โหราศาสตร์ อนาคต และความเชื่อ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 11 มกราคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    <TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=20></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=HotNews vAlign=top>
    [​IMG]


    จริงหรือไม่ โหราศาสตร์และอนาคตศาสตร์มีเป้าหมายสูงสุดเหมือนกัน?
    คำตอบคือ จริง!


    เป้าหมายสูงสุดของทั้งโหราศาสตร์และอนาคตศาสตร์ คือการพยากรณ์อนาคตจริงหรือไม่ โหราศาสตร์และอนาคตศาสตร์มีจุดกำเนิดเหมือนกัน?
    จริง! เพราะอนาคตศาสตร์ก็คือ วิทยาศาสตร์ เพียงแต่ว่าอนาคตศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการพยากรณ์อนาคต ซึ่งหมายความว่าอนาคตศาสตร์ก็คือ การพยากรณ์อนาคตอย่างวิทยาศาสตร์ ที่ยึดมั่นในหลักการของ "เหตุ" และ "ผล" กล่าวคือ ทุกสิ่งที่เป็นผล ล้วนมีเหตุเป็นปัจจัยก่อให้เกิดเป็นผล มีกระบวนการขั้นตอนอย่างเห็นเป็นประจักษ์ได้ อธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ ไม่มีส่วนที่เป็นเรื่องของความเร้นลับมาเกี่ยวข้อง

    ดังนั้น เรื่องจุดกำเนิดที่มาของโหราศาสตร์และอนาคตศาสตร์ ก็เป็นเรื่องเดียวกันกับประเด็นคำถามว่า โหราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีจุดกำเนิดที่มาเหมือนกันหรือไม่?
    คำตอบก็จะเป็นอย่างชัดเจนว่า จริง!

    กำเนิดที่มาของโหราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ คือ ความสงสัยของมนุษย์ตั้งแต่อดีตกาลหลายพันปีมาแล้ว ถึงวิถีความเป็นไปของสรรพสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของมนุษย์ว่า อยู่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งใดหรือไม่
    เนื่องจากมนุษย์ในอดีตเมื่อหลายพันปีก่อนโน้น ยังไม่มีปัจจัยที่จะช่วยในการคิดและทำอย่างวิทยาศาสตร์ ดังนั้น โหราศาสตร์จึงเริ่มต้นปักหลักฝังรากลึกก่อนวิทยาศาสตร์ โดยเริ่มต้นจากการสังเกตของมนุษย์ถึงสภาพความเป็นไปของธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาดวงดาวในท้องฟ้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกกับมนุษย์และธรรมชาติ และพบว่า สภาพและความเปลี่ยนแปลงของดวงดาวในท้องฟ้า ดูจะสัมพันธ์กับเหตุการณ์บนโลก เช่น ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ความแห้งแล้ง โรคระบาด และเหตุต่างๆ ที่เกิดกับมนุษย์ ดังเช่น การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์การออกล่าสัตว์ ความทุกข์ ความสุข ความขัดแย้ง ความรุนแรงและสงคราม
    จากข้อสังเกตเหล่านั้น จึงเกิดเป็นความเชื่อว่า ธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงดาวในท้องฟ้า ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีฤทธิ์มีอำนาจพิเศษเหนือธรรมชาติทั่วไป รวมไปถึงวิถีชีวิตและความเป็นไปของมนุษย์บนโลก ซึ่งในที่สุดก็ตกผลึกมาเป็นโหราศาสตร์ มีหลักการพื้นฐานสำคัญว่า อนาคตของมนุษย์แต่ละคน รวมไปถึงสังคมมนุษย์และประเทศชาติ ล้วนถูกกำหนดไว้แล้วโดยอำนาจเหนือธรรมชาติ

    สำหรับวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไปแล้ว ก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังโหราศาสตร์หลายพันปี เพราะโหราศาสตร์เริ่มเป็นหลักเป็นฐานชัดเจนตั้งแต่สมัยชาวคาลาเดียน (Chaldean) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษส่วนใหญ่ของชาวบาบิโลน เมื่อประมาณ 5,000-6,000 ปีในอดีต...

    ส่วนวิทยาศาสตร์เพิ่งจะเกิดขึ้นจริงๆ ตั้งแต่ยุคสมัยของ อริสโตเติล เมื่อประมาณ 2,000 ปีเศษมาแล้ว แต่จากปัญหาการขาดอุปกรณ์เครื่องมือที่จะช่วยอริสโตเติลให้ศึกษาธรรมชาติได้อย่างถูกต้อง ดังเช่นสภาพและตำแหน่งของดวงดาวในท้องฟ้า ทำให้วิทยาศาสตร์ในยุคของอริสโตเติลไม่มั่นคง ต้องตกต่ำลงสู่ยุคมืดเป็นเวลายาวนานประมาณ 1,000 ปีทีเดียว และเพิ่งจะปักหลักเริ่มต้นเป็นวิทยาศาสตร์ยุคใหม่อย่างถูกทางขึ้นเพียงเมื่อประมาณ 500 ปีมานี้เอง จากนักวิทยาศาสตร์ยุคบุกเบิกดังเช่น โคเปอร์นิคัส, เคปเลอร์, กาลิเลโอ และ นิวตัน เมื่อนักวิทยาศาสตร์มีเครื่องมือสำคัญคือกล้องโหราศาสตร์

    แล้วอนาคตศาสตร์ล่ะ เริ่มต้นจริงๆ เมื่อไร?
    อนาคตศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่มีมานานย้อนหลังได้หลายพันปี เพราะนักคิด นักปราชญ์ในอดีต ที่ยึดหลักการของเหตุและผลเป็นสำคัญ ก็ล้วนเป็นนักอนาคตศาสตร์ แต่อนาคตศาสตร์ในรูปแบบที่ใช้ประโยชน์กันจริงๆ ในปัจจุบัน เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณทศวรรษปี ค.ศ. 1970 มานี้เอง เมื่อมีเครื่องมือสำคัญ คือ คอมพิวเตอร์ เกิดขึ้น เพราะวิธีการของอนาคตศาสตร์บางวิธี ดังเช่น วิธีการต่อแนวโน้ม (Trend Extrapolation) หรือ วิธีเทคนิคเดลไฟ (Delphi Technique) ต้องใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาก การพยากรณ์อย่างวิทยาศาสตร์ คือ อนาคตศาสตร์ จึงจะมีความหมายใช้ประโยชน์ได้จริง ส่งผลให้อนาคตศาสตร์กลายเป็นศาสตร์สำคัญของการวางแผนอนาคตของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศทั่วโลก อนาคตศาสตร์กลายเป็นศาสตร์สำคัญที่มีการศึกษากันอย่างเป็นระบบในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก

    สำหรับประเทศไทยของเรา จริงๆ แล้วการวางแผนพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ ดังเช่นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่มีต่อเนื่องกันมาหลายฉบับ โดยที่ฉบับปัจจุบันคือ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) ก็เป็นการวางแผนอนาคตของประเทศล่วงหน้า 5 ปี อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ คือ อนาคตศาสตร์
    มิใช่เฉพาะเรื่องการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเท่านั้น ที่ยึดหลักของอนาคตศาสตร์ คือ การวางแผนอนาคตล่วงหน้าอย่างวิทยาศาสตร์ ประเทศไทยของเรา ก็ดังเช่นประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ที่ล้วนยึดหลักของวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมทุกอย่างของประเทศอย่างเป็นทางการ เช่น ระบบการศึกษา หลักสูตรการศึกษาทุกระดับ ทุกหลักสูตรล้วนอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ตรงๆ หรือหลักสูตรทางด้านสังคม ศิลปะ ก็ล้วนอยู่บนพื้นฐานความเป็นวิทยาศาสตร์ ประเทศไทยจึงไม่มีหลักสูตรอย่างเป็นทางการในระบบการศึกษาของประเทศ ดังเช่น ไสยศาสตร์และโหราศาสตร์

    [​IMG]


    แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว โหราศาสตร์ก็ยังมีอยู่มิใช่หรือ?

    ก็เป็นความจริงว่า ทุกประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน โหราศาสตร์ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่จะมีบทบาทมากหรือน้อย
    สำหรับประเทศดังเช่น สหรัฐอเมริกา โหราศาสตร์ก็ยังมีอยู่ คนอเมริกันที่เชื่อหมอดูก็ยังมีอยู่ แต่ในเรื่องสำคัญของประเทศ โหราศาสตร์จะไม่ถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้อง ผู้นำประเทศของประเทศที่พัฒนาแล้วบางคน ถึงแม้จะมีความเชื่อส่วนตัวเรื่องโหราศาสตร์ แต่ในการแสดงออกและการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ ก็ต้องเก็บความเชื่อส่วนตัวเรื่องโหราศาสตร์เอาไว้ มิฉะนั้น สังคมก็จะไม่ให้ความเชื่อถือ และก็จะถูกกฎหมายสังคมลงโทษ

    สำหรับประเทศไทยของเรา โหราศาสตร์ก็ยังมีบทบาทอยู่มาก
    ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
    ประเด็นใหญ่จะอยู่ที่วัฒนธรรมของคนไทยเราที่เด็กจะเชื่อผู้ใหญ่ ทำตามผู้ใหญ่ คนในสังคมที่มีวุฒิภาวะและตำแหน่งหน้าที่ด้อยกว่าจะดูอย่างคนที่มีวุฒิภาวะสูงกว่า และตำแหน่งหน้าที่สำคัญกว่า
    กล่าวง่ายๆ ก็คือ โดยวัฒนธรรมของสังคมไทยเรา เป็นสังคมที่ "เชื่อผู้ใหญ่"...
    ถ้าผู้ใหญ่ในสังคมทุกระดับ ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ ผู้มีอาวุโสกว่าในตำแหน่งหน้าที่ ผู้นำของวงการต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา ธุรกิจ การปกครอง การเมือง และสถาบันสงฆ์ แสดงตนเป็น "ตัวอย่างแบบไหน" คนในสังคมส่วนใหญ่ก็จะมีแนวโน้มเอียงไปทาง "ตัวอย่างแบบนั้น"
    ผู้เขียนเชื่อว่า โหราศาสตร์จะคงอยู่กับสังคมไทยไปอีกนาน แต่จะมีบทบาทแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยว่า เชื่อโหราศาสตร์แค่ไหน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ "ผู้ใหญ่" ในสังคมไทยว่า ส่วนใหญ่เชื่อโหราศาสตร์แค่ไหน?!

    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.posttoday.com/



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...