เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 กุมภาพันธ์ 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ ความจริงกระผม/อาตมภาพมีงานข้างนอกมากเป็นพิเศษ แค่งานที่บรรดาผู้รับสัญญาบัตรพัดยศนิมนต์อย่างเดียว ก็เกือบ ๒๐ แห่งแล้ว..! ทำให้ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปวัดไหนดี ? กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องฉลองกันวันนี้ ? เพราะว่ากว่าที่จะเดินทางกลับมาถึงวัด บางแห่งก็ค่ำมืดดึกดื่นแล้ว ระยะเวลามีอีกตั้งมากมายให้ฉลองกลับไม่ฉลอง แต่ตะบี้ตะบันจะมาฉลองกันวันนี้ แล้วโดยเฉพาะถ้าหากว่าเลือกไปบางวัด ที่เหลือก็จะน้อยใจอีกต่างหาก กระผม/อาตมภาพก็เลยตัดสินใจไม่ไปสักวัดเดียว หมดเรื่องหมดราวกันไปเลย..!

    ปีนี้น่าจะเป็นปีแรกที่มีการถวายสัญญาบัตรพัดยศให้กับบรรดาพระครูสัญญาบัตร ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน ซึ่งวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนนั้น สร้างขึ้นโดยพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๘ เพื่อที่จะรวมคณะสงฆ์ไทยให้เป็นนิกายเดียว โดยมีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช ๒๔๘๔ เป็นเครื่องรองรับ

    โดยมีพระบัญชาให้คณะสงฆ์ธรรมยุตและมหานิกาย จัดพระสงฆ์ไปอยู่ร่วมกันที่วัดพระศรีมหาธาตุ ให้ทำสังฆกรรมร่วมกัน เพื่อที่จะดูว่ามีส่วนใดที่ขัดกันบ้าง จะได้แก้ไขให้กลมกลืน แล้วภายหลังจะได้ประกาศให้คณะสงฆ์ไทยมีเพียงนิกายเดียว แต่เมื่อพระองค์สวรรคต ในแนวทางปฏิบัติก็โดนยกเลิกไปโดยปริยาย แล้ววัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ก็กลายเป็นของฝ่ายธรรมยุตมาจนทุกวันนี้

    เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นกิเลสในวงการนักบวช เพราะว่าแม้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ที่ไปตามวัดธรรมยุตมาหลายแห่ง ก็ได้รับการปฏิบัติแบบนานาสังวาส ก็คือเป็นพระต่างนิกาย ถ้าหากว่าเป็นวัดป่าสายภาคอีสาน ก็จะให้ไปนั่งหน้าเณรเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าท่านจะมีพรรษามากมายเท่าไร..!

    วัดใหญ่บางแห่งในกรุงเทพฯ กระผม/อาตมภาพได้รับฎีกานิมนต์ไป แม้แต่ศาลาที่เขาจัดพิธี ยังไม่ให้ขึ้นเลย กระผม/อาตมภาพต้องมานั่งอยู่ที่โต๊ะจีนที่เตรียมไว้ถวายเพล ทำเอาผู้นิมนต์วิ่งหน้าตาเหี่ยวลงมาขอโทษขอโพย บอกว่าไม่นึกว่าเขาจะทำกันได้ขนาดนี้ กระผม/อาตมภาพก็กราบเรียนท่านไปว่า "ไม่เป็นไรครับ นั่งอยู่กับโต๊ะจีน เป็นการประกันว่ามีเพลให้ฉันแน่นอน..!"

    บางเวลาไปอยู่กับวัดของเขาในช่วงอุโบสถพอดี ก็คือต้องลงโบสถ์เพื่อฟังพระปาฏิโมกข์ ท่านก็ให้แค่บอกบริสุทธิ์ แล้วไม่ต้องลงอุโบสถ กระผม/อาตมภาพก็ทำตามธรรมเนียมเขาไป แต่ก็คิดอยู่ในใจว่า "ในเมื่อไม่ให้ลงโบสถ์ด้วยกัน แปลว่าผมไม่บริสุทธิ์ แล้วจะให้บอกบริสุทธิ์ไปทำซากอะไรวะ..?!"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราแบกกิเลสเอาไว้ ถือตัวถือตนว่าการปฏิบัติของตนบริสุทธิ์กว่า สูงส่งกว่า ก็จะกลายเป็นสีลัพพตุปาทาน คือการยึดมั่นในหลักปฏิบัติของตนว่าดีกว่า ก็ทำให้กลายเป็นยึดติด แล้วไปไหนไม่รอด..! แต่ถ้าหากว่าเป็นท่านที่ปฏิบัติถึงแล้วจริง ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นมีข้อต่างอะไร เพราะว่าท่านเองก้าวพ้นของการมีนิกายไปแล้ว วัดเหล่านี้ก็จะให้การต้อนรับดีมาก

    อย่างสมัยที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (นิรันดร์ นิรนฺตโร ป.ธ.๙) ท่านยังเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่พระสาสณโศภณ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ก็กำชับพระเณรในวัดทุกท่าน ให้ปฏิบัติต่อกระผม/อาตมภาพให้ดี โดยใช้คำว่า "ท่านมาจากวัดใหญ่ อย่าทำให้เสียชื่อวัดของเรา" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็มาพบด้วยตนเองภายหลัง ว่าท่านเป็นนักปฏิบัติชั้นยอด โดยเฉพาะเคร่งครัดต่อวัตรปฏิบัติอย่างยิ่ง

    แม้ว่าอายุกาลมาก ก็ยังคงออกบิณฑบาตตามปกติ พระภิกษุ สามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยม โดยเฉพาะแพทย์พยาบาล ขอให้ท่านงดการบิณฑบาต เพราะเกรงว่าจะไปล้มกลางทาง ท่านก็ยังขอบิณฑบาตแค่หน้าประตูวัด ถึงเวลาญาติโยมก็จะมารอใส่บาตรกันตรงนั้น ดังนั้น..เราจะเห็นว่า ถ้าหากว่าเป็นท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเข้าถึงจริง ๆ แล้ว คำว่าตัวตนของท่านยังไม่ยึดถือ แล้วจะไปยึดถืออะไรกับสิ่งภายนอก ? ไม่ว่าจะเป็นนิกาย หรือว่าเป็นอะไรก็ตาม

    ก็แปลได้ว่า ถ้าหากว่าเป็นท่านที่ปฏิบัติจนเข้าถึงจริง ๆ กระผม/อาตมภาพไปกราบมาเสียเกือบทั่วประเทศไทยแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร หลายต่อหลายแห่งก็ชวนให้ค้างอยู่ด้วยเป็นอาทิตย์ ไม่มีความแตกต่างกันในระหว่างนิกาย แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกกิเลสมาก ปฏิบัติน้อย ก็จะยึดมั่นถือมั่น จึงทำให้ทุกวันนี้พระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ ๘ ซึ่งจะรวมคณะสงฆ์ไทยเป็นหนึ่งเดียว ไม่สามารถที่จะปฏิบัติให้สำเร็จลงได้ เพราะว่าบรรดาท่านที่แบกกิเลสเอาไว้นั้นมีมากกว่า..!

    สำหรับการพระราชทานตั้ง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งพระราชาคณะก็ดี พระครูสัญญาบัตรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายให้กับพระเถระที่มีคุณงามความดี เพื่อที่จะให้รับภาระธุระในพระพุทธศาสนาแทนพระองค์ท่าน แต่ว่าขนาดนั้นก็ยังมีคนแบกกิเลสไปชนกัน..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    สำหรับท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ไม่ได้ดูว่าตนเองมีสมณศักดิ์สูงกว่า หากแต่ว่ายึดถือตามพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือเคารพกันตามพรรษา แต่บางท่านที่ยังมีกิเลสอยู่ เอาสมณศักดิ์ไปข่มคนอื่นก็มี แม้ว่าจะเป็นส่วนน้อย แต่ก็อาจจะทำให้เกิดความมัวหมองขึ้นมาได้

    สำหรับสมณศักดิ์ชั้นพระครูนั้น มีทั้งพระครูประทวน และพระครูสัญญาบัตร คำว่าพระครูประทวนนั้น สมัยก่อนท่านถวายให้สำหรับพระภิกษุซึ่งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอย่างหนึ่ง ต่อให้ไม่ได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แต่รับหน้าที่อบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณร ตลอดถึงฆราวาสอย่างหนึ่ง แต่คราวนี้พระครูประทวนนั้นไม่มีพระราชทินนาม อย่างหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เมื่อได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูประทวน ก็ต้องเรียกว่าพระครูกวยเท่านั้น

    แต่ถ้าว่าเป็นพระครูสัญญาบัตร จะมีสัญญาบัตรประกอบมาด้วย ว่าแต่งตั้งบุคคลผู้นี้เป็นสมณศักดิ์อะไร ก็คือมีพระราชทินนามพระราชทานมาพร้อม จึงทำให้ในปัจจุบันนี้พระครูประทวนแทบจะสูญไปจากโลกแล้ว เนื่องเพราะว่าครูสอนพระปริยัติธรรมบางสำนักก็มีหลายสิบรูป แล้วส่วนใหญ่คุณสมบัติก็เกินพระครูสัญญาบัตรด้วย อย่างเช่นว่าเป็นเปรียญเอก ตั้งแต่ประโยค ๗ ประโยค ๘ ประโยค ๙ ซึ่งโดยปกติก็นั่งหน้าพระครูสัญญาบัตรอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ปัจจุบันนี้จึงมีแต่พระครูสัญญาบัตรและพระราชาคณะ

    ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ นั้น ในระยะแรกก็ถือการแต่งตั้งพระราชาคณะ หรือพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ แก่พระราชาคณะเป็นพระราชประสงค์เฉพาะพระองค์ แต่ปัจจุบันนี้ก็ได้มอบหมายคืนให้กับทางมหาเถรสมาคมทำการพิจารณาคัดเลือก แต่ก็ยังมีบุคคลที่ทรงโปรดเป็นพิเศษ ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระราชาคณะอยู่เนือง ๆ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ในเรื่องของยศตำแหน่งนั้น พระองค์ท่านพระราชทานให้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บรรดาคณะศิษย์อีกอย่างหนึ่ง

    หลายท่านจะเห็นว่าแต่งตั้งไปแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อรูปนั้น ท่านนั้นก็ยังคงเป็นปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นหวั่นไหว แต่ที่ดีอกดีใจกัน จนแทบจะปิดบ้านปิดเมืองฉลองก็คือบรรดาลูกศิษย์นั่นเอง ดีใจว่าหลวงปู่หลวงพ่อของตนได้รับพระราชทานตั้ง หรือว่าพระราชทานเลื่อนสัญญาบัตรพัดยศ ตำแหน่ง จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พูดง่าย ๆ ว่าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง บางแห่งก็จัดฉลองเสียใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้น

    ขอให้เราท่านทั้งหลายรำลึกถึงคำว่า "ยศช้าง ขุนนางพระ" ก็คือช้าง ต่อให้ได้รับการตั้งเป็นคุณพระ เป็นพระยาก็ตาม ช้างก็ยังคงกินกล้วยกินอ้อยเหมือนเดิม เหมือนกับที่ยุคหนึ่ง กระผม/อาตมภาพเป็นทหารอยู่ชายแดน มีสุนัขทหารยศพันตรี เมื่อเจอหน้า กระผม/อาตมภาพที่เป็นนายทหารประทวน ยังต้องทำความเคารพก่อน นั่นก็เหมือนกัน เพราะหมาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนายพัน แต่ว่าคนเลี้ยงหมารู้..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การเคารพกันตามลำดับยศศักดิ์ ก็คือเราต้องทำความเคารพผู้มียศสูงกว่า ทำความเคารพเสร็จแล้วค่อยเตะเวลามันดื้อ..! ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

    ดังนั้น..ในเรื่องของ "ยศช้าง" ก็ดี หรือว่า "ขุนนางพระ" ก็ตาม ถ้าเราไม่หวั่นไหวไปตาม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากว่าเอาไปแบกไว้ แถมยังเอาไปกดข่มผู้อื่น ก็ตัวใครตัวมัน เพราะแสดงว่ากิเลสในใจของตนยังมีอยู่มาก รังแต่จะทำให้คนอื่นเขารังเกียจเสียเปล่า ๆ..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...