หมดแล้ว ((ขุนแผน พระอาจารย์เชาวรัตน์ แรงๆๆ ปิดคืนนี้ 29 ก.ค.58 เวลา 21.40 น.))pcharn

namayti · 29 กรกฎาคม 2016

ขอเรียนเชิญร่วมประมูลวัตถุมงคลเก่าเก็บ..เลิกสะสม..แบ่งกันไปใช้ครับ
-------------------------------------------------------------------------------------
เงื่อนไข
1.ปิดประมูลวันที่ 29 ก.ค.2559 เวลา 21.40 น.(ยึดเวลาตามเว็ป)
2.เค๊าะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ให้ลงท้ายด้วย 0 นอกนั้นถือเป็นโมฆะครับ
3.ใครประมูลสูงสุด ในเวลาที่กำหนด เป็นผู้ชนะการประมูล
4.กรณียอดประมูลเท่ากัน ขอให้สิทธิ์ผู้เค๊าะประมูลก่อนเป็นผู้ชนะการประมูล
5.ผู้พิมพ์"ปิดด่วน"ตามราคาที่ระบุเอาไว้ เป็นผู้ชนะการประมูล และถือว่าสิ้นสุดการประมูล
6.โอนเงินภายใน 2 วันหลังจากวันปิดประมูล
7.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากล

เปิดประมูลที่ 399.-((ปิดด่วนที่ 1,500)) ผู้ชนะเพิ่มค่าส่งลงทะเบียน EMS = 50.-นะครับ
-------------------------------------------------
นำเสนอ....พระขุนแผนทรงพลใหญ่ ปี 2559 แรง HOT เต็มพิกัด ห้ามพลาดนะครับ พระครูสุทธิธรรมสังวร(พระอาจารย์เชาวรัตน์ กมฺมสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดท่าวังหิน (ธ) บ้านสายร่องข่า ต.เชิงชุม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ทายาทธรรมโดยแท้ เป็นศิษย์ครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิ ลป.สิม พุทฺธาจาโร วัดสันติสังฆาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ลป.แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ลป.หลวง กตปุญฺโญ วัดสำราญนิวาส อ.แม่ทะ จ.ลำปาง จัดเป็นพระใหม่มาแรง ราคาขยับทุกวันครับ เก็บได้เก็บนะครับ ห้ามพลาดขอบอก

พระอาจารย์เชาวรัตน์ วัดท่าวังหินปฏิปทาและพลังศรัทธาของ'ป้อม สกลนคร' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

“การสร้างฝายน้ำล้นกั้นลำน้ำอูน” จ.สกลนคร งานพัฒนาชุมชนที่นับว่าเป็นงานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ พร้อมเพรียงร่วมแรงร่วมใจกันทั้งฝ่ายบรรพชิตและฆราวาส และผลของงานก็ได้ก่อประโยชน์อเนกอนันต์ชิ้นหนึ่งของ "พระญาณสิทธาจารย์" หรือ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยมี พระอาจารย์เชาวรัตน์ กมฺมสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าวังหิน (ธ) บ้านสายร่องข่า ต.เชิงชุม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นหัวแรงสำคัญ
นายเกรียงไกร จิระสวัสดิ์ตระกูล หรือ "ป้อม สกลนคร" มือวางอันดับ ๑ "อาจาย์ฝั้น-หลวงปู่ทิม" ผู้จัดพิมพ์หนังสือ "อมตะพระเครื่อง พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร" และศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระอาจารย์เชาวรัตน์ เล่าให้ฟังว่า ปฏิปทาของพระอาจารย์เชาวรัตน์ น่าสนใจและศึกษามาก คือ ระหว่างพรรษา ๑-๕ พระอาจารย์เชาวรัตน์ได้มาช่วยหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สร้างอุโบสถ ที่วัดสันติสังฆาราม บ้านบัว อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร และในครั้งนั้น หลวงปู่สิมได้เป็นประธานในการก่อสร้างฝายน้ำล้นเพื่อทดน้ำให้สูงขึ้นจะได้นำ น้ำไปใช้ประโยชน์นานัปการได้หลายหมู่บ้าน

งานก่อสร้างเริ่มจากพระเณรและชาวบ้านทั้งชาย หญิง เด็ก คนชรา รวมกันประมาณ ๒๐๐ ชีวิต ช่วยกันขนหินจากป่าบ้านหนองลาด โดยพระจะช่วยกันงัดหิน และทุบหินก้อนใหญ่ให้แตกเป็นหินก้อนเล็กพอที่จะขนได้สะดวกขึ้น

ในการทำงานหนักที่ก่อประโยชน์อย่างยิ่งทั้งร่างกายและจิตของพระผู้ปฏิบัติ งานขนหินทิ้งลงลำน้ำอูน ทำเหมืองฝายและสร้างสาธารณกุศลต่อชุมชนชาวบ้านที่เดือดร้อนขาดแคลนน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการดำรงชีพ และการประกอบอาชีพการเกษตรทั้งมีผลพลอยได้ทำให้สัตว์น้ำ ปูปลาชุกชุมบริเวณเหนือเหมืองฝาย ผลการทำเกษตรกรรมได้ผลดี ชาวบ้านกินดีอยู่ดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ทุกวันนี้ฝายน้ำล้นกั้นลำน้ำอูนนี้ นับว่าได้อำนวยประโยชน์แก่ชาวบ้านเกษตรกรในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก โดยเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่เพาะปลูกกว่า ๑,๐๐๐ ไร่ ทั้งต้นไม้ของ ๒ ฝั่งลำน้ำอูนก็เขียวขจีตลอดปี น้ำบ่อที่เคยขุดด้วยความยากลำบาก ก็ขุดง่ายขึ้นเนื่องจากความอิ่มตัวของน้ำโดยรอบบริเวณฝายน้ำล้นแห่งนี้

ป้อม สกลนคร ยังบอกด้วยว่า หลวงปู่สิมท่านเป็นศิษย์รุ่นอาวุโสของหลวงปู่มั่น เป็นพระมหาเถราจารย์ที่มีศีลาจริยวัตรงดงามอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ท่านมีความผูกพันกับพระพุทธชินราชมาก ทุกครั้งที่ท่านเดินทางผ่านพิษณุโลก หากมีโอกาส ท่านจะแวะนมัสการพระพุทธชินราชเสมอๆ เมื่อครั้งที่หลวงปู่สิมยังเป็นพระหนุ่ม ครั้งหนึ่งท่านเดินธุดงค์มาทางภาคเหนือและมีโอกาสแวะกราบนมัสการพระพุทธชิน ราช ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า "หากข้าพเจ้ามีบุญวาสนาพอสร้างพระพุทธชินราชได้ จะสร้างไปไว้ที่วัดบ้านเกิดสักองค์"

อีก 45 ปีต่อมา คำอธิษฐานของท่านก็สัมฤทธิผล มีลูกศิษย์อยากสร้างพระพุทธรูปถวาย หลวงปู่จึงแนะนำให้สร้างพระพุทธชินราช และตั้งจิตอธิษฐานว่า "องค์พระพุทธชินราชนี้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีบุญญาธิการสูง เมืองพิษณุโลกฝนฟ้าก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อหล่อองค์จำลองเสร็จ จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่บ้านบัว ขอให้มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ มีบุญญาธิการ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ เท่าองค์จริงเทอญ"

เมื่อหล่อองค์จำลองเสร็จเรียบร้อย ได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วิหารวัดสันติสังฆาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร อันเป็นบ้านเกิดของหลวงปู่ เพื่อให้ญาติโยมได้สักการบูชา *หลวงปู่เคยปรารภให้ลูกศิษย์ฟังด้วยความปีติยินดีว่า "ในชีวิตของหลวงปู่ อยากสร้างพระพุทธชินราชสักองค์ ขณะนี้ก็ได้สร้างสมใจแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ"

ก่อนที่หลวงปู่นสิมจะละสังขารเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระอาจารย์เชาวรัตน์ ลูกศิษย์ของหลวงปู่ ซึ่งเป็นประธานสำนักสงฆ์เวฬุวันสันติวรญาณ ที่ จ.สกลนคร ได้ขึ้นมากราบหลวงปู่ที่ถ้ำผาปล่อง เมื่อถึงตอนลากลับ หลวงปู่สั่งว่า “ท่านเชาว์มานี่ ปีนี้ฝนแล้ง ท่านกลับไปสกลนคร ไปกราบหลวงพ่อใหญ่ (พระพุทธชินราชองค์จำลอง) แทนหลวงปู่ด้วยนะ ให้ฝนมาตกที่สกลนคร”

หลังจากหลวงปู่สิมมรณภาพในฐานะที่เป็นศิษย์เอกท่านเป็นกำลังสำคัญในการจัด งานพระราชทานเพลิงศพ ณ สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ ที่นั่นพรรษานั้นท่านต้องสัตตาหะไปมาระหว่างวัดท่าวังหิน จ.สกลนคร กับ สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง ทุก ๗ วัน

ปฏิปทาเพื่อพระพุทธศาสนา
พระอาจารย์เชาวรัตน์ มีวัตรปฏิบัติเรียบง่ายแต่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยคำสอนของพ่อแม่ครูบา อาจารย์สายหลวงปู่มั่น และเป็นศิษย์หลวงปู่สิม มีวิธีสอนธรรมะแก่ลูกศิษย์ให้เข้าใจง่าย โดยอาศัยเหตุการณ์ยุคปัจจุบัน ปรับแต่งแฝงด้วยธรรมะเข้าไป ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาที่ไปกราบไหว้เข้าใจในธรรมะที่ท่านสอนได้อย่างง่ายได้

ป้อม สกลนคร บอกว่า พระอาจารย์เชาวรัตน์เป็นพระที่มีเมตตาเสมอกันทุกคน เป็นพระที่มีอุปนิสัยใจเย็น สุขุม คนทั่วๆ ไปมักคิดว่าท่านช้า แต่ความจริงท่านเป็นพระที่ละเอียดลออ พิจารณาไตร่ตรองรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจกระทำการใดๆ เป็นพระที่มุ่งมั่นตั้งใจทำความเจริญให้พุทธศาสนา เสียสละต่อหมู่คณะสงฆ์ ท่านไม่ถือตัว เกี่ยงเรื่องงานหนักเบา ลงมือช่วยทุกเรื่องที่ท่านเห็นควร แม้ว่างานนั้นๆ ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง สิ่งไหนที่ท่านไม่ทราบจะศึกษาและเข้าไปช่วยพระทำงานนั้นๆ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่องานภายภาคหน้า

พระอาจารย์เชาวรัตน์มีปฏิภาณไหวพริบที่จะทำให้คนที่มีปัญหาโทสะ โดยมีวิธีการพูดให้คนตั้งอยู่ในความสงบสำรวมได้ เวลาที่คนอยู่ใกล้ชิดจะมีความรู้สึกว่าท่านมีมตตาเย็น ปลอดภัย ท่านพร้อมที่จะรับฟังปัญหาและหาทางชี้แนะ คลี่คลายทางออกให้ผู้ที่มาขอคำปรึกษาได้ดี รวมทั้งเป็นพระนักเทศน์ นักพูด และนักประชาสัมพันธ์ ดังจะเห็นได้ว่างานประชุมของคณะสงฆ์ กิจกรรมทางศาสนาท่านจะทำหน้าที่พระนักประชาสัมพันธ์ทุกๆ งาน

"ปฏิปทาของท่านพระอาจารย์เชาวรัตน์ เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ โดยท่านเมตตาแสดงอรรถธรรมตามความเหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล ที่เข้าพบ กราบท่าน เพื่อปรึกษา หรือแสวงหาข้อธรรม ซึ่งเป็นที่พึ่งได้ทั้งผู้ที่ประสบทุกข์ทางโลก และสำหรับผู้แสวงหาวิมุตติธรรม ท่านก็สามารถไขข้อข้องใจในอรรถธรรม ได้อย่างสมภาคภูมิศิษย์แห่งสายกรรมฐานโดยแท้" ป้อม สกลนคร กล่าวทิ้งท้าย
ชาติภูมิ-ถิ่นกำเนิด
"เชาวรัตน์ เสนสุข" เป็นชื่อและสกุลเดิมของพระอาจารย์เชาวรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๗ ที่ ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร บิดาชื่อ นายทอน เสนสุข มารดาชื่อ นางไค่ เสนสุข

เมื่ออายุ ๑๕ ปี วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๒ ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดพระศรีมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร โดยมี สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุ เป็นพระอุปัชฌาย์

อายุ ๒๑ ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๘ ณ วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมีพระราชคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ อภิวณฺโณ) วัดศรีโพนเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แว่น ธนปาโล วัดป่าสุทธาวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พระอาจารย์เชาวรัตน์ กมฺมสุทฺโธ เคยไปอยู่ศึกษาธรรมกับครูหลายท่านหลายรูป อาทิ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดสันติสังฆาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ วัดสำราญนิวาส อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เป็นต้น

พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมของ พระเทพสุเมธี วัดศรีโพนเมือง

พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสันติสังฆาราม

พ.ศ.๒๕๔๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลพรรณานิคม เขต ๕ (ธรรมยุต)

พ.ศ.๒๕๔๔ ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุทธิธรรมสังวร
((ที่มา )