เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 29 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพไปร่วมพิธีเปิดการสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งแบ่งเป็นสนามสอบที่ ๑ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) กับสนามสอบที่ ๒ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร มีพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ.๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประธานในการเปิด

    แล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ต้องขอตัววิ่งกลับมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ที่ลานธรรมพ่อปู่ภู่บะศรีสัตตนาคราช ไม่ทราบว่านึกอย่างไร ? จึงกราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ประเทศชาติของเราด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าระยะนี้มีบรรดาหมอดูหมอเดาเยอะแยะมากมาย กล่าวถึงสงครามจะก่อให้เกิดอันตรายแบบนั้นแบบนี้ ถ้ากระผม/อาตมภาพบอกว่า สงครามมีผลกระทบต่อประเทศไทยน้อยมากนี่ จะมีใครเชื่อไหม ? ไอ้ที่อื่นมันว่าพังฉิบหายวายวอดกันทั้งนั้น..!

    ในเรื่องของทิพจักขุญาณ หรือว่าโหราศาสตร์ สำคัญที่สุดก็คืออย่าเอาตัวเข้าไปมีส่วนได้เสียด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วคำทำนายจะเพี้ยนทันที คำว่าเอาตัวเข้าไปมีส่วนได้เสียด้วย อันดับแรกเลย มีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์นั้น ๆ อันดับที่สองก็คือ ปรารถนาเรื่องของชื่อเสียงลาภยศ ถ้าใครใช้ทิพจักขุญาณ รับประกันได้ พังในเวลาอันใกล้..!

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ถึงขนาดแนะนำเอาไว้เลยว่า ถ้าใครจะใช้ทิพจักขุญาณในเรื่องของการดูหมอ อย่านั่งต่อหน้าคนถาม ให้ปลีกตัวไปอยู่ในห้องพัก หรือว่าสถานที่ลับตาไปเลย แล้วกำหนดให้เขาเขียนคำถามมา จะเป็นข้อเดียว ๓ ข้อ ๕ ข้อก็ได้

    เมื่อเราดูเสร็จแล้วเขียนตอบไปเท่าที่ครูบาอาจารย์ หรือว่าพระ หรือพรหมเทวดา ท่านอนุญาตให้ตอบ อย่าให้เขาซักถามรายละเอียดเป็นอันขาด
    หลายท่านอาจจะเห็น สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่บ้านอนุสาวรีย์ชัยฯ ก็ดี บ้านวิริยบารมีก็ตาม หรือแม้กระทั่งบ้านเติมบุญ ให้ญาติโยมซักถามแล้วซักถามอีกได้ แล้วจะไปทำตัวเหมือนกัน เดี๋ยวก็ได้ตายคาที่..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เนื่องเพราะว่ากำลังสมาธิหรือความชำนาญในการทรงกำลังใจให้ไม่มีกิเลส ก็คืออย่างน้อยต้องอาศัยกำลังสมาธิกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้นิ่งสนิทได้ชั่วคราว ถึงจะสามารถใช้ทิพจักขุญาณดูเรื่องต่าง ๆ ได้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าสภาพจิตใจเริ่มไปมีอารมณ์ร่วม เริ่มมีรัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมา โอกาสเพี้ยนจะมีสูงมาก ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่มีใครมีบ้านพักอยู่แถวอะไรที่เป็นเกาะ ๆ ก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก เพราะว่าไม่ได้ถล่มจมทะเลไปกับเขาด้วย ของเราก็หาวัตถุมงคลที่มั่นใจติดตัว แล้วก็อาราธนาเอาไว้ทุกวัน

    บ้านเรามีพระมหาเถระผู้ทรงคุณงามความดีอยู่มากมายหลายองค์ มีใครบ้าง ? อย่าถามกระผม/อาตมภาพ ให้ไปถามท่านอาจารย์ไพศาล แสนไชยดีกว่า แต่ถ้าไปถามท่านอาจารย์ไพศาล แสนไชย คุณก็กลุ้มใจเลยนะ เพราะว่าพระสุปฏิปันโนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งแต่ตั้งใจรักษาศีลเจริญภาวนาขึ้นไป ท่านอาจารย์ไพศาลแนะนำให้หมด เพราะถือว่าปฏิบัติดีแล้ว..!

    แต่พระที่กระผม/อาตมภาพบอกนี้เป็นพระหมดกิเลส เพียงแต่ว่าท่านที่หมดกิเลส แล้วมีวาระบางอย่างที่จะต้องช่วยเหลือพระศาสนาหรือว่าประเทศชาติ พอถึงเวลา ท่านก็จะกราบขอบารมีพระ อธิษฐานจิตช่วยเหลือประเทศชาติของเราเอง ถ้าไม่ใช่บุคคลที่สร้างเวรสร้างกรรมใหญ่เอาไว้จริง ๆ อย่างไรก็ต้องรอด เพียงแต่ว่าอย่าปล่อยให้เป็นภาระของพระอย่างเดียว พวกเราเองก็ต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้เป็นปกติ แม้จะไม่ถึงระดับฐิตกัปปีบุคคล อย่างน้อย ๆ ให้มีคุณงามความดีพอ ที่พรหม เทวดาท่านเห็นคุณค่า แล้วจะได้ช่วยรักษาเราเอาไว้

    ฐิตกัปปีบุคคลคือบุคคลที่จะบรรลุเป็นพระอริยเจ้าระดับใดระดับหนึ่ง ตั้งแต่โสดาปฏิมรรคขึ้นไป จนถึงอรหัตผล บุคคลผู้นี้ ต่อให้ไฟบรรลัยกัลป์จะล้างโลกก็ต้องหยุด จนกว่าจะได้มรรคได้ผลตามวาสนาบารมีที่ท่านสั่งสมมาก่อน เหตุการณ์ถึงจะดำเนินการต่อไปได้ เขาถึงได้เรียกว่าฐิตกัปปีบุคคล คือบุคคลผู้ยังกัปนี้ให้ตั้งอยู่ หมายความว่ายังไม่สามารถที่จะทำลายกัปนี้ลงไปได้ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม จนกว่าท่านจะได้มรรคได้ผลตามนั้น เหตุการณ์ถึงจะเกิดขึ้นได้

    เราไม่ได้ยิ่งใหญ่ปานนั้น แต่ต้องสร้างความดี ให้อยู่ในลักษณะของการมีคุณค่าเพียงพอที่พระ หรือพรหม หรือเทวดา หรือครูบาอาจารย์ท่านจะสงเคราะห์ให้ ไม่ใช่ไปปล่อยเป็นปลาตายลอยน้ำ รอการสงเคราะห์อย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นโอกาสซวยก็มีสูงมาก..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ยิ่งบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ต่างประเทศ ในเมื่ออ้างความจำเป็น ไม่สามารถที่จะกลับเมืองไทยได้ ก็ทำอย่างที่ว่ามา สร้างคุณค่า สร้างความสำคัญให้แก่ตัวเองด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ถึงระดับยังกัปให้ตั้งอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็รักษาตัวเองให้ปลอดภัย ถ้ากำลังใจสูงกว่านั้น ก็รักษาคนรอบข้างให้ปลอดภัยได้อีกด้วย

    เรื่องต่อไปที่จะพูดก็คือเรื่องของเสี่ยแป้ง นาโหนด มีคนบอกว่าเสี่ยแป้ง นาโหนด เป็นลูกศิษย์สายเขาอ้อ ใช้พระคาถาวิรุณจำบังถึงแหกคุกไปได้ โดนตำรวจล้อมภูเขาทั้งลูก ขึ้นไปตรวจค้นก็ไม่เจอ ถ้าหากว่าดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับดูจากพระคาถาวิรุฬจำบัง ก็น่าจะใช่

    วิรุณจำบังจริง ๆ เป็นยักษ์ เป็นขุนพลยักษ์ของทศกัณฐ์ จะว่าไปแล้วเป็นหลานด้วย เพราะว่าทศกัณฐ์กับพญาทูษณ์เป็นลูกของท้าวลัสเตียน เป็นพี่น้องกัน พญาทูษณ์มีลูกก็คือวิรุณจำบัง เมื่อทศกัณฐ์ส่งวิรุณจำบังไปรบกับพระราม วิรุณจำบัง
    มีคาถาพิเศษ หายตัวได้ชั่วอึดใจหนึ่ง คาถานี้สมัยพระยาสีหราชเดโช ในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ใช้รบกับข้าศึกเหมือนกัน ก็คือว่าคาถาจนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัว แล้วกลั้นใจ บุกเข้าไปได้เลย ตราบใดที่ยังไม่หายใจ ตราบนั้นข้าศึกมองไม่เห็น

    คาถาวิรุณจำบังว่าดังนี้

    โอมล้อมไว้ก็ไม่เจอ เดินผ่านไปก็ไม่เห็น

    พระพุทธังบังจักขุ มะอะอุไม่เห็นอิ ตัวกู

    พระธัมมังบังจักขุ มะอะอุไม่เห็นอิ ตัวกู

    พระสังฆังบังจักขุ มะอะอุไม่เห็นอิ ตัวกู

    ฆะเฏสิ กิงกะระณัง อะหังปิตตัง ชานามิ

    โจรา โจรา โจรา ปะลายันติ


    ความจริงเป็นการนำพระคาถาหลายบทมารวมกัน พระคาถาวิรุณจำบังแค่ช่วงต้นเท่านั้น

    ตรงบท ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณัง ฆะเฏสิ อะหังปิตตัง ชานามิ ชานามิ อันนั้นเป็นพระคาถาแคล้วคลาดปลอดภัยสารพัดเรื่อง เขาตัดมาหน่อยเดียว

    ส่วนโจรา โจรา โจรา ปะลายันติ เป็นคาถากันโจรขึ้นบ้าน เพราะฉะนั้น..ถ้าภาวนาคาถานี้ไว้ ไอ้พวกโจรที่มีตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ จะได้ไม่มายุ่งด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าแหย่ตะกรุดเข้าไปที่คานบ้านได้ ก็เป็นอันว่าหลับเป็นตายกันทั้งบ้าน..!

    คราวนี้คาถาบางตำราเขาเขียนผิด เพราะว่าลายมือลอกต่อกันมา อย่างโจราก็กลายเป็นโจวา ก็บ้ากันเป็นข้างหนึ่ง แต่ว่า
    เรื่องของคาถาผิดถูกไม่สำคัญ สำคัญตรงความมั่นใจ ฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครจะใช้ก็ลองไปภาวนาดู
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ยุคเราสมัยเราที่ยังพอทันกันอยู่ก็เสื้อยันต์วิรุณจำบัง หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลูกศิษย์ที่ไปเป็นโจร แหกวงล้อมตำรวจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เพราะตำรวจมองไม่เห็น จนกระทั่งตอนหลังท่านนำเอาวัตถุมงคลทั้งหมดไปถ่วงทิ้งทะเลเลย ตำรวจไปต่อว่า ว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่พิจารณาก่อนว่าลูกศิษย์เป็นคนร้ายหรือดี ?" หลวงพ่อคงท่านตอบว่า "ตอนอยู่หน้าฉัน มันเป็นคนดีทุกคนนี่จ๊ะ" ไม่ทำผิดอะไรเลย ไปทำผิดหลังจากที่ได้วัตถุมงคลไปแล้วโน่น..!

    ถัดมาที่ใช้ ท่านทำเป็นตะกรุด ก็คือตะกรุดวิรุณจำบัง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ตะกรุดนี้พิจารณาง่ายมาก จะเป็นตะกรุดอ้วนผอม ก็คือดอกใหญ่คู่กับดอกเล็ก ส่วนสำคัญที่ต้องพิจารณาก็คือเชือกถัก ถ้าหากว่าเก่าไม่พอ ไม่ใช่เชือกที่นิยมในยุคสมัยนั้น ก็แปลว่าเตรียมตัว "โดน" ได้เลย..!

    ดังนั้น..ในเรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณร คิดจะไปเสาะหาวัตถุมงคลก็แพงโดยใช่เหตุ การภาวนาคาถาก็มีผลเหมือนกัน แถมยังเวลา "ทำขึ้น" ก็เท่ากับว่าเรามีวัตถุมงคลติดตัวตลอดไปอีกด้วย จึงเข้ากับพุทธภาษิตที่ว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ดังที่ได้ยกขึ้นเป็นนิกเขปบทด้วยประการฉะนี้ เอวังฯ..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...