คติธรรม คำสอนหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย ยมราชาโณ, 8 ธันวาคม 2016.

  1. ยมราชาโณ

    ยมราชาโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    44
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +183
    ขอรวบรวมคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายโพธิญาณ เพื่อให้ผู้ที่สนใจมีโอกาสได้ศึกษาตามแนวทางของท่าน

    image.jpeg
     
  2. ยมราชาโณ

    ยมราชาโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    44
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +183
    ว่าด้วยเรื่อง ..... พลังงาน

    ศิษย์ : แล้วพลังงานเนี่ยครับ ที่พูดถึงขณะนี้เนี่ย พลังงานในที่นี้เป็นอย่างไร

    หลวงตา : พลังงานของเรา คือเราทำกรรมอะไรไว้คือพลังงาน พลังงานในที่นี้คือพลังงานของหลวงปู่ดู่ พลังงานของจักรพรรดิ พลังงานของหลวงปู่ทวด ทีนี้พลังงานของพระโพธิสัตว์ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ใช่มั้ย พลังงานท่านก็ยังไม่ได้รวม ยังกระจายอยู่

    ศิษย์ : คำว่ายังไม่รวมในที่นี้คือ ?

    หลวงตา : ท่านยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ คือตอนนี้พระโพธิสัตว์ท่านกำลังธุรกิจอยู่ คือยังไม่เจ๊ง หรือยังไม่หยุดกิจการ เวลาสวดปั๊บเนี่ย ตอนที่เราขออะไร ขอรวมพลังงาน พอเราสวดปั๊บ พลังงานจะรวม

    ศิษย์ : ต้องอธิษฐานก่อนมั้ยครับว่าจะรวม หรือสวดปั๊บรวมเลยทุกครั้ง

    หลวงตา : มันต้องอธิษฐานก่อนทุกครั้ง ต้องอธิษฐานก่อน

    ศิษย์ : เท่าที่เมื่อกี๊ ที่ผมร่วมสวดด้วยเนี่ย จะมีสามครั้งที่เป็นสัพเพ ครั้งแรกคืออัญเชิญก่อนที่จะสวด ครั้งที่สองคือได้พลังงานมาแล้วก็แผ่ไปทั้งสามโลก ครั้งที่สองเนี่ยคือ ?

    หลวงตา : รวมจักรพรรดิ รวมจักรพรรดิแล้วแผ่ไปตามที่เราต้องการ ที่สามก็คือรวมบารมีที่เราเคยสร้างมาตั้งแต่อดีต เรานำมาเป็นประโยชน์ในปัจจุบัน

    ศิษย์ : รวมกับใครครับ

    หลวงตา : ของเราไง

    ศิษย์ : รวมของเรากับของที่มาเยอะๆ

    หลวงตา : เทพพรหมทั้งหมด เขาต้องผ่านผู้ใหญ่ แล้วเขารวมไม่ได้ เขาต้องผ่านคน คือ เรามีทั้งรูปและนาม

    ศิษย์ : อืม สวดทุกวัน เราก็มีกำไรทุกวันเลยสิครับ

    หลวงตา : ใช่ ถูก อายุเค้าก็มากขึ้น คือท่านแนะนำให้ลงทุนน้อยกำไรเยอะๆ โดยวิธีการบุญต่อบุญ โดยวิธีฝากกระแสบุญ เพราะว่าพวกนี้เขาต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างเราอีก ทีนี้เราเกิดในกามภพ เราเกิดในระยะนี้ใช่มั้ย พอเขามีกำลังเขาช่วยเราได้ตลอดเวลาอธิษฐาน พอเราตายไป เขาก็เกิดใช่มะ มันก็ผูกพันกัน เข้าใจมั้ย

    ศิษย์ : ครับ

    หลวงตา : ปรับพลังงานไง คือคุ้นเคยกันไง คุณเกิดคนเดียวไม่ได้ ทำบารมีคนเดียวไม่ได้ด้วย คุณต้องช่วยกันไง ต่อไปข้างหน้าพอเราอธิษฐานปั๊บนี่ ทำอะไรมันก็ง่าย ก็จะสร้างบารมีได้ง่าย

    ศิษย์ : การเห็นพลังงานหรือเปิดโลก จะช่วยอะไรในทางโลกหรือทางธรรมได้บ้าง

    หลวงตา : เพิ่มบารมี เพิ่มกำลังของเรา ที่เราทำอยู่ คือต้องเข้าใจว่าเราปรารถนาอะไร เรารู้จักพุทธศาสนาดีไหม พุทธศาสน์มันมีกี่แนว มันมีกี่อย่างใช่มั้ย พุทธศาสน์มีพระโพธิสัตว์คือพระพุทธเจ้า พระปัจเจกก็คือผู้ปรารถนาเป็นพระปัจเจก หรือไม่ก็พระอรหันต์ หรือสาวกภูมิ มันก็มีอยู่แค่เนี้ย ทีนี้เราต้องการอะไร

    จากหนังสือ.....หลวงตาสอนศิษย์ เล่ม 1
    เรื่องพลังงาน กำลัง กระแส และกำลังจักรพรรดิ
    หน้า 11-12
    พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
    วัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    image.jpeg
     
  3. ยมราชาโณ

    ยมราชาโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    44
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +183
    พระแก้วแดง....พระแก้วรวมบารมีพระศรีอาริยเมตไตรย

    image.jpeg

    ศิษย์ : ทำไมพระแก้วแดงถึงมีพลังงานรวมพระศรีคะ

    หลวงตา : พระศรีอริยะเมตไตรยเป็นอนาคต พระแก้วแดงเป็นบารมีตั้งแต่แรกเริ่มอธิษฐานมารวมที่พระแก้วแดง เป็นบารมีรวมของพระศรีอริยะเมตไตรย ท่านชอบสีแดง ท่านชอบอะไรที่สีแดง ถ้าเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าบารมีเยอะกำลังก็อยู่ที่สีแดง

    ศิษย์ : คือหมายถึงว่า สีแดงเป็นเฉพาะวิริยะหรือครับ

    หลวงตา : มันอยู่ที่สีนะ บางองค์วิริยะสีขาวก็มี มันอยู่ที่เรา ชอบสีไหนก็เป็นสีนั้นแหละ อย่างหลวงตาก็ชอบสีแดงออกชมพูนั่นแหละ คือพระพุทธเจ้าแต่ละองค์สีไม่เหมือนกัน องค์หน้าอาจจะเป็นสีแดงก็ได้ มันอยู่ที่ความชอบ ซ้ำกันเยอะไป

    ศิษย์ : แล้วถ้าซ้ำกันนี่ สร้างองค์เดียวกันสีเหมือนกันใช้เหมือนกันได้ไหมครับ

    หลวงตา : ไม่ได้ คนละองค์ คนละพลังงาน

    ศิษย์ : หลวงตาค่ะ แล้วจักรพรรดิที่สีแดง ต่างกับสีขาวไหมค่ะ

    หลวงตา : เหมือนกันนั่นแหละ ใช้เหมือนกัน คำว่า จักรพรรดิ คือพระพุทธรูปทรงเครื่อง เหมือนทหาร ทหารออกรบก็ต้องใส่ชุดทหาร เวลาอยู่บ้านถอดชุดเป็นทหารคนเดียวกันไหม คนเดียวกัน แล้วถ้าทหารคนนั้นไปบวชก็คนๆเดียวกัน มันอยู่ที่รูปลักษณ์ อย่างพระแก้วมรกตนะ พระทรงเครื่องจักรพรรดินะนั่น

    ศิษย์ : แล้วสามองค์ก่อนพระแก้วมรกตล่ะครับหายไปไหนครับ

    หลวงตา : สามองค์ก่อนไม่ทราบไม่ได้เช็ค เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรไปถามทำไม

    ศิษย์ : หายไปไหนเหรอครับ ผมก็อยากรู้

    หลวงตา : หายสิ ไม่หายได้ไง บัญชีท่านปิดแล้ว อย่างองค์สีเขียวเนี่ยเมื่อหมดศาสนาท่านธาตุก็เผาธาตุอีกที พระแก้วมรกตก็สลายหายไปตามพลังงาน เหมือนบ้านเรา เผาบ้านหลังนี้แล้วไปปลูกใหม่ พลังงานมันก็ไปตามสภาพของตัวเราเอง พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ก็เหมือนกัน ธาตุจะโดนเผา พลังงานโดนเผา มันหมดยุคไป 2000กว่าปีก็หมดเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ

    ศิษย์ : พระพุทธรูปองค์อื่นๆสีแดงที่ทรงเครื่องจักรพรรดิก็มีคุณสมบัติเหมือนกันสิคะ

    หลวงตา : เหมือนกัน พระทรงเครื่องคือผู้มีฤทธิ์นะ พูดถึงฤทธิ์ไม่ได้พูดถึงธรรมโดยตรง ทรงเครื่องทุกอย่างนะ เรื่องของธรรมก็ทรงพุทธเจ้าธรรมดานี่แหละ

    ศิษย์ : ขอย้อนไปถามเรื่องพระพุทธเจ้าหน่อยนะครับ หลวงตาบอกว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายองค์ท่านปิดบัญชีไปแล้ว การโมทนาบุญที่พระพุทธเจ้าทุกกๆพระองค์ได้เคยทำมาได้ไหมครับ

    หลวงตา : ได้อยู่ โมทนาในส่วนที่ท่านทำมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันก็สว่างที่จิตเรา ฟอกที่จิตเรา

    ศิษย์ : โมทนาแล้ว โมทนาอีกได้ไหมครับ

    หลวงตา : ได้ แล้วมันลดความอิจฉาในใจเราด้วย พลังงานก็พุ่งมาที่เรา

    จากหนังสือ.....หลวงตาสอนศิษย์ เล่ม 1
    เรื่องพลังงาน กำลัง กระแส และกำลังจักรพรรดิ
    หน้า 17-18
    พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
    วัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     
  4. ยมราชาโณ

    ยมราชาโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    44
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +183
    image.jpeg

    ว่าด้วยเรื่อง....ชีวิตหลังความตาย และโลกโอปปาติกะ (1)

    ศิษย์ : เวลาเราเห็นสัตว์แล้วเราสัพเพ แล้วดวงวิญญาณของโอปปาติกะและสัมภเวสีบางทีได้ยินเสียงตอบรับให้เรารับรู้ว่า เขาขอบใจ มันคืออะไร แล้วเราสามารถรับรู้ได้จริงหรือ

    หลวงตา : จริงซิ สมัยก่อนไปไหนมาไหนเราต้องพิสูจน์นะฮะ สมัยฝึกใหม่ๆนั่นน่ะ บางครั้งเราเห็นวิญญาณที่ตายสดๆเลยฮะ เราก็ส่งไป ส่งไปเค้าก็บอกว่า ช่วยดูลูกเขาหน่อยอะไรเนี่ย ตายยังไม่พอ ยังสั่งเราอีกว่า ช่วยไปดูลูกเขาหน่อย ที่จริงเราก็ไปนะ ไปถามดูว่า มันมีลูกหรือเปล่าไอ้คนนี้เนี่ย มันก็มีนะฮะ แต่เราไม่สามารถช่วยเขาได้หรอกฮะ ช่วยวิญญาณอย่างเดียว จะไปช่วยลูกเค้าเป็นมนุษย์อีก มันไม่ได้ฮะ เราจำเป็นต้องผ่านไปฮะ เข้าใจมั้ย เนี่ยเราไปไหน เราเห็นคนเกิดอุบัติเหตุเนี่ย เราเริ่มสัพเพปั๊บเนี่ย มันก็ขอบคุณแล้วมันก็บอกว่า ช่วยลูกมันหน่อย เพราะลูกมันยังเล็ก เราก็จอดรถไปดู ว่าไอ้คนเนี่ย มันเป็นคนแถวเนียะ มันมีลูกมั้ย มันก็มีตามที่มันบอกนั่นน่ะ แต่เราช่วยมันไม่ได้ไง ช่วยเอาลูกมันไปเลี้ยงไม่ได้ไง ใช่มั้ย เราก็ผ่านไป อือ เราพิสูจน์แล้ว ไอ้นี่จริง นั่นแนะ คือเวลาเราทำ เราไม่ได้ทำคนเดียวนะฮะ จะไม่ทำคนเดียว เรามีพยานฮะ เราจะไปเป็นหมู่คณะ เวลาเราไปเนียะ เราไปเต็มรถว่างั้นเถอะ เราก็ไป เมื่อก่อนก็ไป โอ๊ะ กลางวันกลางคืนก็ไปหมดฮะ แต่นี้เราแก่แล้ว เราไปลำบาก ฮึๆ ไม่ค่อยไป แต่เวลาไปอย่างนี้นั้นมันสนุกฮะ เวลาเราไปตามสถานที่ที่มันเป็นสถานที่โบราณนี่ฮะ เวลาเราสวดเนี่ย มันสนุกดี บางครั้งโลกของวิญญาณมันก็ยังอยู่ เราไปไหนก็มาสวดกับเรานั่นน่ะ

    จากหนังสือ.....หลวงตาสอนศิษย์ เล่ม4
    เรื่องชีวิตหลังความตาย และโลกโอปปาติกะ
    หน้า 34-35
    พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
    วัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     

แชร์หน้านี้

Loading...