รหัสชีวิต ลิขิตจากจักรวาล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 21 ตุลาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    รหัสชีวิต ลิขิตจากจักรวาล
    [​IMG][​IMG]

    ทุกหน่วยชีวิตไม่ว่ามีขนาดเล็กหรือใหญ่เพียงใดต้องมีรหัสในการสืบต่อและกำหนดตัวตน ซึ่งในฉบับก่อนได้กล่าวถึงเรื่องราวของสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสายใยแถบรหัสที่เรียกว่า ดี เอ็น เอ ซึ่งโดยแท้จริงนั้นไม่ใช่เพียงว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมทุกสรรพสิ่งที่บังเกิดมีในจักรวาลที่เราพบเห็นด้วย หากพิจารณาโดยละเอียดสุดก็จะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงการควบแน่นของพลังงานที่กลายเป็นก้อนสสารเท่านั้น ทุกสิ่งล้วนมีต้นกำเนิดจากหลักการที่ว่า “จากความไม่มีอยู่สู่การมีอยู่” เกือบทั้งสิ้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ทุกประการล้วนมีมิติเบื้องหลังที่ทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นทั้งสิ้น สัจจะแห่งโลกข้อนี้ท้าทายต่อการค้นคว้าของมนุษย์ทุกยุคสมัยว่า “ผู้สร้างที่อยู่หลังมิติโลกนั้นคือใคร?” มีสภาพอย่างไร? และสร้างสิ่งต่างๆที่หลากหลายนี้ได้อย่างไร? มีกฎเกณฑ์หรือเกิดจากการไร้ระเบียบแบบแผน สัจจะแห่งจักรวาลนั้นคือสิ่งใดกันแน่
    มนุษย์ตอบปัญหาเหล่านี้ด้วยการยอมรับกฏเกณฑ์ของสิ่งที่คิดว่าบงการให้เกิดสิ่งต่างๆขึ้นว่า “พระผู้สร้าง” ลักษณะโดยความคิดของตนไปด้วยประการต่างๆเหมือนกันบ้างแตกต่างกันบ้างและในที่สุดก็พยายามอธิบายการเกิดของสิ่งต่างๆขึ้นด้วยกระบวนการคิดที่ต่างระดับกัน อีกพวกหนึ่งกลับไม่ยอมรับการถูกสร้างแต่ยอมรับความเป็นไปของกฏเกณฑ์ ที่ทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นโดยหันมาศึกษาและพยายามเข้าใจกฏเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อบรรลุต่อจุดมุ่งหมายเดียวกันทั้งสองพวกเพียง “ชีวิตที่เป็นสุขโดยนิรันดร์” ความแตกต่างของหลักการมองการกำเนิดว่าจากใคร กลับจบลงด้วยเป้าหมายเดียวกัน และยอมรับอย่างน่ามหัศจรรย์อยู่เหมือนๆกันเรื่องหนึ่งว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้กฏเกณฑ์อันหนึ่งเสมอ”


    [​IMG]

    การยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังดำเนินตัวมันเองไปด้วยกฎเกณฑ์หนึ่งนั้นทำให้เกิดการค้นคว้าเพื่อหากฎเกณฑ์เหล่านั้น เพื่อตอบให้ได้ว่า อะไรเกิดขึ้น!!! และอนาคตต่อไปภายใต้กฎนั้นจะเป็นอย่างไร? เรื่องราวของความรู้รหัสดีเอ็นเอ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มนุษย์พยายามศึกษาและอธิบายเรื่องดังกล่าว นอกจากวิทยาศาสตร์แล้วศาสตร์โบราณที่เกิดขึ้นจากกรอบของความคิดที่ทุกอย่างมีกฎก็เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์ ที่พยายามคาดการวิถีชีวิตกับหลักเกณฑ์ต่างๆที่ค้นพบรอบ ๆ ตัว รวมไปถึงกฎแห่งการกระทำ ที่เรียกว่า “กฎแห่งกรรม” ที่หลายศาสนายกมาอ้างอธิบายถึงเหตุที่ปรากฏเรื่องราวต่างๆในชีวิต และอาศัยกฎนี้ในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตตลอดจนชีวิตหลังมิติร่างกายให้เป็นไปได้อย่างที่ตัวอยากให้เป็น

    จากการที่ทุกสิ่งเกิดจากพลังงานที่ถูกทำให้ควบแน่น (Frozen Energy) ซึ่งในปัจจุบันวิทยาศาสตร์พบความจริงเกี่ยวกับจิตวิญญาณที่น่าทึ่งประการหนึ่งคือ “ควาร์ค” (Quarks) ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงานในระดับละเอียดที่อาจอธิบายว่ามีลักษณะของจิตใจ (Conscious) เพราะมันมีพฤติกรรมคล้ายตัวกระทำมากกว่าจะทำหน้าที่เป็นหน่วยสสารที่ไร้การกระทำ มันปรากฏเหมือนความนึกคิดของมนุษย์โดยแสดงพฤติกรรมออกในการเลือก สิ่งนี้เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ต่อการพิสูจน์ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ความมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่า “จิตวิญญาณ”ในสรรพสิ่งและมีสิ่งหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนจิตวิญญาณสากลเบื้องหลังมิติของสสารทั้งมวลที่เป็นปฐมมูลฐานของการเกิดสิ่งต่างๆโดยแผ่คลุมออกในทุกอณูจักรวาลตลอดเวลาที่จักรวาลนี้แผ่ขยายอาณาเขตอยู่ทุกขณะ(ทฤษฏีบิกแบงค์)
    สิ่งแรกที่ประกอบทางกายภาพคือพลังงานจากนั้นจึงอัดแน่นจนเกิดมวล เป็นสสารฉะนั้นทุกๆอณูทุกภาวะจากอะตอมสู่มนุษย์ได้ปรากฏปฏิกิริยาโดยอาการแสดงออกอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่า “จิต” ที่แสดงออกด้วยการ รับรู้(บันทึก) และคิด(ตอบสนอง) ตลอดเวลาสิ่งที่เราพบทางวัตถุทุกประการจึงเป็นเพียง "เงา" ของภาวะบางอย่างที่อยู่นอกเหนือออกไป

    จากกฎของการกระทำที่เกิดขึ้นทุกๆครั้งที่มีการพยายามจึงส่งผลกระทบต่อจักรวาลทั้งระบบเปรียบเสมือน น้ำหนึ่งหยดในตู้ปลาย่อมกระเทือนต่อน้ำในตู้ปลาทั้งหมดเพียงแต่ปลาในตู้นั้นจะรับรู้สัมผัสได้หรือไม่เท่านั้น ดังนี้การกระทำของมนุษย์ทุกคนย่อมส่งผลต่อการกระเทือนของพลังทางธรรมชาติตลอดเวลาและหากพลังงานที่สะสมนั้นเกินจุดความจุที่จะคงตัวในลักษณะพลังงานศักดิ์ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบายพลังงานนั้นสู่ระบบภายนอกอย่างเป็นรูปธรรมทันทีที่วิชาฟิสิกส์เรียกว่า พลังงานศักดิ์เปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์นั่นเอง การผันแปรของธรรมชาติและจักรวาลจึงอาจเปลี่ยนแปลงด้วยหน่วยเล็กๆหน่วยใดหน่วยหนึ่งในจักรวาลนั้นได้เสมอ หากความเข้มข้นสะสมนั้นถึงระดับ ทุกคนจึงเป็นผู้ชี้นำชะตาชีวิตของตนเองและผู้อื่นด้วยความคิดและการกระทำของตนเอง ตลอดเวลา เพราะหนึ่งประจุความคิดคือหนึ่งรหัสพลังงานที่สะสมสู่ระบบใหญ่ที่รอวันแสดงอำนาจแฝงของตัวมีออกมาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
    [​IMG]
    ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาปรากฏการณ์ของจิตสำนึกของมนุษย์ในเชิงบวกหรือลบย่อมกระเทือนและมีผลต่อปรากฏการณ์ต่างๆที่ปรากฏขึ้นในจักรวาลด้วยเสมอ โดยมีภาวะบางอย่างที่ปรากฏขึ้นอย่างองค์รวมเข้าประมวลผลแล้วผลักดันให้เกิดกริยาตอบสนอง (อธิบายเปรียบเทียบกับร่างกายมนุษย์ที่ประกอบด้วยหน่วยชีวิตคือเซลล์ต่างๆมากมายหลายล้านเซลล์ ซึ่งแต่ละหน่วยชีวิตก็คือ หนึ่งหน่วยจิต เช่นกัน แต่การรับรู้ภาพรวมที่ปรากฏเป็นคนนั้นคนนี้กับมีอยู่อย่างเอกภาพ) สิ่งที่กำลังจะกล่าวต่อไปก็คือรหัสพลังงานที่ทุกจิตวิญญาณส่งออกนั้นในภาพรวมปรากฏเป็นเชิงลบมากกว่าเชิงบวกและสะสมเกินกว่าระดับพลังงานศักดิ์จึงปรับเปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์นั้นคือความวิปริตแปรปรวนของธรรมชาติที่ปรากฏ และทุกอย่างเกิดอย่างระบบที่มีเอกภาพ โดยอณุกรมเอกภาพที่เกิดจากตัวเลขที่ตัวมันและเลขหนึ่งเท่านั้นที่หารมันลงตัวยกตัวอย่างเช่น ๑-๒-๓-๕-๗-๑๑-๑๓-๑๗-๑๙-๒๓ ........


    รหัสที่อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติว่าเกิดอย่างมีกฎเกณฑ์ที่ขอตัวอย่างยกมาก็คือเลข ๑๑ ที่เหตุการณ์คลื่นสึนามิมีความเกี่ยวพันกับเลขนี้อย่างประหลาด คือ เกิดเมื่อ ๒๖ เดือน ๑๒ (ธันวาคม) พ.ศ. ๒๕๔๗ หากเอาเลขเดี่ยวของเดือนและวันรวมกันจะได้ ๒ + ๖ + ๑ + ๒ คือ ๑๑ และ หากรวมกับเลขบวกปีจะได้ ๒ + ๖ + ๑ + ๒ + ๒ + ๕ + ๔ + ๗ คือ ๒๙ และ ๒+๙ คือ ๑๑ ส่วนเงื่อนเวลาเริ่ม คือเวลา ๐๗.๔๐ คือ ๗+๔ คือ ๑๑ อีก เมื่อเร็วๆ นี้ที่หน่วยงานหนึ่งมีการเกิดเพลิงไหม้ วันที่ ๒๖ เดือน ๒ (กุมภาพันธ์) พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมเลขได้ ๒๙ คือ ๒+๙ คือ ๑๑ เช่นกัน เวลาที่เกิดคือ ๐๓.๔๔ ผลบวกก็ได้ ๑๑ อีก แถมไฟไหม้อาคารหน่วยงานนั้นไป ๑๑ ห้องพอดี และเมื่อวันที่ ๒๘ เดือนมีนาคม ๒๕๔๘ เกิดแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา เวลา ๒๓.๑๑ น.(เวลาท้องถิ่น)หากดูเข็มนาฬิกาจะพบว่าทั้งเข็มสั้นเข็มยาวนาฬิกาล้วนชี้ที่เลข ๑๑ การยกตัวอย่างที่อ้างนั้นอาจเห็นว่าไร้สาระ แต่หากศึกษาเรื่องราวต่างๆไม่ว่าเรื่องใด ๆ จะพบว่าต่างมีความสัมพันธ์กันตลอด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่รหัสใดก็รหัสหนึ่งเสมอปรากฏการณ์ในมิติโลกจึงเสมือน เมตริกทางคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์ซับซ้อนแต่มีกฎเกณฑ์

    [​IMG]

    ความวิปริตของธรรมชาติและโศกอนาฏกรรมที่ปรากฏอยู่ทั่วไปคือผลลัพธ์ของสามัญสำนึกของทุกจิตวิญญาณที่กระทำต่อโลก และจะยิ่งเกิดต่อไปด้วยอัตราเร่งที่มากขึ้นหากไม่เปลี่ยนแปลงรหัสแห่งความคิดโดยกลับไปสร้างสำนึกของสันติไมตรีทีดีต่อกันเปลี่ยนระดับพลังงานลัพธ์นั้นเสียใหม่เพื่อลดระดับพลังงานเชิงลบให้อยู่ในระดับศักดิ์ไม่ข้ามพ้นระดับพลังงานจลน์ไปได้ การเปลี่ยนแปลงของพลังงานที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติทุกครั้งคือการชำระล้างเพื่อสร้างระดับพลังงานใหม่เสมอและหากไม่ดีขึ้นก็จะปรากฏเหตุการณ์ในลักษณะคลื่นใต้เสียง(Infrasound waves;เป็นคลื่นกลตามยาวที่มีความถี่ต่ำกว่า ๒๐ Hz) อย่างที่ทวีความรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ ในอดีตนักบวชผู้ทรงอำนาจแห่งจิตฝ่ายบวกจึงมักสงบนิ่งเพื่อสร้างสมดุลพลังงานแก่ระบบโดยรวมเสมอมา คำกล่าวว่า “เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก” นั้น ในมิติวิทยาศาสตร์ระดับพลังงานละเอียดนั้นเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจมีใครปฏิเสธได้ และแก้ไขด้วยอำนาจของแต่ละคนที่ต้องร่วมมือกันที่สร้างพลังงานทางจิตเชิงบวกในระดับจิตสำนึกที่เป็นแก่นแท้จริงเพียงประการเดียวเท่านั้น กระบวนการของศาสตร์ทางจิตที่เป็นเพียงเศษความรู้ทางจิตอย่างไสยศาสตร์บางระดับจะถูกทำลายให้หมดประสิทธิภาพและสถานที่แห่งใดที่มีผู้ใช้อำนาจจิต(ไสยศาสตร์เชิงลบมากเท่าใดก็จะประสบภัยพิบัติได้เร็วดุจดังอาณาจักรที่เหลือซากให้เราเห็นอยู่มากมายที่ล้วนเคยมีชื่อเสียงด้านเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ทางจิตที่ผิดประเภทมาแล้วทั้งสิ้น
    (กลไกวิปริตทางธรรมชาติที่พบเห็นเกิดได้อย่างไร?และอะไรจะเกิดขึ้นในเชิงวิทยาศาสตร์ทางจิตมนุษย์ในยุคปัจจุบันกำลังเผชิญกับชะตากรรมที่ตนเองร่วมกันสร้างขึ้นอย่างไร……

    http://www.ounamilit.com/b23_saht.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...