เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 เมษายน 2025 at 19:59.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,324
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,708
    ค่าพลัง:
    +26,567
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8857.jpeg
      IMG_8857.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      237.2 KB
      เปิดดู:
      5
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,324
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,708
    ค่าพลัง:
    +26,567
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เข้าเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว ที่พูดมาหมายความว่าจะเริ่มมีคนตายบนท้องถนนกันมากอีกแล้ว..! ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความคึกคะนองและประมาท โดยเฉพาะพวกเมาแล้วขับ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ถ้ามาปฏิบัติธรรมอย่างพวกเรา ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป

    แต่กำลังใจของคนนั้นไม่เท่ากัน โดยเฉพาะสิ่งที่ภาษาบาลีเรียกว่าวิปลาส ก็คือเห็นผิดไปจากความเป็นจริง อย่างเช่นว่า
    เห็นสิ่งที่ไม่สวยไม่งามเป็นสิ่งที่สวยงาม เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนว่าเที่ยงแท้แน่นอน เห็นสิ่งที่ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ว่าเป็นเราเป็นของเรา เป็นต้น

    คราวนี้การที่จะแก้ไขก็คือเร่งรัดการปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้ บรรดาภัยธรรมชาติต่าง ๆ จะหนักมาก วันนี้ประเทศจีนมีการแจ้งเตือนชาวบ้านว่า ใครน้ำหนักตัวน้อยกว่า ๕๐ กิโลกรัมไม่ควรออกจากบ้าน เพราะว่ามีพายุพัดแรงมาก น้ำหนักน้อยกว่า ๕๐ กิโลกรัม อาจโดนพายุพัดไปได้..!

    เราท่านจะเห็นว่าในเรื่องของพายุก็ดี เรื่องของแผ่นดินไหวก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์เราเอง อย่างเช่นว่ารบราฆ่าฟัน ทิ้งระเบิดใส่กัน แรงอัดจากระเบิดก็จะไปรวมตัวกัน พอมากเข้า ๆ ก็กลายเป็นพายุ กลับมาทำลายล้างพวกเราอีกรอบหนึ่ง หรือว่าความสั่นสะเทือน เมื่อรวมตัวกันจนเพียงพอ ก็จะไปผลักดันแผ่นเปลือกโลกให้เคลื่อนไหว แล้วก็กลายเป็นธรณีภิบัติภัย ก็คือแผ่นดินไหว กลับมาทำอันตรายพวกเราอีกรอบหนึ่ง..!

    วันนี้ทางประเทศพม่าส่งข่าวมาว่าปัญจมหาสถาน คือที่บูชาสำคัญที่สุด ๕ แห่งของพม่า ประกอบไปด้วยพระเจดีย์ ๔ แห่ง พระพุทธรูป ๑ แห่ง ส่วนใหญ่แล้วยังปลอดภัยอยู่

    ไล่จากข้างล่างขึ้นข้างบนก็เริ่มจากพระบรมธาตุอินทร์แขวน ซึ่งอยู่ที่เมืองไจ๊โท เขตรัฐมอญ มีแค่อาการสั่นไหวของยอดฉัตรเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่วิดีโอที่ส่งมานั้น ภายในศาลาสวดมนต์ แจกันดอกไม้ถึงขนาดเต้นได้เลย..! มีอาจารย์บางท่านที่รู้ทุกเรื่องบอกไว้ว่า ความจริงแล้วก้อนหินนั้นไม่ได้ลอยพ้นพื้น หรือว่าไม่ได้วางอยู่บนพื้น หากแต่ว่าติดกับพื้น แล้วมีรอยแตกโดยรอบ คนก็เลยเข้าใจไปว่าลอยอยู่บนพื้น หรือว่าวางอยู่บนพื้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เกิดแผ่นดินไหวก็เลยไม่ตก..!?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,324
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,708
    ค่าพลัง:
    +26,567
    กระผม/อาตมภาพอยากจะดึงหูอาจารย์ท่านนั้น แล้วพาลองไปโยกดูแบบที่กระผม/อาตมภาพทำมาเอง เนื่องเพราะว่าครั้งแรกที่ไปถึง กระผม/อาตมภาพก็สงสัยว่าทำไมเขาสร้างเจดีย์แบบหยาบ ๆ ทำให้สวยกว่านั้นไม่ได้หรืออย่างไร ? แต่พอลองผลักดู ปรากฏว่าหินโยกตามมือไปเลย จึงมาคิดว่า "ถ้าเป็นเราสร้างก็คงจะสวยน้อยกว่านี้อีก เพราะว่ากูก็กลัวตายเหมือนกัน..!"

    แห่งที่ ๒ ก็คือพระมหาธาตุมุเตา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อยู่ในเขตรัฐมอญ แต่ว่าทางประเทศพม่าแบ่งออกมาเป็นมณฑลหงสาวดี ภาษาพม่าเรียกว่าชุยมอดอ เคยโดนแผ่นดินไหวทำลายลงไปเมื่อประมาณ ๓๐๐ ปีก่อนครั้งหนึ่ง ปัจจุบันนี้ส่วนยอดเขายังสร้างเจดีย์เล็กไว้ได้ ๕ องค์ ก็คือส่วนยอดเจดีย์ที่หักตกลงมา ครั้งนี้องค์พระเจดีย์ใหญ่ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ว่าเจดีย์รายรอบข้างมีแตกร้าวไปหลายองค์

    ถัดไปก็เป็นพระมหาเจดีย์ชเวดากองที่ย่างกุ้ง ซึ่งจะว่าไปแล้วเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของชาวพม่า โชคดีตรงที่ว่าเขากำลังติดตั้งนั่งร้าน เพื่อที่จะเปลี่ยนแผ่นทองคำหุ้มองค์พระเจดีย์ใหม่ ซึ่งจะทำกันประมาณ ๓ ปี หรือ ๕ ปีครั้งหนึ่ง จึงทำให้มีนั่งร้านช่วยบังคับองค์เจดีย์เอาไว้ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมาก นอกจากสั่นไหวไม่มากนัก

    จากนั้นก็ต้องขึ้นไปถึงเมืองพุกาม ซึ่งเป็นอาณาจักรเดิมที่ยิ่งใหญ่มากของพม่า ก็คือพระมหาเจดีย์ชเวซีกองที่พวกเราเรียกกัน แต่พม่าเรียกว่าชุยซีคง แบบเดียวกับพระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. (ปรีชา จิรนาโค) เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ ไปพม่ากับกระผม/อาตมภาพครั้งแรก โบกแท็กซี่ก็พูดเสียงดังฟังชัดว่า "โก ทู ชเวดากอง" คนพม่าไม่รู้จัก กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "ชุยดากงพะยา" ก็คือ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เราออกเสียงคนละอย่างกับพม่า เพราะว่าไปออกเสียงตามภาษาอังกฤษ

    ภาษาอังกฤษที่เขียนแบบพม่าชวนให้ปวดหัวมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขียนอย่างหนึ่ง อ่านอย่างหนึ่ง ดังนั้น เราจึงมีเมืองร่างกุ้งมาตั้งแต่สมัยกระผม/อาตมภาพเด็ก ๆ เพราะว่าพม่าออกเสียง R เป็น ย.ยักษ์ เขาเขียนว่า Rangoon แต่คนไทยเห็นเป็น ร.เรือ ก็เลยอ่านว่าร่างกุ้ง มาตอนหลังโดนชาวโลกด่ามาก ๆ เข้าก็เลยเปลี่ยนเป็นตัว Y ถึงกลายเป็น Yangon ในภาษาอังกฤษปัจจุบัน แต่คนไทยไปติดร่างกุ้ง หรือ ย่างกุ้ง ไปเสียแล้ว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,324
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,708
    ค่าพลัง:
    +26,567
    พระมหาเจดีย์ชเวซีกองนั้น ตัวองค์เจดีย์ไม่มีปัญาหาอะไร เพราะว่ายืนหยัดมา ถ้าตามประวัติของพม่าก็ ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว ประกอบกับทางพุกามมีแผ่นดินไหวอยู่เนือง ๆ การก่อสร้างก็เลยมีการทำให้แข็งแรงกว่าปกติ มีแต่กำแพงล้อมรอบ พังทลายลงมาบางจุด

    จากนั้นก็ต้องขึ้นไปที่มัณฑะเลย์เลย นี่กระผม/อาตมภาพพูดแบบคนเดินทาง ก็คือจากใต้ขึ้นเหนือ ในส่วนที่สำคัญที่สุดของปัญจมหาสถานอีกแห่งหนึ่งก็คือหลวงพ่อมหามัยมุนี หรือออกเสียงตามแบบพม่าว่าหลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนี เสียหายเกือบทั้งวัด แม้แต่หอพระก็ทรุดลงมา จนกระทั่งพระมหามงกุฎที่หลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนีใส่อยู่ชำรุดเสียหาย ฐานตั้งองค์พระก็แตกร้าวหลายแห่ง..!

    แต่องค์พระไม่ได้เสียหายอะไร เพราะว่ามีทองคำห่อหุ้มเอาไว้หนาเป็นนิ้ว ก็คือเขาปิดทองอยู่ทุกวัน จนกลายเป็นหลวงพ่อเนื้อนิ่ม กระผม/อาตมภาพเคยลองเอานิ้วจิ้มดู กะ ๆ ดูว่าน่าจะหนาเป็นนิ้วฟุตเลย..! ถ้าลอกออกมาก็น่าจะได้ทองคำหลายสิบกิโลกรัม..!

    ในส่วนอื่น ๆ ที่เสียหายมากก็คือเมืองเก่าอังวะ ภาษาพม่าเรียกว่าอิงวะ อยู่ติดกับมัณฑะเลย์นั่นเอง ชื่อเดิมที่คนไทยคุ้นเคยก็คือรัตนะบุระอังวะ บรรดาเจดีย์และวัดเก่า ๆ โดยเฉพาะที่สร้างโดยฝีมือเชลยศึกชาวไทย ซึ่งมีศิลปะแบบอยุธยาอยู่เป็นจำนวนมาก พังทลายลงมาเกือบหมด

    ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอย่างมณฑลสะกาย ซึ่งบนยอดเขาสะกายนั้น มีวัดแม่ชีอยู่เกิน ๓๐ วัด ส่วนใหญ่ก็พังลงมา แล้วพระและแม่ชีก็หนีไม่ทัน เพราะว่าอยู่ในช่วงที่เจริญกรรมฐานบ้าง สวดมนต์ทำวัตรบ้าง โดนตัวอาคารทับตายไปจำนวนหนึ่ง..!

    หลวงพ่อโตวัดซุนอู ซึ่งเชื่อกันว่ามีเทวดามาถวายข้าวพระทุกวัน พังลงมาเกินครึ่งองค์ เหลือแต่พระหัตถ์ซ้ายกับตรงช่วงฐานเท่านั้น แล้ววัดนี้ก็มีพระมหาเถระโดนตัวอาคารทับมรณภาพไป
    ด้วย ๒ รูป..!

    ที่พูดถึงตรงนี้ เพื่อให้พวกเราตระหนักว่า เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา กำลังใจของเราอาศัยได้หรือไม่ ? เนื่องเพราะว่าญาติโยมหลายคนที่อยู่คอนโดมีเนียมสูง ๆ ส่งข่าวมาว่า ถึงเวลาผู้คนวิ่งไม่ออก ตกใจ แข้งขาอ่อน แล้วก็ไปกองขวางทางอยู่ ทำให้คนอื่นไปต่อไม่ได้ ถ้าตัวอาคารพังลงมาก็มีสิทธิ์ตายหมู่ทันที..!

    แล้วเราลองคิดว่านี่เป็นภัยธรรมชาติ ถ้าเป็นภัยจากน้ำมือมนุษย์ อย่างแถวฉนวนกาซาของตะวันออกกลาง หรือว่าแถวยูเครน - รัสเซีย ถ้าขีปนาวุธมานี่ไม่ได้มาทีเดียวแน่นอน แล้วท่านทั้งหลายถ้ากำลังใจไม่มั่นคงพอ ขาดสติ ย่อมเอาตัวไม่รอด..!

    วิธีที่ดีที่สุดก็คือพยายามสร้างสมาธิให้มั่นคงกว่านี้ ถ้าหากว่าสมาธิของเราทรงตัว ก็จะไม่ตกใจง่าย นอกจากจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว ยังสามารถช่วยคนอื่นได้อีกด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,324
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,708
    ค่าพลัง:
    +26,567
    กระผม/อาตมภาพกับพรรคพวก ๔ - ๕ คน เคยเดินทางไปเขาค้อ ช่วงขาลงฝนตกหนักมาก แล้วกระผม/อาตมภาพนั่งอยู่ภายในเก๋งของรถกระบะ แต่พรรคพวกอยู่ ๔ คนนั่งอยู่ท้ายกระบะ วิธีที่จะพ้นฝนได้อย่างเดียวก็คือวิ่งให้เร็วเข้าไว้ เพื่อให้ฝนปลิวเลยหัวไป..!

    ปรากฏว่าพอเข้าโค้ง รถหมุนติ้วเป็นลูกข่างเลย..! กระผม/อาตมภาพมองตัวเองแล้ว สติดีมาก ไม่ได้ตกใจอะไรเลย นอกจากจะใช้เท้ายันพื้นแล้วยังเอาหัวเข่าค้ำคอนโซลด้านหน้าเอาไว้ พร้อมกับมือยันเอาไว้ด้วย กะว่าถ้าตกลงเหว อย่างน้อยตัวเราก็จะไม่หลุดจากที่นั่ง..!

    นั่นคือลักษณะของผู้มีสติ พร้อมที่จะแก้ไขเหตุการณ์จากร้ายให้เป็นดี จากหนักให้เป็นเบา แต่โชคดีที่ว่าพอรถหมุนไปนับรอบไม่ถ้วนแล้ว ยังไม่หลุดขอบถนน ห่างจากขอบถนนประมาณฝ่ามือหนึ่ง..! มองลงไปแล้วก็หวาดเสียวดี แล้วพวกข้างหลังก็คือพรรคพวกที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันมาตั้งแต่สมัยฆราวาส มีเสียงตะโกนว่า "เอาอีก..เอาอีก..!" คนขับรถตะโกนบอกว่า "ทำอีกก็ไม่เหมือนเดิมแล้วโว้ย..!" สรุปก็คือทั้งหมดนั่นบ้า..! บุคคลที่สติดีเกินไปในเหตุการณ์แบบนั้น คนมักจะว่าบ้า เพราะว่าการแสดงออกไม่เหมือนบุคคลปกติทั่วไป

    จากตัวอย่างที่ยกมา ขอยืนยันว่าตอนนั้นกระผม/อาตมภาพเพิ่งบวชได้ ๔ พรรษากระมัง ? แต่ว่าปฏิบัติธรรมร่วมกับพรรคพวก ๔ - ๕ คนนั้นมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว ไปกับคนทั้งหลายเหล่านั้นดีอยู่อย่างหนึ่งว่า อยากจะทำอะไรก็ได้ทำ เพราะว่าไม่มีใครกลัว แต่ไม่ดีตรงที่ว่า
    ถ้าสติดีเกินไปมักจะตายเร็ว เพราะว่าไม่ค่อยจะหนีใคร..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...