เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 20 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ในช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพนำพระภิกษุวัดท่าขนุนออกรับบิณฑบาตตามปกติ โดยเฉพาะทุกวันเสาร์ จะมีโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" โดยเฉพาะในวันเสาร์นี้ มีบรรดานักกีฬาจักรยานมาแข่งที่อำเภอทองผาภูมิเป็นจำนวนมาก แล้วส่วนใหญ่ก็มาร่วมงานใส่บาตรด้วย

    กระผม/อาตมภาพได้อำนวยอวยพรไปทุกคน โดยให้ทุกคนสำนึกใน Sporting Spirit หรือว่าน้ำใจนักกีฬา ซึ่งเป็นของที่ทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของพรหมวิหาร ๔ ก็คือ มุทิตาพรหมวิหาร บุคคลที่จะทำถึงนั้นเป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ แต่ต่อให้ยากขนาดไหนก็ตาม เราก็ต้องเพียรพยายามทำให้ได้

    โดยเฉพาะถ้าหากว่าไม่พอใจ ที่คนอื่นปาดหน้าแซงชนะเรา แต่เราก็ต้อง "น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก" แสดงความยินดีกับผู้ชนะไปตามระเบียบ ส่วนตัวเราเองต้องมาดูว่าเรามีข้อบกพร่องตรงไหน แล้วพยายามฝึกซ้อมแก้ไขไป ต่อไปข้างหน้า เราก็จะได้เป็นผู้ชนะบ้าง

    ขอให้ทุกคนรักษากำลังใจอยู่ที่ว่า ชนะก็อย่าฟูมาก พ่ายแพ้ก็อย่าฟุบมาก พยายามทำใจให้เป็นกลาง ๆ มองให้เห็นความเป็นปกติ เราแพ้เขาพราะว่าฝีมือไม่ถึง เทคนิคไม่ดี การฝึกซ้อมไม่เข้มข้นพอ ถึงเวลาเราก็พยายามที่จะปรับปรุงแก้ไขที่ตัวเอง สักวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อโอกาสมาถึง เราก็จะได้เป็นผู้ชนะบ้าง

    เมื่อฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เนื่องเพราะว่าวันนี้มีงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดกำแพง แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เนื่องเพราะว่ามีการฉลองพระอุโบสถวัดกำแพง ซึ่งสร้างมาครบ ๑๐๐ ปีพอดี โดยที่วัดกำแพงนี้ มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็คือหลวงพ่อไปล่ ฉนฺทสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง ซึ่งมาทางสายเหนียวเต็มระดับ..!

    กระผม/อาตมภาพได้รับการจองตัวจากพระมหาพีระพล ฐานจาโร, ดร. เจ้าอาวาสวัดกำแพง ซึ่งเป็นนิสิตปริญญาเอกรุ่นน้อง ท่านจองตัวไว้ข้ามปี เพราะกลัวว่ากระผม/อาตมภาพจะมาร่วมงานไม่ได้

    เมื่อมาถึงปรากฏว่า หลวงปู่อวยพร (พระครูปฐมวราจารย์) วัดดอนยายหอม มาถึงแล้ว อีกสักครู่หนึ่ง หลวงพ่อบุญยิ่ง (พระครูอุทัยบุญวัชร์) เจ้าอาวาสวัดอุทัยโพธาราม เจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี (ธรรมยุต) ก็มาถึง ตามมาด้วยหลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ เจ้าคณะตำบลบางกระเบา หลวงพ่อเกาะ (พระครูวิสิฐชัยคุณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท เจ้าอาวาสวัดท่าสมอ หลวงพ่อรวย (พระครูสุขุมธรรมธาดา) วัดมาบตาพุด ตามมาด้วยหลวงพ่อประสูติ (พระครูรัตนสิกขการ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือว่าวัดในเตา จังหวัดตรัง เป็นต้น

    เมื่อครูบาอาจารย์มารวมอยู่กันมาก ๆ ก็สนทนากันตามอัธยาศัย แต่กระผม/อาตมภาพถนัดที่จะ "ลุย" กับหลวงพ่อเกาะมากกว่า เพราะถือว่ามา "สายบู๊" เหมือนกัน หลวงพ่อเกาะท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ซึ่งกระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่งท่านหนึ่ง เมื่อคุยกันก็ได้เฮฮากันตามประสา เนื่องเพราะว่าอยู่ในลักษณะของ "นักเลงบ้านนอก" จะทำอะไรก็ไม่ต้องคิดอะไรกันมาก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    ครั้นได้เวลาทางเจ้าหน้าที่ก็มานิมนต์ให้ขึ้นอาสนะ ซึ่งจัดเอาไว้รอบอุโบสถ เนื่องเพราะว่าอุโบสถวัดกำแพงนั้น ภายในมีวัตถุมงคลเกือบจะเต็มพื้นที่ มีเพียงสถานที่จุดเทียนชัย เทียนพุทธาภิเษก และอาสนะของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลางเท่านั้น

    ทางด้านนอกทั้งหมด กระผม/อาตมภาพที่เห็นก็มีท่านเจ้าคุณชำนาญ (พระมงคลวโรปการ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวราราม ท่านเจ้าคุณอริยชาติ (พระภาวนารัตนญาณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นต้น

    โดยเฉพาะบรรดาครูบาอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์มาครั้งนี้ มีที่ติดภารกิจจึงมาตั้งแต่ช่วงเช้าก็หลายรูป พอนั่งลงปุ๊บ ทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) ก็บอกว่า "หลวงพ่อช่วยระวังให้ผมด้วยนะครับ วันนี้ผมขออาศัยด้วย" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หัวเราะในใจ เนื่องเพราะว่างานแบบนี้ มักจะมีพระเกจิอาจารย์ "ร้อนวิชา" คอย "ลองของ" เสมอ วันนี้กระผม/อาตมภาพก็โดนอีกเช่นกัน..!

    เพียงแต่ว่าเรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพราะว่าได้รับบทเรียนมามากต่อมากด้วยกันแล้วว่า
    ถ้าเราตอบโต้ไป อีกฝ่ายหนึ่งสู้ไม่ได้ ก็จะไปหาบุคคลที่เก่งกว่ามาเล่นงานเราต่อ หรือถ้าหาบุคคลที่เก่งกว่าไม่ได้ ก็จะหาบุคคลประเภทเดียวกัน แต่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเล่นงานเรา ไม่ให้ได้พักได้ผ่อน ท้ายที่สุด เราก็ต้องพลาดให้เขาจนได้..!

    กระผม/อาตมภาพเคยเจอมวยหมู่ ๓๐ ต่อ ๑ มาแล้ว เขาผลัดกัน ๕ ผลัด ๆ ละ ๖ รูป/คน ช่วยกันทำ แม้ว่ากระผม/อาตมภาพ
    สามารถที่จะเล่นให้กระจายไปทั้งกลุ่มก็ได้ แต่ถ้าทำเช่นนั้น ก็คงต้องเดือดร้อนต่อไปเรื่อย ๆ จึงใช้วิธีทำไม่รู้ไม่ชี้ ส่งมาเท่าไรก็เก็บหายหมด จนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่มีการตอบโต้ น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ถึงได้เลิกกระทำ แล้วหลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ใช้วิธีนี้ตามเคย ก็คือก่อนที่จะเข้างาน ก็อาราธนาบารมีพระท่านสงเคราะห์ไว้ก่อนแล้ว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    โดยเฉพาะถ้าหากว่าท่านใดตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ของสองอย่างเลยที่จะลืมไม่ได้ อันดับแรกก็คือเบี้ยแก้ของครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ อาราธนาติดตัวเอาไว้ อย่างที่สองก็คือพระราหู ซึ่งกระผม/อาตมภาพขอแนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ก็หาของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง หรือว่าหลวงพ่อปิ่น วัดศีรษะทอง ติดตัวเอาไว้

    ถ้าหาไม่ได้ ก็ของครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ก็ดี หรือว่าครูบาเจ้าอโนชัย วัดปงสนุก ถ้ายังไม่ได้อีกก็ไปโน่นเลย หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม ซึ่งเป็นสายอีสาน

    ถ้าหากว่าจะเลี้ยวกลับมาทางสายภาคกลาง ก็ยังมีหลายต่อหลายท่าน แต่ว่าระดับครูบาอาจารย์มักจะเชื่อถือได้มากกว่า โดยเฉพาะถ้าใครมีสายสัมพันธ์กับจอมอสูรอย่างท่านราหูด้วยแล้ว ท่านก็ยิ่งสงเคราะห์ให้เป็นพิเศษ ถ้ามีของสองอย่างนี้แล้วอาราธนาติดตัวไว้ ก็ใช้ภาษาวัยรุ่นว่า "นั่งชิลล์ ๆ" ปล่อยให้เขาทำไปให้พอ..!

    แต่กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้อาศัยแค่วัตถุมงคลอย่างเดียว หากแต่ว่าอาราธนาภาพพระที่ศูนย์กลางกาย แล้วให้ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นมา จนกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเอง ระมัดระวังไม่ให้ขยายใหญ่ไปจนถึงบุคคลที่ทำ ไม่เช่นนั้นแล้วของทั้งหมดจะสะท้อนกลับไป จนตัวเขาจะเดือดร้อนเอง เรียกง่าย ๆ ว่า ไหน ๆ จะทำตัวเป็นพระเอกแล้ว ก็ต้องเมตตาให้ถึงที่สุด..+

    สำหรับวันนี้หลังจากที่อาราธนาพระท่านสงเคราะห์อยู่ประมาณ ๓๐ นาที อีกฝ่ายหนึ่งก็คงเครียดจนแทบจะประสาทรับประทาน เนื่องเพราะว่าทำไปเท่าไร กระผม/อาตมภาพก็ยังเฉย ๆ ท้ายที่สุด
    กระผม/อาตมภาพก็ไปกราบเท้าหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพงว่า "หลวงพ่อครับ วัตถุมงคลส่วนใหญ่ก็รูปหลวงพ่อ กระผมถวายภาระให้หลวงพ่อเลยนะครับ" แล้วกระผม/อาตมภาพก็นั่งสบายใจ จนกระทั่งท่านบอกว่าพอแล้ว จึงได้คลายกำลังใจออกมาทำน้ำมนต์ เมื่อดับเทียนปุ๊บ พระมหานาคก็สวดจบพอดี ทิดเฟิร์สบ่นเช่นเคยว่า "หลวงพ่อยัง "เป๊ะเว่อร์" เหมือนเดิม..!"

    เจ้าหน้าที่ซึ่งพระมหาพีระพล ฐานจาโร, ดร. ท่านเตรียมเอาไว้ จะยกขันน้ำมนต์ให้เข้าไปพรมวัตถุมงคลในโบสถ์ กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ต้อง..เอาไปแบ่งกันเองเลย" พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีท่านพรมไปแล้ว
    อะไรที่พระผู้ใหญ่ท่านทำไปแล้ว เราไม่ควรที่จะไปทับ พูดง่าย ๆ ว่า ไม่เป็นมงคลกับตนเองด้วย ไม่เป็นมงคลกับงานด้วย..!
    ดังนั้น..
    ถึงเวลาแล้ว เราต้องรู้จักระมัดระวังเองว่า สิ่งใดที่ทำแล้วเป็นคุณแก่ตนก็ทำไป สิ่งใดที่ทำแล้วไม่เป็นคุณแก่ตน อาจจะสร้างความเดือดร้อนทีหลัง ก็ "อย่าหาทำ" ตามภาษาวัยรุ่นเขาว่า..!

    เมื่อรับไทยธรรมจากญาติโยมและให้พรแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางออกจากวัดกำแพง เพื่อกลับไปยังที่พัก เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้ยังมีงานพุทธาภิเษกอีกงาน จึงได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในขณะที่อยู่บนรถยนต์ เพื่อที่ญาติโยมทั้งหลายจะได้ไม่รับฟังกันช้าจนเกินไปนัก

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...