เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 กรกฎาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ฝนฟ้ายังคงกระหน่ำกันข้ามวันข้ามคืน เริ่มมีน้ำป่าไหลหลากข้ามถนนช่วงบ้านวังเกียง บริเวณหน้าพื้นที่ของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๑๑ (นพค.๑๑) กองบัญชาการกองพลพัฒนา ซึ่งบริเวณจุดนั้นเป็นจุดที่จะมีน้ำป่าไหลหลากข้ามถนนเป็นประจำ

    ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีข่าวน้ำท่วมอำเภอทองผาภูมิก็ขอให้ญาติโยมอย่าได้ตกใจ เนื่องเพราะว่าไม่ใช่น้ำท่วมในความหมายทั่วไป หากแต่เป็นน้ำหลากผ่านไปแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ทองผาภูมินั้นสูงกว่ากรุงเทพฯ ๖๐๐ กว่าเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ถ้าหากว่าทองผาภูมิน้ำท่วม กรุงเทพฯ ก็คงอยู่ใต้ทะเลไปเกินครึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้..!

    เพียงแต่ว่าสงสารแต่พระภิกษุสามเณรที่ออกบิณฑบาตเท่านั้น เพราะว่าเปียกโชกอยู่ทุกวัน กระผม/อาตมภาพเองที่เฒ่าชะแรแก่ชราแล้ว กว่าจะเดินกลับถึงวัด ช่วงท้าย ๆ ก็แทบจะหนาวจนแข็งไปทั้งตัว บางทีก็เกรงอยู่เหมือนกันว่าจะโดนตะคริวกินหรือไม่ ? แต่ก็ยังโชคดีที่รอดมาได้หลายครั้งหลายคราวเต็มที เพียงแต่ว่าเวลาเปียกฝนหนัก ๆ ผ้าสบงจีวรมักจะแนบติดตัว ทำให้ก้าวขาได้ลำบาก เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ที่ก้าวขาไม่ออก แล้วก็ตกบันไดตรงบริเวณหัวสะพานแขวนหลวงปู่สายฝั่งสวนสาธารณะ ทำให้เล็บหัวแม่เท้าหลุดไปทั้งอัน..!

    ในสมัยที่อยู่วัดท่าซุงนั้น บรรดารุ่นพี่ ๆ ถ่ายทอดวิทยายุทธให้ เนื่องเพราะว่านอกจากมีสายบิณฑบาตทางน้ำแล้ว กระผม/อาตมภาพยังต้องลงไปพายเรือเพื่อขับไล่พวกที่มาหาปลาหน้าวัดแทบทั้งคืน รุ่นพี่ ๆ บอกว่า "ถ้าหากว่าตกน้ำให้สลัดจีวรออกจากตัวก่อน โดยที่ตั้งสติปลดจีวรออกช้า ๆ อย่าไปดิ้นรน ถ้าหากว่ายิ่งดิ้น ผ้าจะยิ่งพันหนักขึ้น ทำให้เราโดนถ่วงจมน้ำตายได้ง่าย ๆ" แต่ด้วยความที่ว่ายังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น จึงทำให้ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ถ้าตกน้ำอย่างแท้จริงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    เห็นแต่รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ในอดีตนั้นคือหลวงพี่วีรยุทธ วีรยุทฺโธ ท่านบิณฑบาตสายเรือมา แต่ปรากฏว่าบริเวณหน้าแพของวัดท่าซุงนั้นจะมีการปักไม้ไผ่ไว้เป็นรอ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้พวกสวะ อย่างเช่นผักตบชวา หรือว่าหญ้าอ้อกอแขมต่าง ๆ ไหลเข้ามาในบริเวณวัด พอนาน ๆ ไป ไม้ไผ่ก็ผุหักพับหายไปจากสายตา แต่ในส่วนที่อยู่ใต้น้ำก็ยังคงมีอยู่เป็นปกติ

    วันนั้นอดีตหลวงพี่วีรยุทธ พอหัวเรือตรงเข้ามาใกล้จะถึงแพก็สะดุดรอไม้ไผ่ เป็นการสะดุดชนิดที่เรียกว่าอยู่คาที่เลย ไม่มีการแฉลบ ไม่มีการลื่นไหล จึงทำให้พระทั้งหลายหัวทิ่มลงน้ำกันหมด..! กว่าที่จะพลิกเรือกลับขึ้นมา กว่าที่จะควานหาบาตรที่ตกน้ำได้ หลวงพี่วีรยุทธก็จีวรหายไปผืนหนึ่ง..! ต้องบอกว่าโชคดีมากที่มาเรือคว่ำเอาบริเวณหน้าวัดพอดี ถ้าเป็นที่อื่นอาจจะต้องลำบากมากกว่านี้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    สำหรับในช่วงนี้ ญาติโยมที่โทรศัพท์ไปหาวัดก็ถามอยู่แค่สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือการเป่ายันต์เกราะเพชร ทั้ง ๆ ที่ทุกคนรู้ว่าเป็นวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ แต่ก็ต้องถามเพื่อที่ให้แน่ใจชนิดได้ยินกับหูว่าเป็นวันนี้จริง ๆ..!

    ขอให้ทราบว่ากระผม/อาตมภาพนั้นรำคาญเป็นที่สุด เนื่องเพราะว่าเป็นคนพูดครั้งเดียวรู้เรื่อง แต่ไปเจอญาติโยมโทรมาถามซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ทุกวัน ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ก็จะน่าจะมีการ "โบก" เตือนสติให้เสียหน่อยว่า "อาตมภาพเป็นพระ ยังจะต้องมาตอกย้ำอะไรกันนักหนา โกหกหลอกลวงญาติโยมไปแล้วอาตมภาพได้อะไร ?" แต่ก็อย่างว่า ท่านทั้งหลายอาจจะอยู่ในลักษณะที่ว่า
    พูดไม่จริงกับคนอื่นเสียจนเคยตัว ก็เลยคิดว่าพระเจ้าพลอยที่จะพูดไม่จริงไปด้วยก็เป็นได้..!

    สำหรับในเรื่องของที่พักนั้น ตั้งแต่ประกาศชัดว่าจะมีการเป่ายันต์เกราะเพชรในวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ วันรุ่งขึ้นรีสอร์ต ตลอดจนกระทั่งบังกะโลว์และโฮมสเตย์ทุกแห่งก็เต็มหมดแล้ว ท่านที่จะไปค้างคืน ถ้าหากว่าต้องการประกันความเสี่ยงก็ต้องไปกับคณะทัวร์ อย่างเช่นว่าคณะของกิฟท์จังพลังเวทย์ ซึ่งจะพาท่านไปเที่ยวสังขละบุรีแล้วถึงจะมารับยันต์เกราะเพชร ก่อน ๆ นี้เห็นจัดในลักษณะอย่างนั้น ปีนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ยังจัดในลักษณะพาเที่ยวก่อนแล้วค่อยมารับยันต์เหมือนเดิมหรือไม่ ? แต่ถ้าหากว่าไปกับทางเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ ก็น่าจะประกันความเสี่ยงว่าเรามีที่นอนแน่ ๆ เนื่องเพราะว่ามีการจองล่วงหน้าไปแล้ว

    อีกส่วนหนึ่งก็คือบุคคลที่ถามว่า "เมื่อไรเหรียญนาคเกี้ยวกันภัยเนื้ออื่น ๆ จะออกเสียที ?" เพราะว่าเนื้อทองคำกับเนื้อเงินออกไปแล้ว ยังไม่เห็นเลยว่าจะมีรายการทำบุญกฐินวัดท่าขนุน

    ในเรื่องของการทำบุญกฐินวัดท่าขนุนนั้น กระผม/อาตมภาพให้ไอ้ตัวเล็กเปิดรับการทำบุญผ้าไตรไปก่อน ส่วนในเรื่องของเหรียญนาคเกี้ยวกันภัยนั้น ถ้าหากว่าได้เหรียญมาครบถ้วนอยู่ในมือแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงจะเปิดให้ทุกคนบูชาเพื่อร่วมบุญกฐินวัดท่าขนุน ซึ่งในปีนี้ก็อาจจะมีการรวบทุกเนื้อเป็นกฐิน ๑ กอง แต่ว่าขอดูความเหมาะสมอีกทีว่าจะคิดราคาสักเท่าไร ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    ไม่ว่าจะเป็นเหรียญนาคเกี้ยวกันภัย เนื้อทองคำ เนื้อเงิน หรือว่าเนื้ออื่น ๆ ก็ตาม เมื่อถึงเวลาแล้วกระผม/อาตมภาพจะนำเข้ากรรมฐาน ๓ วันในช่วงก่อนที่จะรับกฐิน ดังนั้น..ไม่ว่าท่านใดที่จองเอาไว้ก็จะต้องไปรอรับในวันทอดกฐิน หรือว่าวันตักบาตรเทโวของวัดท่าขนุน ส่วนบุคคลที่ไม่ได้ไปวัด ไม่สามารถที่จะรับในช่วงนั้นได้ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายรอหลังจากงานกฐินวัดท่าขนุนแล้ว ทางด้านผู้รับจองก็จะค่อย ๆ ทยอยส่งให้กับท่านเอง ขอเพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติถูกต้องตามกฎเกณฑ์กติกาเท่านั้น

    อีกเรื่องหนึ่ง..ในช่วงระยะนี้เป็นช่วงระยะของการเข้าพรรษา กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสอนลูกศิษย์ดีหรือไร ? จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาในการสื่อสาร ก็คือมีพระภิกษุวัดท่าขนุนรูปหนึ่ง เป็นมหาเปรียญด้วย ท่านไปเรียนปริญญาตรี แต่ว่าออกจากวัดไปโดยที่ไม่ได้ขอสัตตาหะฯ ในท่ามกลางสงฆ์..!

    เนื่องเพราะว่าในช่วงของการเข้าพรรษา ถ้ามีเหตุจำเป็น ซึ่งในพระวินัยระบุไว้ชัดเจนว่า พ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย สามารถไปเพื่อช่วยรักษาพยาบาลได้ เพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดกระสันจะสึก ไปเพื่อห้ามปรามได้ วัดพัง..ต้องไปหาทัพสัมภาระไปซ่อมวัดสามารถที่จะไปได้ ได้รับกิจนิมนต์ไปเพื่อเจริญศรัทธา สามารถที่จะไปได้

    แต่ว่าการไปเรียนนั้นไม่ได้มีระบุเอาไว้ จึงต้องอาศัยอ้างโดยมหาปเทส ๔ เนื่องเพราะว่าการเรียนนั้นก็เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนา เพื่อให้มีความรู้กว้างขวางขึ้น ถึงเวลาจะได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ดีขึ้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงมีพระบรมพุทธานุญาตไว้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่ครั้นพิจารณาแล้วว่า การไปศึกษาเรียนรู้เพื่อให้เผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ดีขึ้น ก็จัดว่าเป็นสิ่งที่สมควร จึงอ้างด้วยมหาปเทส ๔ ข้อนี้ สามารถที่จะขอสัตตาหะกรณียะไปเพื่อการศึกษาได้

    แต่ท่านไปเข้าใจผิดว่าการลงสมุดลา พร้อมกับแจ้งให้เวรผู้รับผิดชอบประจำวันทราบก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่นั่ง "เซ็ง" ในอารมณ์ เนื่องเพราะว่าตนเองจะออกจากวัดก็มีการขอสัตตาหะฯ ท่ามกลางสงฆ์ให้เห็นอยู่ทุกครั้ง ทำไมท่านถึงยังเข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้นได้ก็ไม่ทราบ ?

    จึงได้บอกกับท่านว่าให้กลับมาอธิษฐานพรรษาหลัง ก็คือ
    ในช่วงพรรษาออกออกพ้นวัดไปจน "ได้อรุณ" ก็แปลว่าขาดพรรษาไปเรียบร้อยแล้ว..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องให้กลับมาอธิษฐานพรรษาหลัง เพื่อที่จะได้นับอายุพรรษาเท่ากับคนอื่น เพียงแต่ว่าไม่ได้อานิสงส์การจำพรรษา และไม่ได้อานิสงส์กฐินเท่านั้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,191
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,510
    ค่าพลัง:
    +26,343
    ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมที่รับฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ว่า การอยู่กับครูบาอาจารย์ก็ไม่ใช่ว่าลูกศิษย์ทุกคนจะทำดีทำถูกไปหมด โดยเฉพาะท่านที่ตั้งความหวังไว้ว่า "มีครูบาอาจารย์ที่ดี แล้วทุกคนในวัดนั้นจะต้องดี" ขอให้ท่านทั้งหลายทำใจเสียใหม่ เนื่องเพราะว่าคนไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เป็นคน ซึ่งคำว่าคนนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านแปลง่าย ๆ ว่า "ยุ่ง" อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความยุ่งยากวุ่นวายอยู่เสมอ

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายจะไปหวังว่ามีครูบาอาจารย์ที่ดี ลูกศิษย์ทุกคนจะต้องดี ขอให้ท่านทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า สถานที่ดีขนาดไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์ดีขนาดไหนก็ตาม บุคคลที่อยู่นั้นก็ยังคงแบกกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง อยู่เต็มหัว เพียงแต่ว่าใครสามารถขัดเกลา กาย วาจา ใจของตนเองให้ได้สะอาดมากน้อยกว่ากันเท่านั้น หรือว่าขัดเกลาไม่ไหว แต่ก็ยังมีสติ รู้จักเอา "น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก" ก็เรียกว่าเป็นบุคคลที่พอจะฝึกได้สอนได้

    แต่ถ้าหากว่าอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ดี อยู่ในสถานที่ดี แต่ไม่สามารถที่จะปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตนให้ดีได้ อนาคตก็มีแค่สองสถาน ก็คือถ้าไม่โดนไล่ออกจากวัด ก็แปลว่าตายเมื่อไรก็น่าจะลงทุคติ วินิบาต โดยเฉพาะนรกเป็นแน่แท้..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...