มาทอดผ้าป่าให้กับวัดศรีธรรโมทยะ เมืองแคนดี้

    ในส่วนที่ไปนั้น จุดที่เห็นว่าเป็นจุดเด่นของพุทธศาสนาศรีลังกาก็คือ ทุกวันพระไม่ว่าจะเด็กจะผู้ใหญ่ใส่ชุดขาวกันหมด เข้าวัด สวดมนต์ไหว้พระ เขาทำกันจนเป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่บ้านเขามีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธ ๗๓ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ความเป็นพุทธนั้นเข้มแข็งมาก

    นักเรียนทุกคนต้องใส่ชุดขาวไปโรงเรียน ไม่ว่าคุณจะถือชาติใดศาสนาใดก็ตาม ถ้าจะมาเรียน ต้องใส่ชุดขาว อาตมภาพเห็นเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงซึ่งคลุมผ้าฮิญาบ แต่ปรากฏว่าต้องใส่ชุดขาวตามเขาหมด แม้แต่ผ้าฮิญาบก็เป็นสีขาว นี่คือความเข้มแข็งของศาสนา ที่ทำให้มั่นใจว่าพระพุทธศาสนาของเขา จะเจริญมั่นคงคู่กับศรีลังกาไปอีกนานแสนนาน

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ญาติโยมของเขา ไม่ว่าจะเข้าวัดเก่า วัดใหม่ ก็คือวัดที่เป็นโบราณสถาน หรือว่าวัดในปัจจุบัน ทุกคนจะถอดรองเท้าตั้งแต่ประตูวัด แล้วก็ใส่ชุดขาวเข้าวัด คณะที่ไปด้วยของพวกเรามีแต่งตัวตามสบายอยู่คนหนึ่ง ก็เลยไม่ได้เข้าไปสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้า เนื่องจากว่าไม่ได้ใส่ชุดขาวไป

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมและประเพณีที่ยึดถือกันมา โดยเฉพาะอย่างอาตมภาพ ถ้านั่งอยู่ในท่านี้ โดนดุไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าเขาห้ามนั่งหันหลังให้พระพุทธ หรือพระสงฆ์อย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าคุณกำลังหันหลังให้พระพุทธศาสนา ซึ่งคนเหล่านั้นจะมีแต่เดียรถีย์เท่านั้น..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราอาจจะเห็นว่าเขาเข้มงวด แต่เราอย่าลืมว่า เวลาฝรั่งมาบ้านเรา จะเข้าวัดพระแก้ว ถ้าคุณนุ่งสั้น ก็ต้องหากางเกงขายาวมาใส่ หาผ้าถุงมาใส่ หรือหาผ้ามาพัน ให้อย่างน้อยก็เลยเข่าลงไป เป็นสิ่งที่คนอื่นต้องศึกษา ถ้าคุณสนใจที่จะเข้ามา ก็ต้องทำตัวตามธรรมเนียมประเพณีของเรา

    ทองผาภูมิของอาตมภาพนั้นยังดีอยู่ คำว่าดีอยู่ในที่นี้ก็คือประชากรไทยมีแค่ ๖๖,๐๐๐ กว่าคน ที่เห็นเป็นล้าน ๆ นั่นเป็นพี่น้องมอญพม่าทั้งนั้นเลย วัดท่าขนุนมีพระภิกษุอยู่ ๕๐ รูปในปัจจุบัน ในช่วงเข้าพรรษามีเยอะกว่านี้อีก ปกติเดินออกบิณฑบาตกันที แถวก็ยาว ๒๐ กว่า ๓๐ รูป เพราะว่าไป ๕ สาย สายที่ยาวที่สุดก็คือสายในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพี่น้องมอญพม่าจะใส่บาตรกันทุกบ้าน ไม่อย่างนั้นแล้วพระเยอะขนาดนั้น เขาเลี้ยงไม่ไหวหรอก แต่คนทั้งหลายเหล่านี้มีความสม่ำเสมอในการทำบุญ

    ความสม่ำเสมอในการทำบุญ เอาแค่ใส่บาตรอย่างเดียว อันดับแรกเลย คนของเขาตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ เพิ่งจะไม่กี่เดือน คอพับคออ่อน พ่อแม่อุ้มมาใส่บาตร ครบ ๓ ขวบ ๕ ขวบก็ใส่บาตรตามพ่อแม่ รุ่นปู่ย่าตายายก็ใส่บาตรทุกวัน เป็นการส่งต่อทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาก ในเมื่อมีตัวอย่าง เด็ก ๆ เห็นผู้ใหญ่ทำ ตัวเองก็ทำตาม ไม่รู้สึกว่าผิดปกติ ก็คือทุกคนรู้ว่านี่เป็นสิ่งดีที่ต้องทำ

    แต่คนไทยเราที่อยู่ที่นั่นก็ใส่บาตรปีละครั้งตอนวันเกิดตัวเอง เก่งมากเลยนะ ปกติถ้าเป็นอาตมภาพทำอะไรปีละครั้งนี่ลืมแน่ ๆ เลย แต่เขาใส่บาตรปีละครั้ง แล้วเด็กรุ่นใหม่ พอจะใส่บาตรก็ละล้าละลัง บางคนยังอุตส่าห์ถามว่า "ใส่ข้าวก่อนหรือใส่กับก่อน ?" ก็ยังดีที่อุตส่าห์ถาม แต่ทำให้เห็นว่า
    ของเราขาดคนนำ ถ้าหากว่าผู้ใหญ่นำ เด็ก ๆ มีแนวทาง เห็นแล้วทำตาม ไม่รู้สึกเก้อเขิน ไม่รู้สึกแปลกแยกจากสังคม

    ถ้าหากว่าญาติโยมไปพม่า ไปศรีลังกา จะเห็นว่าคนของเขาเข้าวัดเหมือนที่บ้านเราไปเดินห้าง ก็คือไปกันแน่นขนัดไปหมด อาตมภาพไปพม่าอยู่ ๖ ปี เพราะว่าไปสร้างวัดกว่าจะเสร็จ ทุกสถานที่ของเขาทางพระศาสนาตามไปดูเขาหมด คนพม่าก่อนจะทำงาน เข้าวัด สวดมนต์ ไหว้พระ สมาธิจิตทรงตัวดีแล้วก็ไปทำงาน กลับจากที่ทำงาน เข้าวัด สวดมนต์ ไหว้พระ สบายใจแล้วค่อยกลับบ้าน ทำอย่างนี้ทุกบ้าน บ้านไหนที่อยู่ไกลวัด ไม่มีศาสนสถานอยู่ใกล้ ก็ใช้วิธีเปิดเสียงที่บันทึกเอาไว้ สวดมนต์ไหว้พระที่บ้าน

    เด็ก ๆ ก่อนจะไปโรงเรียน ไปกราบแม่ แล้วก็ไปกราบพ่อ ขอโอวาทว่าต้องทำตัวอย่างไร แล้วถึงไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนมากราบแม่ กราบพ่อ แล้วถึงจะไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำการบ้าน กินข้าวกินปลาอะไรก็แล้วแต่เขา เขาทำแบบนี้กันทั้งบ้านทั้งเมือง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    หนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่งตัวทันสมัย ดูแล้วถ้าเป็นบ้านเราก็น่าจะประมาณดารา นักร้อง หรือคนดัง เข้าวัดนั่งสวดมนต์ไหว้พระ ชักลูกประคำเป็นชั่วโมง ๆ อาตมภาพตั้งใจไปดูเลย จะดูว่าเขานั่งได้นานเท่าไร ? สองชั่วโมงผ่านไป เราต้องลุกไปเอง เพราะว่าเขายังไม่เลิก..! นี่คือสิ่งที่เขาทำตามพระพุทธเจ้าสอน เพราะเห็นประโยชน์

    ญาติโยมทั้งหลายจะเห็นว่า ในปัจจุบันนี้สื่อโซเชียลต่าง ๆ นำเรื่องร้อนหู ร้อนตา ร้อนใจเข้ามาให้เราเยอะมาก ทำอย่างไรที่เราจะไม่รับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เข้ามา ก็ต้องมีสติ สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รู้จักแยกแยะ เลือกเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทิ้งในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เช่นนั้นแล้วเหมือนอย่างกับเรากินของเผ็ดของร้อนเข้าไปอยู่ตลอดเวลา เราก็เดือดร้อนเอง

    คราวนี้การที่เราจะเป็นอย่างนั้นได้ ก็ต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าสอน ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อครู่นี้พวกเราสมาทานศีลไปแล้ว บางทีเรายังไม่เห็นคุณของศีลเลย ศีล ความหมายหนึ่งแปลว่าปกติ หรือถ้าเอาบาลีคำหนึ่งก็คือ สีตะ ความเยือกเย็น ความสงบ เป็นสิ่งที่เราทำได้ง่ายที่สุดในโลกเลย ถามว่าทำไมถึงง่ายแล้วคนรักษาศีลไม่ได้ ? เพราะเขาไปทำในสิ่งที่ยากกัน..!

    อย่างเช่นพระพุทธเจ้าบอกให้เว้นจากการฆ่าสัตว์ เราแค่ไม่ทำเท่านั้น ง่ายแค่ไหน ? แต่ถ้าเราคิดจะฆ่านี่ จะต้องลงทุนลงแรงขนาดไหน ? ลำบากกว่าตั้งหลายเท่า ยิ่งถ้าจะฆ่าคน ต้องวางแผนข้ามวัน ข้ามเดือน ข้ามปีก็มี กว่าที่จะทำได้สำเร็จ แต่นี่เราแค่เว้นไม่ฆ่าเท่านั้น ง่ายกว่ากี่เท่า..!?

    ในเรื่องของการลักขโมยก็เหมือนกัน การที่จะไปแย่งคนรักของคนอื่น หรือโกหกมดเท็จเขา หรือว่าดื่มสุราเสพยาเสพติด ก็เหมือนกัน เป็นเรื่องยากทั้งนั้น แต่บ้านเราทิ้งของง่ายที่ดีที่สุดก็คือศีล ไปทำของยากกัน ความจริงต้องชมว่าเก่งนะ แต่เป็นความเก่งในทางที่ผิด
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    คราวนี้ถ้าหากว่าเราตั้งสติ ระมัดระวังรักษาศีลเป็นปกติไม่ให้พลาด ส่วนที่เราจะได้คือสติ และสมาธิ สติเป็นตัวระลึกรู้ว่าเราจะทำอะไร สมาธิจะเป็นตัวยับยั้งไม่ให้เราไหลตามกระแส หรือว่าไหลตามกิเลสไป แล้วหลังจากนั้นเราค่อยใช้ปัญญามาแยกแยะกันว่าสิ่งไหนเป็นประโยชน์..เราทำ สิ่งไหนเป็นโทษ..เราไม่ทำ ก็แปลว่าเราปฏิบัติในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ของพระพุทธเจ้านั่นแหละ ในชีวิตประจำวันเลย

    ทุกวันนี้พวกเราบางทีปัญหาชีวิตเกิดขึ้น เครียด ทำอะไรไม่ถูก บางคนก็ซึมเศร้า บางคนหาทางออกไม่ได้ มืดแปดด้าน ฆ่าตัวตายไปเลยก็มี เนื่องเพราะว่าเราไม่ได้ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเข้ามาในชีวิต ก็คือสติ สมาธิ และปัญญานี่แหละ ถ้าหากว่าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา เราต้องแยกแยะ ว่าแต่ละปัญหาที่เข้ามานั้น มีความก่อน หลัง เร็ว ช้า อย่างไร ปัญหาไหนมาถึงก่อน เราแก้ปัญหานั้นก่อน ปัญหาไหนมาถึงทีหลัง ช้าไปสัก ๑๐ นาที ครึ่งชั่วโมง อันนั้นอย่าเพิ่งไปคิด

    แต่ส่วนใหญ่พอเราขาดสติ ขาดสมาธิ เราก็จะเอาทุกปัญหามาหมกรวมกัน ไหนจะเรื่องหน้าที่การงาน ไหนจะเรื่องครอบครัว สารพันปัญหา ไอ้โน่นก็ต้องจ่าย ไอ้นี่ก็ต้องผ่อน ลูกก็เจ็บไข้ได้ป่วย สามีก็ไปมีบ้านเล็ก ไปกันใหญ่เลย พอเราเอาหลาย ๆ ปัญหามาหมกรวมกัน จะแก้ไม่ออก เกินกำลังของเรา แต่ถ้าเรามีสติ เราแยกแยะว่า จากปัจจุบันนี้ วินาทีต่อไป ปัญหาไหนที่จะมาถึงก่อน เราตั้งสติ หาทางแก้ไข เราจะมีปัญหาเดียวอยู่ตรงหน้าตลอด แล้วไม่เกินกำลังของเรา นี่คือคุณของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แต่ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทรงสมาธิได้จริง ๆ จะสามารถกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงได้ชั่วคราว จะเกิดความสุข ความเย็นอย่างที่โลกมนุษย์เราไม่มีให้ อธิบายเป็นคำพูดได้ยาก ภาษาบาลีเขาใช้คำว่า ปัจจัตตัง รู้เฉพาะตัว

    คนเราจะโดนไฟใหญ่ ๔ กอง คือ รัก โลภ โกรธ หลง เผาอยู่ตลอดเวลา ให้ดิ้นรน หามาสนองความต้องการของตนเอง ก็ทุกข์อยู่ตลอดเวลา แต่ทันทีที่สมาธิทรงตัว ไฟใหญ่ ๔ กองนี้จะโดนดับลงด้วยอำนาจของสมาธิ ต่อให้เป็นการดับลงชั่วคราวก็ตาม คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับ มีความสุขแบบไหน อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ นี่คือคุณค่าของสมาธิ

    พอสมาธิมีกำลัง เราก็สามารถหักห้ามใจตนเองไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี แล้วก็บังคับตนเองให้ทำในสิ่งที่ดี ๆ ได้ พอทำบ่อย ๆ สภาพจิตเคยชินกับด้านดี คราวนี้เราจะทำชั่วได้ยากแล้ว เพราะสภาพจิตของเราเหมือนเก้าอี้ที่นั่งได้คนเดียว หรืออาสนะที่นั่งได้คนเดียว ถ้าความดีเข้าไปนั่ง ความชั่วก็จะเข้าไม่ถึง แต่ถ้าความชั่วเข้าไปนั่งได้ ความดีก็เข้าไม่ได้เหมือนกัน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ดังนั้น..ในแต่ละวัน เราจึงต้องรีบเอาความดีใส่เข้าไปในใจของเรา เหมือนกับคนที่ต้องกินอาหารทุกวัน วันละ ๓ มื้อ แต่สภาพจิตของเราเสพเสวยอยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับและตื่น ถ้าไม่เอาสิ่งดี ๆ ให้เขากินเข้าไป ปล่อยให้เขาเสาะหาเอง ก็จะมีแต่สิ่งที่เขาชอบ ซึ่งมักจะพาเราเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้น..การที่พวกเรามาสวดมนต์ สมาทานศีล เจริญสมาธิภาวนา จึงเป็นเรื่องที่ทำแล้วก่อประโยชน์แก่ตัวเราเองทั้งนั้น ปัจจุบันนี้ประเทศอังกฤษ เอาแค่ทหารรักษาพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ ๓ กษัตริย์อังกฤษ จำนวน ๔,๐๐๐ นาย โดนบังคับให้ทำสมาธิอย่างน้อย ๒๐ นาทีทุกวัน ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่าเขามีการเก็บข้อมูล ทำวิจัยอยู่ตลอดเวลาว่า บุคคลที่ทำสมาธิตามหลักพระพุทธศาสนา สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหลายเท่า แล้วพวกเราทั้งหลาย ถ้ายอมเสียเวลานิดหน่อยเท่านั้น ในการทำสมาธิในแต่ละวัน ประสิทธิภาพของงานก็จะดีขึ้น สติ สมาธิ ปัญญา ก็จะดีขึ้น รู้จักเลือกในสิ่งที่ดี เว้นในสิ่งที่ไม่ดี

    เราท่านทั้งหลายบางทีพักผ่อนทั้งคืน ตื่นขึ้นมายังรู้สึกล้าอยู่เลย คิดว่าเรานอนพอ ทำไมถึงเหนื่อยไม่เลิก ? ก็เพราะว่าเราพักแต่ร่างกาย ใจของเราไม่ได้พัก สภาพจิตของเราเสพเสวยสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา จะพักได้จริง ๆ ต้องพักในสมาธิเท่านั้น ทำอะไรไม่ได้มาก อย่างน้อย พุทโธ..พุทโธ หรือ พองหนอ..ยุบหนอ ให้หลับไปก็ยังดี อย่างน้อย ๆ สภาพจิตของเราจะได้พักจริง ๆ บ้าง

    แต่ถ้าหากว่าท่านที่มีความชำนาญ ต่อให้ลืมตาตื่น ทำหน้าที่การงานอยู่ สภาพจิตก็สามารถทรงสมาธิ พักตัวเองได้ มีตัวเองเป็นเกาะ ไม่ต้องเวียนว่ายอยู่ในกระแสโลกให้เหน็ดเหนื่อยเหมือนกัยคนอื่นเขา ท่านทั้งหลายเหล่านี้จึงใช้พลังชีวิตน้อยกว่าคนอื่นเขา ถ้าไม่ใช่แก่ช้า ก็มักจะอายุยืน..!

    เรื่องพวกนี้ในทางโลก ๆ ยังมีประโยชน์ขนาดนี้ เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของทางธรรมก็มีประโยชน์มหาศาล จึงเป็นเรื่องที่เราต้องทำเลย ก็คือต้องรักษาศีล ต้องเจริญสมาธิภาวนา ถ้าเห็นว่าโลกนี้มีแต่ทุกข์แต่โทษ เราไม่ปรารถนาการเกิด สามารถถอนจิตจากการยึดมั่นถือมั่นได้ เราจะมีความสุขอย่างที่สุด
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ลำดับต่อไป ให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจของเรา

    หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป
    หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจออกมา

    ถ้าใครเคยภาวนามาก่อน เราจะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ แต่ให้กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจตรงหน้า

    หายใจเข้า..ผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง
    หายใจออก..จากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก

    ตามดูลมเข้าไป พร้อมกับคำภาวนาจนสุด
    ตามดูลมออกมา พร้อมกับคำภาวนาจนสุด

    ให้ความรู้สึกทั้งหมดอยู่แค่ตรงนี้ เผลอสติ นึกถึงเรื่องอื่นเมื่อไร พอรู้ตัวให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจทันที พวกเราถ้าหากว่ากำลังใจไปฟุ้งซ่าน จะสูญเสียพลังไปมาก ดังนั้น..เราต้องหยุดความฟุ้งซ่านอยู่ที่ลมหายใจ

    ความฟุ้งซ่าน ถ้าไม่ไปหวนหาอาลัยในอดีต ก็จะไปฟุ้งซ่าน อยากมี อยากได้ อยากเป็น กับอนาคต ถ้าเราจะขึ้นรถสักคันหนึ่ง อดีตเป็นรถที่วิ่งเลยไปแล้ว เราขึ้นไม่ได้หรอก อนาคตก็เป็นรถที่ยังมาไม่ถึง เราขึ้นไม่ได้เหมือนกัน เราต้องอยู่กับรถปัจจุบัน ก็คือลมหายใจเข้าออกตรงหน้าเรานี่แหละ

    หยุด..ถึงจะมีกำลัง

    หยุด..ถึงจะพบกับความสุข

    หยุด..เราถึงจะได้พบกับความสงบเยือกเย็นที่แท้จริง

    หยุด..อยู่ที่ลมหายใจเข้า หยุด..อยู่ที่ลมหายใจออก


    หายใจเข้า..ตามดู ตามรู้ เข้าไปจนสุด

    หายใจออก..ตามดู ตามรู้ ออกมาจนสุด

    เผลอสติ คิดถึงเรื่องอื่นเมื่อไรรีบกลับมาตรงนี้ ให้รู้ว่าเราโดนกิเลสชักจูงไปไกลแล้ว กลับมาอยู่กับปัจจุบันตรงนี้ อยู่กับความรู้สึกที่ไหลตามลมเข้าไป ไหลตามลมออกมา

    ลมหายใจเข้าออกเป็นแม่ของกรรมฐานทั้งปวง เป็นพื้นฐานของกรรมฐานทุกกอง ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก กรรมฐานทุกกองไม่สามารถที่จะทรงตัวได้ ตามดูตามรู้เข้าไปจนสุด ตามดูตามรู้ออกมาจนสุด พยายามรักษากำลังใจเอาไว้แบบนี้ จนกว่าจะบอกว่าหมดเวลา
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ

    ได้ยินหนอ..ได้ยินหนอ..ได้ยินหนอ​

    ค่อย ๆ คลายสมาธิออกมานะจ๊ะ ถ้าหากว่าสมาธิลึกแล้วคลายออกมารวดเร็ว หัวใจจะเต้นแรง เพื่อไปบังคับร่างกายให้ทำงานตามปกติ บางคนรู้สึกใจสั่น มือไม้อ่อนไปเลยก็มี

    ตั้งใจว่าตามนะจ๊ะ

    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล

    บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล

    ถึงบิดามารดาครูอาจารย์

    ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน

    คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย

    ขอจงได้ส่วนกุศลผลของฉัน

    ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ

    จงรับส่วนกุศลฉันทุกท่านเทอญ

    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย..ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    อะเวรา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

    อัพพะยาปัชฌา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    อะนีฆา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


    กราบพระพร้อมกันนะจ๊ะ

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา

    พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ

    สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ



    ขออนุโมทนากับทุกท่านนะจ๊ะ เชิญพิธีกรนำเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปเลยจ้ะ


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    การแสดงธรรมและนำเจริญพระกรรมฐาน
    ในโครงการ "วิถีพุทธรวมใจ สวดมนต์ ฟังธรรม ในวันธรรมสวนะ"
    วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...