เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีรายงานจากคณะกรรมการตรวจรับงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ว่าตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันนี้ ทางผู้รับเหมาเบิกค่าแรงไปแล้ว ๑๓ งวด ถ้าว่ากันเป็นตัวเลขก็ ๑๐๔ ล้านบาท แต่ด้วยความที่เราหักประกันผลงานเอาไว้ด้วย แต่ก็ต้องส่งให้เขาหลังจาก ๖ เดือนผ่านไปแล้ว จำนวน ๕ ล้าน ๒ แสนบาท เขาก็น่าจะได้รับเงิน ๙๘ ล้าน ๘ แสนบาท

    แต่ด้วยความที่ว่าส่งงานไม่ทัน ทำให้โดนปรับวันละ ๑๕,๕๐๐ บาท จึงโดนปรับไปที่ ๑,๑๖๒,๕๐๐ บาท ทางบริษัทจึงรับเงินไปเพียง ๙๗,๖๓๗,๕๐๐ บาท ก็เกือบ ๆ ๑๐๐ ล้านเหมือนกัน แต่ถ้าหากว่ารวมเงินประกันผลงาน ที่อย่างไรเราก็ต้องคืนเขาก็ตกประมาณ ๑๐๒ ล้านเศษ ๆ

    ยังคงเหลืออีกประมาณ ๖ งวด ที่ใช้คำว่าเหลือประมาณ ๖ งวด เพราะว่า ๕ งวดแรก ก็คืองวดที่ ๑๔ ถึง งวดที่ ๑๘ เราต้องจ่ายเขางวดละ ๘ ล้านบาท ส่วนงวดที่ ๑๙ ปิดงาน ต้องจ่ายเขา ๑๑ ล้านบาท ก็ต้องเจริญพรขอบคุณทุกท่านที่ร่วมบุญกันมา ไม่ว่าจะเป็นทางกระทู้ก็ดี เดินทางมาทำบุญด้วยตนเองก็ตาม หรือแม้กระทั่งญาติโยมในชุมชนที่ใส่บาตร บางทีก็ใส่ซองปัจจัยมาด้วย บอกว่า "ขอร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนกับหลวงพ่อ"

    วัดท่าขนุนของเราจะทำอะไรก็ตาม ไม่เคยหาเจ้าภาพใหญ่ วัดอื่น ๆ เวลาจะทำงาน เขาจะหาเจ้าภาพหลักไว้ก่อน แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า การทำแบบนั้นออกแนวฉ้อโกงประชาชนเสียมากกว่า..! อย่างเช่นว่าบางท่านมาบอกบุญกับกระผม/อาตมภาพ ให้เป็นเจ้าภาพในการหล่อพระสองแสนบาท แล้วท่านก็ไปบอกบุญ ได้เจ้าภาพมาอีก ๓๐ กว่าราย รายละสองแสนบาท ที่กระผม/อาตมภาพไม่ทำในลักษณะนี้
    เพราะว่าพระเรามีราคาแค่บาทเดียว วางกำลังใจผิดเมื่อไร โดนอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระเอาง่าย ๆ..!

    หลายแห่งเมื่อมีญาติโยมที่ท่านรู้เรื่องเข้า แล้วก็ไปคาดคั้นกับเจ้าอาวาส ท้ายที่สุดก็ทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โต จน "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" เพราะโยมเห็นว่าพระทำไม่ถูกต้อง ส่วนพระก็คิดว่าในเมื่อมีโยมเป็นเจ้าภาพหลักแล้ว ส่วนเกินก็เป็นกำไรของตนเอง ถ้าคิดในลักษณะอย่างนี้ ก็แปลว่าความเป็นพระของท่านมีน้อยมาก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    อย่างวันก่อนที่กระผม/อาตมภาพไปเยี่ยมพระมหาจินตวัฒน์ จารุวฑฺฒโน ป.ธ.๘, ดร. เจ้าคณะตำบลไม้ดัด เจ้าอาวาสวัดม่วงชุม ที่อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อถามข่าวคราว มอบข้าวของปัจจัยเป็นกำลังใจให้แล้ว ก็ขอตัวออกไปฉันเพลข้างนอก กับท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ปธ. ๗ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี

    ท่านอาจารย์บอกพระมหาสมคิดบอกว่า "เลือกตั้งประธานรุ่นองค์กรพระอุปัชฌาย์ครั้งหน้า พี่ใหญ่ก็น่าจะได้อีกตามเคย" เพราะว่าท่านไม่เคยเรียกผมว่าเล็ก ท่านเรียกแต่พี่ใหญ่มาตลอด กระผม/อาตมภาพถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า "บุคคลผู้เสียสละเพื่อผู้อื่นจริง ๆ นั้นหายาก รับภาระไปแล้วก็ต้องแบกรับรายจ่ายต่าง ๆ ไปด้วย"

    โดยปกติแล้วถ้าหากว่าสังเกตจะเห็นว่า งานไหนที่ได้สตางค์ เขาจะทำกัน แต่งานไหนที่เสียสตางค์ เขาจะไม่ไปกัน ดังนั้น..ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่า งานคณะสงฆ์หลายต่อหลายอย่างที่กระผม/อาตมภาพไป ก็คือไปเป็นเจ้าภาพให้เขา ไปจ่ายเงินให้เขา ต่อให้ตัวเองไม่ได้ไป เงินก็ต้องไป..! อย่างล่าสุดที่ฝากเงินพวกท่านไปเป็นเจ้าภาพลูกนิมิตลูกกลางของวัดวังผาตาด เพราะว่ากระผม/อาตมภาพติดภารกิจ ไม่สามารถที่จะไปตัดหวายด้วยตนเองได้ แต่เงินก็ต้องไป..!

    หลายท่านก็อาจจะมองว่ากระผม/อาตมภาพนั้น "ใช้เงินแบบไม่คิด" ก็ไม่คิดจริง ๆ เหตุเพราะว่าครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนให้เก็บเงิน มีแต่สอนว่า "เงินปีนี้ อย่าให้เหลือถึงปีหน้า ถ้าหากว่ามีเหลือถึงปีหน้า ให้หาโครงการที่ทำแล้วมากกว่าเงินที่มี เพื่อที่ถึงเวลาเงินเข้ามาแล้ว เราจะได้ไม่คิดว่าเป็นเงินของเรา" ในเมื่อไม่ใช่เงินของเรา โอกาสที่จะโลภมากก็ไม่มี โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพใช้แค่วันนี้เท่านั้น

    ตอนที่ไปศรีลังกา ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดยังหัวเราะ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเทหมดกระเป๋าจริง ๆ ชนิดที่เมื่อเขาขอเงินรางวัลให้แก่บรรดาคนขับรถ หรือว่าพนักงานบริการของโรงแรม
    กระผม/อาตมภาพยังต้องควานจนทั่วตัว กว่าที่จะหาให้เขาได้ ๕๐๐ บาท กลับมาถึงที่พักที่วัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี จะว่าไปแล้ว เงินไม่พอที่จะเดินทางไปถึงด้วย เพราะว่าเหลือติดกระเป๋ากลับมา ๕๐ บาท ค่าแท็กซี่เกินจำนวนไป ๗๐ บาท แต่ว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ควักกระเป๋าช่วยจ่ายไปให้ก่อน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    สิ่งนี้เกิดจากการที่ไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้ ในเมื่อไม่มั่นใจว่าจะอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้ เราก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วอีกประการหนึ่ง หลายท่านที่เห็นว่ากระผม/อาตมภาพนั้นงานเยอะมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการโดดเข้าใส่งานด้วยตนเอง เนื่องเพราะว่าถ้าเรายอมลำบากแล้ว เท่ากับเป็นการผ่อนใช้หนี้กรรม ถ้ามีการผ่อนอย่างสม่ำเสมอ ก็เหมือนกับเรากู้เงินเขามาแล้วส่งดอกเป็นประจำ ก็จะไม่โดนทวงชนิดทบต้นทบดอก มาตูมเดียวแล้วเรารับไม่ไหว เพราะว่าเราโดดเข้าใส่งานเอง เราจะรู้ว่าเรารับได้แค่ไหน แต่ถ้ารอให้วาระกรรมเข้ามาเอง บางครั้งอาจจะถึงตาย..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในเรื่องของการก่อสร้างต่าง ๆ กระผม/อาตมภาพถึงได้บอกกับท่านอยู่บ่อย ๆ ว่า บางวันแทบจะไม่เหลือเงินติดกระเป๋า บางคนเห็นเฉพาะตอนรับ แต่ไม่ได้เห็นตอนจ่าย อย่างที่กระผม/อาตมภาพบ่นในวงข้าวอยู่หลายครั้งว่า "นั่งอยู่วัดเฉย ๆ ยังหมดเงินไปหลายล้าน" เพราะว่าเขาตั้งเบิกมา ก็ต้องสั่งธนาคารโอนให้เขาไป

    ปัจจุบันนี้มีดำริของผู้บังคับบัญชาระดับท่านเจ้าประคุณสมเด็จ กรรมการมหาเถรสมาคม ที่กล่าวในงานอบรมพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะตำบลว่า พระเราอย่าพยายามเป็นหนี้ เพราะว่าถ้าเป็นหนี้แล้วเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นมา สมัยนี้ถ้ามีคดีก็ต้องสึกหาลาเพศไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะว่าผู้ที่เข้ารับการอบรมนั้น คือระดับเจ้าคณะตำบลที่ต้องดูแลวัดอื่นหลายวัด ก็แปลว่าอายุกาลพรรษาต้องมากทีเดียว พอมีคดีแล้วสึกหาลาเพศไป ก็เป็นที่เสียดายเพศภาวะภิกษุของท่านของท่านมาก

    พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ผู้ให้โอวาทถึงได้กล่าวว่า "อย่าเป็นหนี้ใคร ทำแค่กำลังของตน" โดยเฉพาะหลายท่านที่ยืมเงินญาติโยมเขามา พอถึงเวลา เงินเข้ามาก็โอนให้เขาไป เป็นการใช้หนี้ตามปกติ แต่บังเอิญว่าโยมเป็นผู้หญิง แถมหน้าตาดีเสียด้วย..! ไอ้คนเห็นก็ฟุ้งซ่านไปใหญ่โต ว่าพระเอาเงินวัดไปบำรุงบำเรอผู้หญิง ถึงขนาดฟ้องร้องกันมาแล้ว แล้วส่วนใหญ่พระเราก็ทำงานแบบไว้วางใจ เห็นคนอื่นเป็นคนดีเหมือนกัน เรื่องเงินเรื่องทองเมื่อใช้จ่าย ก็มักจะไม่เก็บหลักฐานเอาไว้

    กระผม/อาตมภาพโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมาถามตั้งแต่ออกจากวัดท่านซุงมาประมาณ ๘ เดือนว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กราบเรียนท่านว่า "ไม่ทราบครับ เพราะว่ากระผมผลักลงกองกลางหมดเลย" จะอวดครูบาอาจารย์ว่าไม่โลภ ว่าอย่างนั้นเถิด..!

    ท่านจึงถามใหม่บอกว่า "แล้วแกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?" กราบเรียนว่า "ไม่ทราบครับ" "ใช้เพื่อตัวเองไปเท่าไร ?" "ไม่ทราบครับ" ไม่ทราบครับสองทีเท่านั้น ไม้เท้าลงกบาลเปรี้ยงเบ้อเร่อเลย..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ท่านบอกว่า "ไปรื้อบัญชีทำใหม่เดี๋ยวนี้ เงินทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร จ่ายไปในเรื่องอะไร ถ้ามีคนตรวจสอบ ต้องชี้แจงเขาได้" นั่นท่านบอกตั้งแต่ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องไปนั่งตูดด้านอยู่หลายวัน เพราะว่าผ่านไป ๘ เดือนแล้ว ท้ายที่สุดก็ต้องตัดใจ เพราะว่าทำงานยาก ตัดใจว่า ๘ เดือนแรก เราจะไม่มีเงินส่วนตัว ตัวเลขทั้งหมดลงเป็นเงินสงฆ์ไป แล้วเริ่มมามีเงินส่วนตัว ตั้งแต่เดือนที่ ๙ เป็นต้นมา แต่ก็เอาไปโปะในส่วนของเงินสงฆ์มาตลอด

    หลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิบอกว่า "ที่หลวงพ่อเล็กท่านมีบัญชีติดตัวแดง แต่ท่านไม่เป็นหนี้ใคร เพราะว่าท่านเอาเงินส่วนตัวมาลงตรงนั้น" แต่ว่าถ้าเป็นวัดอื่นติดตัวแดง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนี้ ซึ่งผู้บังคับบัญชาท่านมักจะไม่ชอบใจ เพราะว่าการเป็นหนี้นั้น จะก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นได้

    ดังนั้น..วันนี้ที่มาบอกถึงเรื่องของรายจ่ายเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ก็เพราะว่าถ้าหากว่ามีเงินเพียงพอที่จะจ่ายให้กับเขา ก็คืออีก ๕ บวก ๑ งวด ก็อยู่ที่ราว ๆ ๕๑ ล้านบาท ก็เป็นอันว่าจบภารกิจเรื่องพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน หลังจากนั้นจะหาเรื่องเดือดร้อน ทำงานอะไรก็ว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ที่ตัดสินใจก็คือ จะไปทอดกฐินปลดหนี้ที่ประเทศศรีลังกา ช่วยปฏิสังขรณ์วัดศักติสัทธรรม และสร้างพระใหญ่ที่วัดศรีธรรโมทยะ ให้เสร็จสรรพเรียบร้อย ถึงเวลาก็จะให้ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมบุญกันอีกทีหนึ่ง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...