เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 พฤษภาคม 2025 at 19:41.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ พูดได้แค่ไหนก็คงต้องเอาแค่นั้น เนื่องเพราะว่าอากาศเปลี่ยนมาก กระผม/อาตมภาพก็เลยเป็นหวัด ประกอบกับตอนไปรับศพหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ (พูลศักดิ์ ปญฺญาวุโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ โดนพัดลมเข้าไปอีก เรื่องของเรื่องจึงเป็นอย่างที่เห็นอยู่นี่แหละ..!

    แม้ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ว่างานต่าง ๆ ก็ยังคงต้องทำเป็นปกติ โดยเฉพาะระยะนี้
    กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพซื้อที่ดินถวายวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรีเพื่อสร้างอาคารเรียน จากที่ญาติโยมร่วมบุญกันมา ๒,๒๐๐,๙๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพก็เติมให้เป็น ๒,๒๕๐,๐๐๐ บาท ก็แปลว่า ตนเองจ่ายเกินไป ๔ หมื่นกว่าบาท..!

    อีกส่วนหนึ่งก็เตรียมทองคำไว้ถวายหลวงพ่อเจ้าคุณวินัย - พระราชวชิราทร (วินัย สจฺจวํโส ป.ธ. ๕) เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร หลังจากที่บูรณะพระธาตุเชิงชุมแล้ว ท่านต้องการที่จะหล่อรอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลองด้วยทองคำ ประมาณ ๑๒ กิโลกรัม ตอนแรกก็ติดต่อมาให้กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพใหญ่ ได้เรียนท่านไปว่า ช่วงนั้นน่าจะต้องทำงานเกี่ยวกับโครงการ "สืบสานงานพ่อ ต่อยอดโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" แล้วก็ต่อด้วยโครงการตรวจยกหมู่บ้าน
    ศีล ๕ ต้นแบบ คงไม่มีเวลาดูแลงานตรงนี้ให้กับท่าน

    แต่ในเมื่อท่านติดต่อมา
    กระผม/อาตมภาพจึงไปดูของเก่า ที่หลังจากเราหล่อพระทองคำไปหลายองค์แล้ว ก็ยังมีส่วนเล็กส่วนน้อยที่ญาติโยมถวายมาเรื่อย ปรากฏว่ารวบรวมมาได้ ๑ กิโลกรัมครึ่ง ความจริงเกินครึ่งไปหน่อย ก็คือ ๑,๕๐๓.๖ กรัม ก็แปลว่าเกือบ ๆ ๑๐๐ บาทกับ ๑ สลึง ราคาตอนนี้ก็ตก ๕ ล้านกว่าบาท อย่างน้อยท่านก็จะได้เบาแรงลงไปบ้าง

    ญาติโยมมักจะถวายทองคำมาในช่วงวันเกิดบ้าง ช่วงออกกรรมฐานบ้าง ช่วงตักบาตรเทโวหรือว่ากฐินสามัคคีบ้าง กระผม/อาตมภาพก็เก็บไปเรื่อย ไม่ได้ดู ไม่ได้แล ไม่ได้ใส่ใจ ก็ไม่นึกว่าจะได้มากขนาดนั้น แต่ก็ยังดีตรงที่ว่า สามารถที่จะนำไปร่วมบุญกับหลวงพ่อท่านได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    พวกท่านทั้งหลายจะเห็นว่าหลวงพ่อเจ้าคุณเสน่ห์ (พระวิสุทธิวรกิจ, ดร.) ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี ท่านเป็นเจ้าคุณ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๕ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณวินัย (พระราชวชิราทร) ท่านเป็นพระราชาคณะชั้นราช เป็นเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร แต่ก็ต้องมาขอความช่วยเหลือจากกระผม/อาตมภาพอยู่ดี

    จึงเป็นเรื่องที่พวกเราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ถ้าหากว่าเรามีการภาวนาพระคาถาเงินล้านเป็นปกติ มั่นใจได้เลยว่าในเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง เราจะมีความคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอกเอาไว้ว่า "ต่อให้เราขาดทานบารมีขนาดไหนก็ตาม ถ้าตั้งใจทำด้วยความเคารพ อย่างน้อยก็ยังพอถูไถ เอาตัวรอดไปได้" ขณะคนที่ไม่ทำเอาตัวไม่รอด..!

    แต่ก็เป็นที่น่าหนักใจว่า ในเรื่องของพระคาถาเงินล้านก็ดี วิชามโนมยิทธิก็ตาม มีท่านที่รู้มากกล่าวโจมตีไปเรื่อย อย่างเช่นว่าสอนให้คนเขาโลภ ภาวนาแล้วรวย..! นี่ยังดีว่าภาวนาแล้วรวย หลายต่อหลายคนทำคลิปเอาเสียงของทางวัดท่าซุงบ้าง เสียงของกระผม/อาตมภาพบ้างไปลง แล้วก็พาดหัวว่า "แค่ฟังก็รวยแล้ว" ไอ้พวกนี้ถ้าอยู่ใกล้ ๆ จะ "โบก" ให้ร่วง..! ไม่คิดจะทำมาหากินอะไรเลย แค่ฟังก็รวยแล้ว ก็รวยกันทั้งประเทศไปแล้วสิวะ..!

    พระคาถาเงินล้านต้องอาศัยพื้นฐานจากทานบารมี ในระหว่างที่เราภาวนา ศีลเราไม่ขาดตกบกพร่องก็แปลว่ามีศีลบารมี ตอนภาวนาต้องวางกำลังใจให้ถูกต้อง ก็คือต้องไม่อยากรวย ก็แปลว่าเราต้องมีปัญญาบารมี เป็นการที่เราปฏิบัติในกรรมฐานใหญ่ ๆ หลายกองรวมกัน แต่คนกลับไปตีราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะว่า
    ในสมัยปัจจุบันนี้ผู้รู้มีมาก แต่รู้จริงนั้นหายาก..!

    เมื่อสองวันก่อนก็มีคนส่งคลิปมาถึงพระเถระรูปหนึ่ง ที่กล่าวว่าเรื่องของการกรวดน้ำไม่เคยมีในพระพุทธศาสนามา จะว่าไปก็ใช่ เพราะว่าผู้ที่กรวดน้ำคนแรกก็คือพระเจ้าพิมพิสาร ท่านนับถือพราหมณ์มาก่อน แต่อย่าลืมว่าภายหลังท่านเป็นพระโสดาบัน ก็แปลว่ามีส่วนของพระพุทธศาสนาเต็ม ๆ

    อะไรที่เป็นคุณงามความดี ซึ่งปู่ย่าตาทวดของเราทำกันมา ไม่ได้สร้างความเสียหาย ทำตามไปมีแต่ผลดี กลับไปโจมตีว่าไม่มีในพระพุทธศาสนา ไม่ต้องทำก็ได้ แล้วพระพุทธเจ้าจะสอนให้เราทำ "ปุพพเปตพลี" ไปเพื่ออะไร ? เพราะนั่นก็คือการที่เราทำบุญอุทิศให้กับคนตายโดยตรง การอุทิศเจาะจงให้เขานั่นแหละที่เขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า "กรวดน้ำ"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    แต่คราวนี้คนโบราณ กร กับ ตร เขาออกเสียงเดียวกัน อย่างเช่นว่าราชวงศ์จักรี ก็คือจักตรี หรืออย่างสมัยกระผม/อาตมภาพ ตำรวจยศสิบตำรวจตรี เขาเรียกว่าสิบตำรวจกรี หรือแม้แต่กรรไกร ก็เรียกว่ากรรไตร ดังนั้น คำว่ากรวดน้ำจึงกลายเป็นตรวจน้ำไปได้ เพราะว่าเป็นคำเดียวกัน

    จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ท่านทั้งหลายจะต้องระมัดระวังและศึกษาให้รอบคอบ ถ้าหากว่าสอนคนโดยไม่รู้จริง มีแต่อัตโนมติ ก็คือเอาความเห็นของตนเองเป็นใหญ่ ก็จะออกไปในลักษณะทำลายพระพุทธศาสนาเสียเอง ซึ่งโทษนั้นหนักมาก..!

    แต่คาดว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นน่าจะโดนมารชักจูง ให้หลงไปในส่วนของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ถึงได้ทำไปในลักษณะแบบนั้น เพราะว่าทำไปแล้วเหมือนกันว่าโด่งดัง มีชื่อเสียง มีผู้เคารพนับถือมาก มีลาภยศเข้ามา ซึ่งสิ่งทั้งหมดที่ว่ามานั้น ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการบวชแม้แต่อย่างเดียว

    สำหรับวัดท่าขนุนของเรากล่าวชัดไว้ นิพพานัสสะ สัจฉิกะระณัตถายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตวา ข้าพเจ้าขอรับผ้ากาสาวพัสตร์นี้มา เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ส่วนไหนที่จะทำให้เราออกนอกลู่นอกทาง หรือว่าจะทำให้เราล่าช้า ก็อย่าไปยุ่งด้วยมากนัก

    ดูง่าย ๆ ก็แค่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ เรายังยึดติดสิ่งหนึ่งประการใดหรือไม่ ?

    ตายังอยากเห็นรูปที่ต้องการอยู่หรือไม่ ?

    หูยังอยากได้ยินเสียงที่ต้องการอยู่หรือไม่ ?

    จมูกอยากได้กลิ่นที่ต้องการอยู่หรือไม่ ?

    ลิ้นอยากได้รสที่ต้องการอยู่หรือไม่ ?

    กายยังอยากได้สัมผัสที่ต้องการอยู่หรือไม่ ?

    และท้ายที่สุด ใจยังครุ่นคิดฟุ้งซ่าน ไม่สามารถที่จะหยุดความคิดของตัวเองได้หรือไม่ ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    ถ้าหากว่ากำลังใจของเราทั้งหลาย ยังพัวพันอยู่กับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แค่ประการใดประการหนึ่ง ก็แปลว่ากำลังใจของเราอยู่ในฝ่ายต่ำ มีแต่จะชักจูงให้พวกเราลงต่ำไปเรื่อย เสียหายไปเรื่อย ถ้าเสียหายเฉพาะตน ไปยึดติดใน รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เป็นไรเท่าไรนัก แต่ถ้าหากว่าเสียหายถึงพระศาสนา เป็นการทำลายพระศาสนา โทษจะหนักมาก โทษโดยทั่ว ๆ ไปก็ลงแค่อเวจีมหานรก..!

    แต่โทษในการเทศน์ผิด สอนผิด ทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิ เรามีสิทธิ์เลยไปถึงนรกขุมพิเศษ ก็คือโลกันตนรก เป็นนรกที่ไม่มีอายุ อเวจีมหานรกเรายังรู้อยู่ว่า ถ้าลงไปแล้ว ๑ กัปเราจะขึ้นมาได้ แต่ว่าโลกันตนรกไม่มีอายุ อยู่ไปเถอะ..จนกว่าจะระลึกถึงคุณงามความดีอะไรขึ้นมาได้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะของสัตว์นรกนั้น โอกาสที่จะนึกถึงก็ยากเต็มที

    จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสังวรระวัง ศึกษาให้ดี ให้ชัดเจน และถ้าไม่มั่นใจ ครูบาอาจารย์ยังอยู่ ก็สอบถามท่านได้ มั่นใจแล้วค่อยนำไปบอกต่อสอนต่อ อย่ารีบอยากดัง อย่าอยากรู้จักคนมาก ๆ เพราะว่ามีแต่จะทำให้การปฏิบัติของเราเนิ่นช้าลงไปทุกวัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...