เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางขึ้นจังหวัดเชียงราย เพื่อเตรียมตัวที่จะไปเป็นประธานในการนำครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง ออกจากงานนิโรธกรรมประจำปี ๒๕๖๗ ซึ่งตั้งแต่คบค้าสมาคมกันมา กระผม/อาตมภาพไม่เคยพลาดในการรับเป็นประธานในการนำท่านออกจากนิโรธกรรมทุกปี

เพิ่งจะมีปีที่แล้ว คือพุทธศักราช ๒๕๖๖ นั้น กระผม/อาตมภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทิ้งงานของท่าน เพราะได้รับการแต่งตั้งจากพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ให้เป็นกรรมการในการสอบพระอุปัชฌาย์ในปีนั้น

ในเมื่อต้องทำหน้าที่สำคัญในการคัดเลือกตัวบุคคล ที่จะไปเป็น "พ่อ" ของบรรดาพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะต้องเต็มไปด้วยความเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อผู้บังคับบัญชาท่านให้ความไว้ใจแต่งตั้งมา กระผม/อาตมภาพก็ต้องทำหน้าที่นั้นอย่างเต็มสติกำลัง เต็มความสามารถ

ดังที่ได้บอกกล่าวกับทุกท่านแล้วว่า ต่อให้เดินทางไปหากระผม/อาตมภาพถึงวัดท่าขนุน ก็ไม่แน่ว่าจะได้พบเจอ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น มีตำแหน่งหน้าที่การงานหลัก ๆ ถึง ๓๖ ตำแหน่งเข้าไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องเอางานสงฆ์เป็นใหญ่ ส่วนงานภายในวัด ก็ใช้วิธีสั่งการผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระภิกษุฝ่ายต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งแม่ชี ให้ร่วมกันรับผิดชอบ ทำหน้าที่ไปไม่ให้บกพร่อง

ดังที่วันนี้มีบุคคลมาเรียนว่า "ผมไปทองผาภูมิมาเมื่อสองวันที่ผ่านมา แล้วได้ข่าวว่าหลวงพ่ออยู่ที่เชียงใหม่นี้เอง" ต้องเรียกว่าเป็นการสวนทางกันอย่างไม่น่าให้อภัย..! เนื่องเพราะว่าถ้าติดตามข่าวคราวจากเฟซบุ๊กวัดท่าขนุน ก็น่าจะทราบว่ากระผม/อาตมภาพนั้นได้เดินทางขึ้นมายังจังหวัดเชียงใหม่แล้ว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ก็ยังดีที่มีญาติโยมยอมสละเวลาเดินทางไกลมาก เพื่อที่จะไปหากระผม/อาตมภาพจนถึงวัด แต่ขอบอกกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าจะไปหากระผม/อาตมภาพที่วัด ก็ให้เข้าเว็บไซต์วัดท่าขนุน ไปเปิดดูตารางงานประจำปี ๒๕๖๗ โดยเฉพาะงานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมของแต่ละครั้ง ซึ่งงานทั้งหลายเหล่านั้น กระผม/อาตมภาพจำเป็นที่จะต้องอยู่วัด เนื่องเพราะว่าเป็นกำหนดการสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น กระผม/อาตมภาพไม่ได้หวังอะไรมาก ขอเพียงสิ่งที่สอนไปนั้น มีผู้ที่เข้าใจแม้แต่เพียงคนเดียวก็พอใจแล้ว..!

 

โดยเฉพาะกรรมฐานช่วงเช้าตอนตี ๓ ครึ่งนั้น กระผม/อาตมภาพมีเท่าไรก็ "เทจนหมดกระเป๋า" พูดง่าย ๆ ว่า ที่ศึกษามาในกรรมฐาน ๔๐ และวิสุทธิมรรค เอามาสรุปรวมลงในการสอนกรรมฐานภาคเช้านั่นเอง แต่ก็ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่เห็นคุณค่า อันดับแรกเลยก็คือว่า พยายามที่จะไปจดจำขั้นตอนต่าง ๆ ต้องถือว่าไม่ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าเราทำไม่ถึง ต่อให้จดจำขั้นตอนได้ โอกาสที่จะทำตามได้นั้นก็ยากเป็นอย่างยิ่ง..!

กระผม/อาตมภาพสอนกรรมฐานให้ท่านทั้งหลายกำหนดใจ แล้วตัดสินใจตามไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปทำอย่างอื่นทั้งสิ้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเพียรพยายามที่จะฝึกซ้อมอยู่ทุกครั้ง โอกาสที่ท่านจะได้ดีก็เป็นไปโดยง่าย แต่ถ้าหากว่าไม่เข้าใจ ก็จะเป็นอย่างที่เห็น ก็คือ ไปตำหนิว่ากระผม/อาตมภาพสอนอะไรก็ไม่รู้ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่ทุกครั้งที่มา ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่เลย..!

กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกกับท่านอีกสักครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าท่านจะต้องการกรรมฐานแบบสุกขวิปัสสโกก็ดี วิชชา ๓ ก็ดี อภิญญา ๖ ก็ตาม หรือว่าปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ล้วนแล้วแต่อยู่ในกรรมฐานภาคเช้านั้นทั้งสิ้น มีบุคคลจำนวนหนึ่งที่จับจุดได้และพากเพียรทำตาม นับว่าเข้าใจและได้ดีไปเป็นจำนวนมากด้วยกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ ส่วนท่านทั้งหลายที่ไม่เข้าใจนั้น กระผม/อาตมภาพก็จะ "ตักน้ำรดหัวตอ" ต่อไป ต่อให้หัวตอนั้นไม่งอกขึ้นมา อย่างน้อยเปียก ๆ สักนิดก็ยังดี..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูกำหนดการเหล่านี้ แล้วเดินทางไปยังวัดท่าขนุนให้ตรงกับกำหนดการนั้น ก็มีโอกาสที่ท่านจะได้พบกระผม/อาตมภาพอยู่มาก เนื่องเพราะว่าบางทีมีงานสำคัญ ก็คือฎีกาหลวงเข้ามา หรือว่าผู้บังคับบัญชาเรียกพบตัวอย่างเร่งด่วน กระผม/อาตมภาพเมื่อนำกรรมฐานช่วงตี ๓ ครึ่งแล้ว ก็ต้องรีบเดินทางไปยังงานที่สำคัญกว่า ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านไปแล้ว อาจจะได้พบบ้าง ไม่ได้พบบ้าง แต่ถ้าไปตรงเวลางาน โอกาสที่จะได้พบก็มี ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ดีกว่าที่ท่านทั้งหลายจะเสี่ยงดวงไปส่งเดช

โดยเฉพาะบุคคลที่อธิษฐานจิตล่วงหน้าไป ขอบอกให้ทุกท่านทราบว่า กระผม/อาตมภาพไม่เห็นความสำคัญในการอธิษฐานจิตของท่านเลย ท่านจะหมดกำลังใจ หรือว่าหมดศรัทธาอย่างไร กระผม/อาตมภาพก็ไม่สนใจ เนื่องเพราะว่ายิ่งท่านเคารพเลื่อมใสมากเท่าไร ก็เป็นภาระของกระผม/อาตมภาพเท่านั้น..!

 

ในที่นี้ขออนุญาตเอ่ยถึงบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ก็คือ ดร.รอบทิศ ไวยสุศรี ท่านผู้นี้เคยติดต่อทางจิตมาหลายวาระด้วยกัน แต่กระผม/อาตมภาพจำเป็นที่จะต้องแกล้งโง่ ไม่รู้อะไรเลย เนื่องเพราะว่าถ้าทำเป็นรู้และตอบรับกลับไปเมื่อไร ท่านเป็นผู้ที่มีรายการหลักอยู่ในยูทูบ ก็จะเอากระผม/อาตมภาพไปโฆษณามากกว่านี้ แล้วบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ หรือว่าแฟนคลับรายการ Ghost Guru ก็จะบุกไปยังวัดท่าขนุนมากกว่านี้อีก หลายต่อหลายเรื่องถ้าทำหูหนวกตาบอดบ้าง งานก็จะน้อยลง แต่ถ้าหากว่าทำเป็นรู้มาก ก็จะลำบากและเดือดร้อนยิ่งกว่านี้..!

ดังนั้น..ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะอธิษฐานไปอย่างไรก็ตาม ขออย่าเพิ่งหมดกำลังใจ แต่โปรดทราบว่ากระผม/อาตมภาพต้องทำเป็นไม่สนใจ เพราะว่าถ้าสนใจมาก ท่านทั้งหลายก็ไปรบกวนมาก แล้วบอกกันปากต่อปาก งานของกระผม/อาตมภาพก็จะหนักกว่านี้ จึงต้องขออภัยกับท่านอาจารย์รอบโลก ขออภัย..ท่านอาจารย์รอบทิศด้วย เนื่องเพราะว่ารุ่นของกระผม/อาตมภาพ ถ้าใครพยายามศึกษาให้รู้ทุกเรื่อง ก็จะเรียกกันว่า "ไอ้รอบโลก" พอดีว่าท่านก็ชื่อรอบทิศ บางทีกระผม/อาตมภาพก็เรียก "อาจารย์รอบโลก" ไปเหมือนกัน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

สำหรับวันพรุ่งนี้ หลังจากที่เสร็จสิ้นจากพิธีกรรมพิธีการในการบวงสรวงและสืบชะตาต่ออายุครูบาเหนือชัย โฆสิโตแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเร่งรีบเดินทางกลับ เพราะว่ามีงานประชุมรออยู่ ทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย โดยเฉพาะมีเพิ่มมาอีก ๑ งาน แต่ต้องปฏิเสธไป เนื่องเพราะว่าการประชุมนั้น มีทั้งการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี และการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถจะขาดได้ทั้งคู่ จึงไม่สามารถที่จะอยู่เพื่อรับศรัทธาญาติโยมได้มากนัก

ถ้าท่านทั้งหลายมีความฉลาด เมื่อไปถึง เห็นกระผม/อาตมภาพนั่งรับศรัทธาอยู่ ถ้าเร่งรีบทำบุญตั้งแต่ตอนนั้นก็หมดปัญหากันไปเลย ใครจะไปรอทำบุญตอนออกกรรมฐานหลังพิธีสืบชะตา ขอบอกว่าโอกาสพลาดมีสูงมาก เนื่องเพราะอันดับแรก กระผม/อาตมภาพไม่ได้พกย่ามมาหลายปีแล้ว ย่ามมีเอาไว้ใช้เฉพาะตอนอยู่วัด แล้วก็เก็บเอาไว้บนรถยนต์เท่านั้น

 

เนื่องเพราะมีประสบการณ์จากบรรดาครูบาอาจารย์ก็ดี เพื่อนพระสังฆาธิการก็ตาม โดนบุคคล "เชิด" ย่ามไปหลายรายแล้ว..! เพราะว่าเวลาไปงานของวัดอื่น ผู้ที่ไม่หวังดีก็ "ตีเนียน" เข้ามา ทำเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ของวัด ช่วยถือย่ามถือของให้ แต่พอเข้าไปในบริเวณคนมาก ๆ เขาก็มุดหายไปเลย แล้วเราเองเป็นพระเป็นเจ้า จะไปวิ่งไล่กวดขโมยก็น่าเกลียด จึงมีบรรดาพระเถระ ตลอดจนกระทั่งพระรุ่นหลัง ๆ พลาดท่าต่อมิจฉาชีพเหล่านี้มามากต่อมากด้วยกัน

ดังนั้น..ท่านที่จะทำบุญใส่ย่าม กระผม/อาตมภาพจึงมักบอกว่า "ไม่ได้พกย่ามมา" และโดยเฉพาะว่าเมื่อไปที่ใดก็ตาม ถ้าหากว่าทำบุญมา กระผม/อาตมภาพก็มักจะมอบให้กับเจ้าของสถานที่นั้นไปเลย ส่วนที่จะรับมา มีเฉพาะไทยธรรมตามที่ท่านนิมนต์เท่านั้น ดังนั้น..ท่านทำบุญกับกระผม/อาตมภาพก็เท่ากับทำบุญกับสถานที่นั้น ก็ไปทำบุญกับเจ้าของที่เสียให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีเรื่องของศรัทธาก็เป็นการเฉพาะตน

แต่ขอบอกให้ท่านทั้งหลายรู้อีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าท่านจะระบุว่าทำบุญส่วนตัวก็ดี ซื้อทองคำหล่อพระวัดท่าขนุนก็ตาม อะไรที่มา กระผม/อาตมภาพไม่ได้สนใจ จะมอบให้กับทางวัดเขาไปเลยทุกครั้ง ไม่ถือว่าเป็นการ "ย้ายเจดีย์" ด้วย เพราะว่าเป็นความไม่ฉลาดของคนทำบุญเอง เพราะกระผม/อาตมภาพมีกฎเกณฑ์ส่วนตัวที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมา ก็คือ "เงินเกิดขึ้นที่ไหน ก็ให้แก่วัดนั้นไปเลย"

ในเมื่อท่านทำบุญในรายการอื่น ระบุให้ไปที่อื่น ทั้ง ๆ ที่อยู่วัดนั้น ก็ต้องนับว่า "เสียมารยาทเป็นอย่างมาก" ในเมื่อท่านเสียมารยาทมา กระผม/อาตมภาพก็ไม่คิดที่จะรักษากำลังใจ และไม่ได้สนใจด้วยว่าจะเกิดโทษย้ายเจดีย์หรือไม่..?! เพราะว่ากระผม/อาตมภาพสร้างพระเจดีย์ไปหลายหลังแล้ว ดังนั้น..จึงมักจะมอบให้แก่ที่นั้น ๆ เสมอ ใครที่คิดจะทำบุญทีหลัง ถ้าหากว่าฉลาดน้อย ก็พลาดโอกาสอย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)