เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 พฤศจิกายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0531.jpeg
      IMG_0531.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      140.9 KB
      เปิดดู:
      28
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    วันนี้ตรงวันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดน้อย หมู่ที่ ๒ ตำบลโคกคราม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อไปร่วมงานตามที่เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ๕๑ คือพระครูสามารถ - พระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าคณะตำบลโคกคราม เขต ๒ เจ้าอาวาสวัดน้อย ได้นิมนต์เอาไว้ว่าเป็นวันทำบุญถวายหลวงปู่เนียม วัดน้อย และบูรพาจารย์วัดน้อยทั้งหมด

    เมื่อเดินทางไปถึงยังไม่ทันลงจากรถ บรรดาเจ้าหน้าที่และคนวัดก็รายล้อมมา แล้วก็นำตรงดิ่งเข้าไปยังอุโบสถวัดน้อยเลย ไปถึงก็เห็นเขาจัดสถานที่ไว้ให้ปลุกเสกวัตถุมงคล โดยที่วัตถุมงคลทั้งหมดก็ใส่ถุง ใส่หีบ ใส่ลังเอาไว้ บริเวณรอบฐานพระประธานวัดน้อยนั่นเอง กระผม/อาตมภาพทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจะได้กราบสังขารจำลองของหลวงปู่เนียม วัดน้อย องค์บูรพาจารย์ของตนเอง ก็ต้องกราบขอบารมีพระ ทำการปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับพระครูสามารถท่านก่อน

    ทันทีที่หลับตาลง ก็เห็นเหมือนกับพระอาทิตย์หลายดวงปรากฏขึ้นในอุโบสถวัดน้อย สว่างไสวเจิดจ้ามาก ดูแล้วน่าชื่นอกชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาดูแล้ว ปรากฏว่ามีหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม หลวงปู่เนียม ธมฺมโชโต วัดน้อย จังหวัดสุพรรณบุรี หลวงปู่โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ วัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี หลวงปู่สด (พระมงคลเทพมุนี) วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร หลวงปู่ปาน โสนันโท วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี มากันครบครันตามสายกรรมฐานของตน แสงสว่างเจิดจ้าเสียจนกระทั่งครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง แทบจะมองอย่างอื่นแม้แต่องค์พระประธานไม่เห็น

    เมื่อกราบทุกรูปทุกองค์ด้วยความชื่นใจแล้ว จึงได้กราบขอว่า "ถ้ากระผม/อาตมภาพเสกพระคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน กราบขอนิมนต์ "ดรีมทีม" ชุดนี้ด้วยครับ" หลวงปู่เนียม วัดน้อย ท่านก็หัวเราะ บอกว่า "แกจะเอานานขนาดนั้นเลยหรือ ?" ได้กราบเท้าเรียนไปว่า "ถ้าสำหรับหลวงปู่แล้วก็แค่กระพริบตาเดียว แต่สำหรับพวกกระผมแล้วก็เป็นเวลาหลายเดือนอยู่ขอรับ" เมื่อท่านทั้งหลายทำการปลุกเสกวัตถุมงคลให้เรียบร้อยแล้ว ก็พากันกราบลาพระกลับไปตามที่อยู่ของตน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็โดนสัตบุรุษของวัดน้อย พาขึ้นไปยังศาลาการเปรียญไม้หลังใหญ่ เพื่อที่จะได้พบกับพระครูสามารถ เจ้าอาวาสวัดน้อย เมื่อขึ้นไปกราบพระประธานและกราบรูปบูรพาจารย์วัดน้อย นอกจากทักทายพระครูสามารถแล้ว ก็ยังมีพระมหาอาธร สุชาโต ป.ธ. ๙ เจ้าอาวาสวัดลานคา รองเจ้าคณะอำเภอบางปลาม้าอีกรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ๕๑ ด้วยกัน ขออนุญาตทั้งสองท่านว่า "เดินทางมาไกล ขอเข้าห้องน้ำก่อนครับ..!" ครั้นหมดธุระแล้วจึงออกมาคุยกัน

    กระผม/อาตมภาพได้ถามกับทางด้านพระครูสามารถว่า "กฐินของวัดน้อยผ่านไปหรือยัง ?" ท่านบอกว่า "เพิ่งทอดไปเมื่อวานนี้ ได้ปัจจัยมาเก้าแสนกว่าบาท" กระผม/อาตมภาพจึงถามว่า "มีวันเวลาขึ้นแรมกำหนดตายตัวทุกปีหรือเปล่า ?" ท่านบอกว่า "ทุกครั้งก็จะเป็นวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๒ เนื่องเพราะว่าวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๒ นั้น เป็นวันทำบุญให้บูรพาจารย์ วัดน้อยประจำทุกปีอยู่แล้ว"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนบอกกับท่านไปว่า "สำหรับปี ๒๕๖๘ กระผมจะนำเอากฐินปลดหนี้มาให้กับทางวัดน้อยแห่งนี้ จะมีการก่อสร้างอะไรพิเศษหรือไม่ ?" ท่านบอกว่า "กำลังจะสร้างเจดีย์ทดแทนองค์เก่าอยู่"

    เมื่อไล่วันไล่เวลากันแล้ว ปรากฏว่าวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๒ ปี ๒๕๖๘ ตรงกับวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันที่ทางท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี ท่านกำหนดเอาไว้เป็นวันเดินทางไปฉลองหลวงพ่อโต วัดศรีธรรโมทยะ เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา โดยที่เดินทางวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ จัดงานฉลองวันที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ แล้วเดินทางกลับเมืองไทยวันที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ นับว่าเป็นเรื่องที่ "ธรรมะจัดสรร" ลงตัวเป็นอย่างยิ่ง

    พระครูสามารถเมื่อทราบว่ากระผม/อาตมภาพจะนำกฐินปลดหนี้มาให้ ท่านก็ดีใจมาก ความจริงคิวของท่านถึงก่อนหน้านี้ไปสองปีแล้ว แต่ด้วยเหตุที่ว่าตอนช่วงนั้นไม่สามารถที่จะติดต่อท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวก็ดี หรือว่าทางไลน์ก็ตาม ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงได้นำกฐินปลดหนี้ไปทอดให้กับทางด้านวัดชลธราราม (ท่าซิก) จังหวัดเพชรบุรี ของหลวงพ่อญา (พระครูวัชรชลธรรม) เจ้าคณะอำเภอท่ายาง เจ้าอาวาสวัดชลธราราม (ท่าซิก) ก่อน

    ส่วนปีนี้ก็แซงคิวให้กับท่านอาจารย์พระมหาสมคิด เนื่องเพราะสงสารท่านที่สร้างหลวงพ่อโตมา ๑๐ กว่าปีแล้ว ยังไม่เสร็จเสียที จึงได้นำกฐินปลดหนี้ไปทอดให้ที่วัดศรีธรรโมทยะ เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    ครั้นเจรจากันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาทักทายกับพรรคพวกเพื่อนฝูงของทางจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น ตั้งแต่หลวงพ่อสิงห์โต (พระครูโสภณคุณาธาร) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดสาลี (บางปลาม้า) ซึ่งเป็นระดับครูบาอาจารย์ตามสายกรรมฐานของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระครูศรีรัตนาภิวัฒน์, ดร. (ทวี รตนเมธี ป.ธ. ๖) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดพระลอย หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "พี่วี" ตลอดจนกระทั่งบรรดาเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะอำเภอของทางจังหวัดสุพรรณบุรี

    ครั้นทักทายกันทั่วถึงแล้ว ก็เป็นการสวดธรรมนิยาม เพื่อถวายบูรพาจารย์ของวัดน้อย (หลวงปู่เนียม) แห่งนี้ เพียงแต่ว่าผู้นำสวดนั้นสวดเร็วมาก แล้วก็เหมาคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ก็คือสวดเองด้วย ขัดเองด้วย กระผม/อาตมภาพยังขำอยู่ในใจว่าเล่นเหมาหมดแบบนี้ ถ้าเป็นที่ทองผาภูมิ โดนกระผม/อาตมภาพ "หวด" เอาแน่ ๆ..!

    เนื่องเพราะว่าตามธรรมเนียมแล้วก็คือคอสามจะต้องเป็นผู้ขัดสัคเค ฯ หรือว่าขัดบทสวดต่าง ๆ ถ้าคอสามไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้คอสองทำหน้าที่ขัดแทน ไม่ใช่หัวแถวเหมาคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วการสวดจังหวะเร็วขนาดนี้ กระผม/อาตมภาพถือว่าไม่เอื้อเฟื้อต่อคนแก่เลย เนื่องเพราะว่าผู้ชราแล้วจะหายใจไม่ทัน

    เมื่อได้รับการถวายปัจจัยไทยธรรมแล้ว ทุกท่านก็ต้องนั่งรออยู่บนอาสน์สงฆ์ เพื่อให้ทางด้านพิธีกรนิมนต์พวกกระผม/อาตมภาพ ที่ถือว่าเป็นส่วนเกินไปพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลทีละรูป ซึ่งก็มีบรรดา "มเหสักโข" เหล่านี้อยู่ทั้งหมด ๑๓ รูปด้วยกัน ตั้งแต่หลวงพ่อสิงห์โตลงมาถึง กระผม/อาตมภาพ ซึ่งทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ดีใจมากที่หลวงพ่อเล็กมาร่วมงานในปีนี้"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ทักทายญาติโยมทั้งหลายไปตามอัธยาศัย เนื่องเพราะว่าแต่ละคนแต่ละท่านล้วนแล้วแต่หน้าตาคุ้นเคย บุกไปถึงวัดท่าขนุนมาแล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะเจ้าภาพผ้าไตรบังสุกุลที่ถวายให้กระผม/อาตมภาพพิจารณาและถวายไทยธรรมนั้นดีใจเป็นที่สุด กระผม/อาตมภาพไม่ได้บอกให้ดีใจซ้ำว่าปีหน้าจะมาทอดกฐินให้กับที่นี่ เพราะถ้าขืนบอกไป ปีหน้าได้ศาลาระเบิดอย่างแน่นอน..!

    เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ทางด้านโฆษกก็นิมนต์พวกเราไปฉันเพล โดยที่มีภัตตาหารจัดชุดใส่โตกให้กับพระเจริญพระพุทธมนต์ทั้ง ๑๕ รูป ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมแบบโบราณ ก็คือฉันเสร็จแล้วค่อยให้พรทีเดียว แต่กระผม/อาตมภาพไม่รอให้พร เมื่อฉันเสร็จแล้ว ก็ขออนุญาตหลวงพ่อสิงห์โตและ "พี่วี" ไปเข้าห้องน้ำ กลับออกมาก็เรียนบอกพระครูสามารถว่า ขอไปกราบรูปจำลองหลวงปู่เนียมก่อนแล้วจะลากลับเลย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    พอดีมีญาติโยมถวายพวงมาลัยมะลิสดมา จึงได้โอกาสนำไปกราบหลวงปู่เนียมทั้งพานแบบนั้น กราบเรียนท่านให้รู้อย่างเป็นทางการว่า "เหลนศิษย์จะนำเอากฐินมาทอดให้กับทางวัดน้อยในปีหน้า กราบรบกวนหลวงปู่และคณะ ช่วยให้ได้ปัจจัยบริวารจำนวนมากสักหน่อยหนึ่ง เพื่อที่พระครูสามารถจะได้ไม่ต้องลำบากในการก่อสร้างมากนัก"

    เนื่องเพราะว่าของพระครูสามารถท่านเอง แม้ว่าจะทำวัตถุมงคลออกมาแต่ละรุ่น ก็แทบจะไม่เหลือเงินติดวัดเลย เพราะว่าที่โน่นก็มาขอ ที่นี่ก็มาขอ โดยเฉพาะพระงบน้ำอ้อยรุ่นที่กระผม/อาตมภาพอธิษฐานจิตไปให้ ได้ปัจจัยมา ๒ ล้าน ท่านก็เอาไปช่วยการศึกษาเขาเสียอีก วัดวาตัวเองแทบไม่ต้องทำอะไรกันเลย..!

    ครั้นกราบลาหลวงปู่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางกลับสู่ที่พัก ซึ่งเส้นทางสุพรรณบุรี - ตลิ่งชันนั้น ตอนนี้เริ่มทำการซ่อมแล้ว ได้ยินว่าต้องใช้เวลาถึง ๓ ปีด้วยกันกว่าที่จะเสร็จตามกำหนด ส่วนที่กระผม/อาตมภาพสลดใจที่สุดก็คือ มีการโค่นต้นไม้ใหญ่สองข้างทางลงไปเยอะมาก จนบรรดารุกขเทวดารุกขเทวีทั้งใหญ่ ๆ เล็ก ๆ กระจองอแงกันหมด..!

    กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเหลืออย่างไร ? เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีขึ้นไปทองผาภูมินั้น กระผม/อาตมภาพได้ชักชวนท่านทั้งหลายเหล่านั้นไปเกาะเสาอาคารต่าง ๆ ที่ตนเองได้สร้างเอาไว้ที่วัดท่าขนุนแทน ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีตหรือว่าไม้ หลังล่าสุดก็คือศาลานั่งเล่น ๘ เหลี่ยมที่ทำอยู่บนถังเก็บน้ำสำรองขนาด ๖๐๐ ลูกบาศก์เมตร ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีสถานที่เหลือสำหรับทุกท่านอีกแล้ว

    ก็ได้แต่แผ่เมตตาให้กับทุกท่านไปด้วยความสลดใจว่า ขนาดเป็นเทวดาที่ได้ชื่อว่าผู้ประเสริฐแล้ว เป็นผู้ที่มีความสุขตามอัตภาพภพภูมิของตนเองแล้ว ถึงวาระที่เวรกรรมเคยทำลายสถานที่อยู่ของคนอื่นหรือว่าสัตว์อื่นมาถึง ตนเองก็โดนทำลายที่อยู่เช่นกัน ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ได้แต่ยืนอาลัยอาวรณ์ว่า เมื่อไรเขาจะยกเอาต้นไม้ที่ตัวเองอาศัยอยู่ขึ้นมาตั้ง จะได้อาศัยเกาะวิมานของตนเองต่อไป

    แต่กระผม/อาตมภาพดูแล้วว่า เห็นท่าจะยาก เนื่องเพราะว่ามีแต่จะโดนไถทิ้งลงข้างทางไปเสียมากกว่า ก็ได้แต่ทอดถอนใจด้วยความเวทนาสงสาร แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปลงว่า "สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม" เช่นนี้เอง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...