ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐมนตรีอังกฤษประชุมลับหารือเลื่อน ‘เบร็กซิต’ ออกไปอีก 8 สัปดาห์ เผยแพร่: 6 ก.พ. 2562 12:41 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001327801.jpg

    เอเจนซีส์ - คณะรัฐมนตรีอังกฤษมีการพูดคุยกันอย่างลับๆ เพื่อหาวิธีเลื่อน ‘เบร็กซิต’ ออกไปอีก 8 สัปดาห์เป็นวันที่ 24 พ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดจะต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค. นี้

    หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษรายงานเมื่อค่ำวานนี้ (5 ก.พ.) ว่า บรรดารัฐมนตรีเมืองผู้ดีหวังว่าอียูจะยอมอนุมัติ “ช่วงเวลาผ่อนผัน” อีก 2 เดือนหลังวันที่ 29 มี.ค. หากข้อตกลงเบร็กซิตที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ นำเสนอได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ทั้งนี้เพื่อให้อังกฤษได้มีเวลาเพิ่มเติมในการออกกฎหมายที่จำเป็น

    ข้อตกลงเบร็กซิตที่ เมย์ ใช้เวลาเจรจากับอียูนานถึง 18 เดือนถูกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติปฏิเสธด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเมื่อเดือนที่แล้ว และในการโหวตหลังจากนั้น ส.ส.อังกฤษก็เรียกร้องให้เธอกลับไปเจรจากับอียูใหม่ในประเด็นที่สร้างความขัดแย้งมากที่สุด นั่นคือมาตรการ “แบ็คสต็อป” หรือแผนบริหารจัดการพรมแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือที่จะถอนตัวพร้อมกับสหราชอาณาจักร กับไอร์แลนด์ซึ่งจะยังเป็นสมาชิกอียูต่อไป

    เมย์ จะออกเดินทางไปบรัสเซลส์อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (7) เพื่อแจ้งให้ผู้นำอียูทราบว่า พวกเขาต้องยอมแก้ไขข้อตกลงเบร็กซิตในเรื่องแบ็คสต็อป หรือไม่ก็เตรียมเผชิญผลลัพธ์จากการที่อังกฤษถอนตัวอย่างไม่ราบรื่น

    ลอนดอนและบรัสเซลส์ยังถกเถียงกันอยู่ว่าข้อตกลงเบร็กซิตที่ทำไว้เมื่อเดือน พ.ย. นั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกหรือไม่ และมีความเป็นไปได้สูงที่เส้นตายเบร็กซิตอาจถูกเลื่อนออกไป ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ในนาทีสุดท้าย หรือไม่อังกฤษก็จะต้องถูกบีบให้ลาอียูแบบไร้ข้อตกลง

    https://mgronline.com/around/detail/9620000012926
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลยุทธ์ม้าไม้เมืองทรอย เลวจริงๆ ใช้วิธีการสกปรกไม่เลิก และไม่ควรใช้คุณธรรมมาบังหน้า เพื่อการกระทำอันไร้คุณธรรม กรรมจะต้องตามสนองแน่นอน

    ทหารเวเนฯ ปิดสะพานขวางการจัดส่ง “ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”
    เผยแพร่: 6 ก.พ. 2562 11:46 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001330201.jpg

    เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่ทหารของเวเนซูเอลาปิดกั้นสะพานบริเวณชายแดนติดโคลอมเบียก่อนที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะมาถึงเมื่อวานนี้ (5) ในขณะที่ผู้นำฝ่ายค้าน ฮวน กวยโด ยกระดับการท้าทายอำนาจของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร

    กลุ่มสมัชชาแห่งชาติเคยเตือนกองทัพซึ่งถือเป็นฐานอำนาจหลักของมาดูโรว่าอย่าข้ามเส้นแดงด้วยการปิดกั้นความช่วยเหลือ

    กวยโดซึ่งประกาศตนเป็นรักษาการณ์ประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 23 มกราคม จนทำให้เกิดวิกฤตระหว่างประเทศ อ้างว่า ประชาชนถึง 300,000 คนจะเผชิญความตาย หากไม่มีการจัดส่งความช่วยเหลือ

    “คุณรู้ว่ามีเส้นแดง คุณรู้ว่าดีถึงขีดจำกัด คุณรู้ว่ายา อาหาร และสิ่งจำเป็นทางการแพทย์คือขีดจำกัดนั้น” ส.ส. มิเกล ปิซาร์โร กล่าวในข้อความถึงกองทัพ

    ถึงกระนั้น มาดูโร กล่าวว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะเป็นการเบิกทางให้กับการรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ และยืนกรานว่า “จะไม่ปล่อยให้อะไรเข้ามาทั้งนั้น แม้แต่ผู้รุกรานเพียงคนเดียว”

    562000001330202.jpg


    เจ้าหน้าที่ทหารของเวเนซูเอลาใช้รถบรรทุกแก๊สและตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ปิดกั้นการเข้าถึงสะพานเตียนดิตาส ซึ่งเชื่อมเมืองคูคูตาของโคลอมเบียกับเวเนซูเอลา

    แฟรงคลิน ดูอาร์ตา ส.ส.ฝ่ายค้านจากรัฐชายแดนตาชิรา บอกกับเอเอฟพีว่า ทหารจากกองทัพกำลังปิดกั้นทางข้ามดังกล่าว

    การจัดส่งความช่วยเหลือกำลังถูกประสานงานโดยกวยโดซึ่งประกาศตนเป็นรักษาการณ์ประธานาธิบดีของประเทศรุ่มรวยน้ำมัน และตอนนี้กำลังได้รับการสนับสนุนจากประเทศราว 40 แห่งในฐานะผู้นำโดยชอบธรรมของเวเนซูเอลา

    มาดูโร วัย 56 ปี กล่าวหาสหรัฐฯ หลายครั้งว่าปลุกปั่นการรัฐประหาร

    สหรัฐฯ ซึ่งไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหารรุกรานเวเนซูเอลา เป็นประเทศแรกที่รับรองกวยโดเป็นรักษาการณ์ประธานาธิบดี ตามมาด้วยประเทศลาตินอเมริกาอีกหลายสิบประเทศ

    อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปนอยู่ในกลุ่ม 20 ชาติอียูที่สนับสนุนกวยโดในสัปดาห์นี้ หลังจากมาดูโรเพิกเฉยข้อเรียกร้องของพวกเขาที่ให้ประกาศการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์

    https://mgronline.com/around/detail/9620000012885
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ย้อนตำนาน ‘สงครามม้าไม้แห่งกรุงทรอย’ เรื่องจริงในประวัติศาสตร์หรือเป็นแค่จินตนาการ!?สิงหาคม 28, 2017

    [​IMG]
    ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้’ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของ ‘กรุงทรอย’

    troyct1.jpg
    SHUTTERSTOCK
    เมื่อปี ค.ศ. 1868 ‘ไฮน์ริช ชลีมันน์’ (Heinrich Schliemann) เขาคนนี้คือนักธุรกิจและนักโบราณคดีชาวเยอรมัน ที่ยอมลงทุนและลงแรงออกเดินทางตามหากรุงทรอยในตำนาน ด้วยความเชื่อที่ว่าเมืองแห่งนี้มีอยู่จริง! จนกระทั่งเขาได้พบกับซากเมืองโบราณในเขตของเมือง Canakkale เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี บริเวณช่องแคบดาร์ดะเนลส์ (Dardanelles) ซึ่งเป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างคาบสมุทร Gallipoli ที่แยกทวีปยุโรปกับทวีปเอเชียออกจากกัน และเชื่อกันว่านี่คือซากของกรุงทรอย หากแต่กรุงทรอยที่ชลีมันน์ค้นพบนั้นหาได้มีอาณาเขตใหญ่โตตามที่มหากาพย์อิเลียตกล่าวไว้ไม่ เป็นเพียงแค่ซากปรักหักพังของเมืองที่ถูกเผาทำลาย

    ส่วนตำนานที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘สงครามกรุงทรอย’ (Trojan War) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘สงครามม้าไม้’ นั้น เป็นการสู้รบกันระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกองทัพของชาวทรอยหรือชาวโทรจัน ชนวนเหตุของสงครามเกิดจากการที่ ‘เจ้าชายปารีส’ แห่งทรอย ได้ไปลักพาตัว ‘เจ้าหญิงเฮเลน’ ซึ่งเป็นชายาของ ‘พระเจ้าเมเนลาอุส’ กษัตริย์นครสปาร์ตาแห่งกรีก ซึ่งถือเป็นการหยามเกียรติและศักดิ์ศรีของ ‘พระเจ้าเมเนลาอุส’ เป็นอย่างมาก จึงได้เกิดสงครามแย่งชิงตัว ‘เจ้าหญิงเฮเลน’ ขึ้น มีการสู้รบกันเป็นเวลานานถึง 10 ปี ในที่สุดกองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการออกอุบายสร้างม้าไม้จำลอง หรือที่เรียกกันว่า ‘ม้าไม้เมืองทรอย’ ม้าไม้ขนาดใหญ่ยักษ์แต่ข้างในกลวงเพื่อที่จะได้ซ่อนทหารกรีกเอาไว้ภายในได้ แล้วมอบให้กับกรุงทรอยเสมือนเป็นของขวัญและเป็นนัยว่ากองทัพกรีกยอมแพ้ต่อกองทัพของชาวทรอยอย่างราบคาบ

    troyct.jpg
    SHUTTERSTOCK
    ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันต่างก็ดีใจที่สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว และได้ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมือง มีการเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ และเมื่อชาวทรอยทั้งหลายนอนหลับพักผ่อนกันอย่างสบายอกสบายใจอยู่นั้น ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันก็แอบออกมา และเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกที่ซุ่มอยู่ด้านนอกเข้ามาข้างใน และสุดท้ายกองทัพกรีกก็สามารถยึดเมืองทรอยได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังเผาทำลายเมืองทั้งเมืองทิ้งอีกด้วย

    เรื่องราวทั้งหมดนี้คือเรื่องราวในตำนานของกรีกโบราณ หากแต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากวีโฮเมอร์แต่งเรื่องนี้ขึ้นจากคำบอกเล่าหรือแต่งขึ้นจากจินตนาการของตัวเอง แต่ถึงอย่างไรเรื่องราวสงครามแห่งกรุงทรอยนั้นก็ยังเป็นที่กล่าวขานถึงมาโดยตลอด มีการนำเค้าโครงเรื่องมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ใครสนใจก็ไปหามาชมกันได้นะจ๊ะ

    เรียบเรียง : SpokeDark.TV
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Candy Bella

    IMG_8894.JPG
    ในบรรดากษัตริย์พม่าทั้งหมด พระนามของ พระเจ้าบุเรงนอง ผู้มีสมญาว่า ผู้ชนะสิบทิศ ดูจะเป็นที่คุ้นหูคนไทยมากที่สุด เรื่องราวของพระองค์ถูกเล่าขานในหลายรูปแบบ ตั้งแต่เป็นมหาราชผู้เกรียงไกรของพม่า ศัตรูผู้ชิงเอกราชของอโยธยา มหามิตรของพระมหาธรรมราชา และพระบิดาบุญธรรมของพระนเรศวร สุดท้ายคือ พระเอกรูปหล่อ ผู้เก่งกล้าในอมตะนิยาย ผู้ชนะสิบทิศ


    ทว่าพระราชประวัติที่แท้จริงของพระเจ้าบุเรงนองที่ถูกบันทึกไว้นั้น เป็นอย่างไรกันแน่... คำตอบที่ว่า (แม้อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด) สามารถหาอ่านได้จากบทความต่อไปนี้


    ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 (ต้นศตวรรษที่ 16) ดินแดนลุ่มน้ำอิรวะดีถูกแบ่งเป็นหลายแว่นแคว้น โดยแคว้นใหญ่ทั้งสี่ ได้แก่ ตองอูเกตุมวดี , โปรม (หรือแปร) , รัตนบุระอังวะและหงสาวดี โดยอังวะและแปรนั้นถูกปกครองโดยเชื้อสายชาวพม่าผสมไทยใหญ่ ส่วนหงสาวดีเป็นอาณาจักรของชาวมอญ ขณะที่ตองอูถูกปกครองโดยชาวพม่า


    พระเจ้าบุเรงนองทรงถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเรื่องชาติกำเนิดของพระองค์นั้นมีตำนานที่เล่ากันแพร่หลายว่า พระองค์เป็นบุตรของคนปาดตาล ที่หมู่บ้านงะสะยอก ในเขตเมืองพุกาม ในสมัยนั้นอาชีพคนปาดตาลถือว่ายากจน ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการปีนต้นตาลสูงขนาดตึกห้าหกชั้นและเอามีดปาดงวงตาลก่อนใช้กระบอกรองน้ำหวานที่ไหลออกมาจากงวงตาลเพื่อใช้ทำน้ำตาลสด หรือน้ำตาลปึก


    ส่วนมารดาของบุเรงนองนั้น ต่อมาได้ถูกเลือกให้เป็นพระนมของราชกุมารมังตรา พระโอรสของพระเจ้าเมงกะยินโยแห่งตองอู ทำให้บุเรงนองได้มีโอกาสติดตามมารดาเข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่ยังเล็ก


    นอกจากนี้ตำนานยังเล่าต่อด้วยว่า เมื่อครั้งเป็นทารกบุเรงนองถูกบิดาวางเอาไว้บนพื้นและมีปลวกมากมายมาไต่ทั่วตัว โดยที่ทารกน้อยยังหลับสบายไม่เป็นอะไร ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ จึงถูกตั้งชื่อว่า ชาเต หรือ จะเด็ด ในนิยายผู้ชนะสิบทิศ ซึ่งคำว่า จาเต็ดนี้ แปลว่า เจ้าปลวกไต่


    อย่างไรก็ตามในพงศาวดารพม่าฉบับอูกาลาที่เขียนขึ้นหลังการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง 121 ปี ระบุเป็นนัยว่า บุเรงนองมีเชื้อสายเกี่ยวดองกับราชวงศ์ตองอู โดยเกิดที่เมืองตองอู ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2058 บิดา มีนามว่า เมงจี สเว (Mengyi Swe) เป็นขุนนางของพระเจ้าตองอู


    นอกจากนี้ใน มหาราชวงศ์ศาวดารพม่าก็ระบุไว้ด้วยว่า บุเรงนองเป็นหนึ่งในพี่เลี้ยงทั้งเจ็ดของราชกุมารมังตรา ผู้ที่ภายหลังคือ พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ โดยพี่เลี้ยงทั้งเจ็ดนี้ถูกคัดเลือกมาจากบุตรหลานของเหล่าขุนนางและพระราชวงศ์ทั้งสิ้น


    สำหรับพระนามเดิมของพระเจ้าบุเรงนองนั้น นอกจากนาม ชาเตแล้ว ในหนังสือสารานุกรมของพม่ายังเขียนไว้ว่า ในวัยเยาว์บุเรงนองมีนามว่า เชงเยทุต ซึ่งแปลว่า เจ้าผู้ยอดกล้า


    ชาเต เติบโตในวังพร้อมกับราชกุมารมังตรา โดยมีฐานะเป็นพระพี่เลี้ยง ครั้นต่อมาเมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่ม พระเจ้าเมงกะยินโยยังได้พระราชทาน

    พระธิดานามว่า ตะขิ่นจี ให้แก่ชาเต อีกด้วย


    หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าเมงกะยินโย ในปี พ.ศ. 2073 ราชกุมารมังตรา ซึ่งมีพระชนมมายุเพียงสิบสามชันษา ได้สืบทอดราชสมบัติและทรงพระนามว่า เมงตยายาวที หรือพระเจ้าตะเบงชเวตี้

    ซึ่งแปลว่า สุวรรณเอกฉัตร


    เมื่อพระเจ้าตะเบงชเวตี้มีชันษาครบ 15 ชันษา พระองค์ต้องประกอบพิธีเจาะพระกรรณตามพระราชประเพณี ทว่าแทนที่จะประกอบพิธีในตองอู พระองค์กลับเสด็จไปยังพระธาตุมุเตาชานกรุงหงสาวดีในอาณาเขตรามัญประเทศ โดยขบวนของพระองค์ ประกอบด้วยพราหมณ์ 8 คนและอำมาตย์ 40 คน สำหรับประกอบพิธี ซึ่งในการเสด็จครั้งนี้ ชาเต ได้ทำหน้าที่คุมทหารม้า 500 นาย คุ้มกันขบวนเสด็จ


    ในครั้งนั้น พระเจ้าตากายุตปี (Takayutpi) กษัตริย์หงสาวดีทรงพิโรธที่พระเจ้าตะเบงชเวตี้อาจหาญนำไพร่พลเพียงห้าร้อยมาถึงชานเมืองหงสา จึงส่งพระยาลอ พระยาจาน คุมไพร่พลหนึ่งหมื่นมาจับพระองค์


    ทว่าพระเจ้าตะเบงชเวตี้กลับไม่หวั่นเกรงและให้อำมาตย์ประกอบพิธีเจาะพระกรรณจนเสร็จ จากนั้นก็ทรงนำทหารม้าตองอูทั้ง 500 นายตีฝ่าทัพมอญกลับออกไปถึงยังนครตองอูได้โดยปลอดภัย


    หลังการเหยียบจมูกหงสาวดีในครั้งนั้น ตะเบ็งชะเวตี้ก็เริ่มเปิดศึกกับชาวมอญอย่างเต็มที่ เพื่อหวังรวมแผ่นดินในลุ่มน้ำอิรวะดี โดยมี ชาเต ซึ่งเป็นทั้งพี่เขย พระพี่เลี้ยงและขุนพลคู่พระทัยเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญ


    สงครามระหว่างตองอูและหงสาวดีดำเนินมาหลายครั้งจนถึงปี พ.ศ. 2082 ทัพตองอูก็ยึดกรุงหงสาวดีได้ พระเจ้าตากายุทปีเสด็จหนีพร้อมไพร่พลแปดพันนายมุ่งหน้าไปยังเมืองแปรเพื่อขอพึ่ง พระเจ้านรบดี พันธมิตรของพระองค์ ในยามนั้น ฝ่ายตองอูรู้ดีว่า หากปล่อยให้ พระเจ้าหงสาวดีนำไพร่พลไปรวมกับทัพแปรได้แล้วจะกลายเป็นภัยใหญ่หลวง พระเจ้าตะเบงชะเวตี้จึงทรงนำทัพไล่ตาม โดยมีชาเตเป็นกองหน้า


    ชาเตนำไพร่พล 1,000 คนติดตามทัพพระเจ้าหงสาวดีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือมาถึงพื้นที่ซึ่งเรียกว่า นองโย ที่นักประวัติศาสตร์คาดว่า น่าจะอยู่บริเวณปากแม่น้ำอิรวะดี ก่อนถึงเมืองแปร โดยทัพของพระเจ้าตากายุทธปีแบ่งเป็นสองส่วนคือ ทัพบกและทัพเรือ

    ซึ่งทัพบกนั้นตั้งมั่นอยู่บนฝั่งแม่น้ำ ขณะที่ทัพเรืออยู่ในแม่น้ำ


    ชาเตตัดสินใจเข้าโจมตีโดยไม่สนใจพระบรมราชโองการของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ที่ให้รอทัพหลวงมาถึงก่อน ด้วยเห็นว่า หากมัวรอ จะเสียโอกาสและทำให้ข้าศึกหลบหนีได้ทัน

    ครั้นพอตกกลางคืน ชาเตจึงให้ทหารต่อแพข้ามแม่น้ำไป จากนั้นก็ทำลายแพทิ้งทั้งหมด เป็นเดิมพันว่าจะไม่ถอยทัพเด็ดขาด


    ชาเตแบ่งทหารเป็นสามกอง โดยตัวเขาคุมกองกลางและปีกซ้าย ส่วนแม่ทัพอีกนายคุมปีกขวา จากนั้นก็ยกเข้าตีทัพหงสาวดีโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันตั้งตัว ชาเตขี่ช้างชื่อ สเวละมาน เข้าชนกับพระยาทะละแพ้หลบหนีไป


    นอกจากนี้ยังสังหารแม่ทัพมอญได้อีกคนบนหลังช้างด้วย การเสียแม่ทัพทั้งสองนายพร้อม ๆ กัน ทำให้ทหารหงสาวดีส่วนใหญ่ยอมจำนน ส่วนพระเจ้าตากายุทปี แม้จะทรงนำกำลังส่วนน้อยหนีรอดไปได้ ทว่าก็ทรงถูกกองทหารตองอูที่ไล่ติดตามมา ปลงพระชนม์ในระหว่างทางก่อนถึงเมืองแปร


    ชัยชนะในศึกนองโยนี้ ทำให้ชาเตได้รับแต่งตั้งเป็น บาเยงนองดอ หรือ บุเรงนอง ซึ่งแปลว่า พระเชษฐากษัตริย์ และถือเป็นผู้เดียวในประวัติศาสตร์พม่าที่ได้รับตำแหน่งนี้


    หลังชนะศึกนองโยแล้วพระเจ้าตะเบงชเวตี้ได้เสด็จมาประทับยังกรุงหงสาวดี และใช้เป็นเมืองหลวงใหม่ของอาณาจักรตองอู และนับแต่นั้นมาผู้คนทั้งหลายก็เรียกขานพระนามของพระองค์ว่า พระเจ้าหงสาวดีตะเบงชเวตี้หรือบ้างก็เรียกว่า พระเจ้าหงสาเกตุมวดี และเรียกอาณาจักรของพระองค์ว่า หงสาวดี


    ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2084 หลังจากที่ได้กรุงหงสาวดีและหัวเมืองมอญโดยรอบไว้ในอำนาจทั้งหมดแล้ว พระเจ้าตะเบงชเวตี้ได้ยาตราทัพไปตีเมาะตะมะซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ฝ่ายใต้ของมอญ โดยมีบุเรงนองเป็นแม่ทัพใหญ่ ในยามนั้น อุปราชสอพินยา เจ้าเมืองเมาะตะมะได้เตรียมการป้องกันเมืองอย่างเข้มแข็งและได้ว่าจ้างทหารโปรตุเกสจำนวนมากเป็นกำลังเสริม ทำให้การโจมตีของกองทัพหงสาวดีไม่ประสบความสำเร็จ


    บุเรงนองจึงเปลี่ยนกลยุทธ์โดยให้ตั้งค่ายล้อมเมืองอย่างแน่นหนาและส่งกองเรือไปปิดปากน้ำเมืองเมาะตะมะ ทัพหงสาวดีล้อมเมาะมะตะทั้งทางบกและทางน้ำนานถึง 7 เดือน จนในเมืองเกิดจลาจลเนื่องจากขาดแคลนเสบียงอาหารและเมื่อหมดหนทางรักษาเมืองไว้ได้ อุปราชสอพินยา เจ้าเมืองเมาะตะมะก็ทรงยอมจำนนและถูกจับเป็นเชลย


    หลังยึดเมาะตะมะแล้วบุเรงนองได้ตามเสด็จพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ไปทำศึกกับเมืองแปร โดยระหว่างที่ทัพตองอูล้อมเมืองแปรอยู่นั้น ทางกรุงอังวะและยะข่าย พันธมิตรของแปรได้ส่งทัพมาตีกระหนาบ บุเรงนองนำทัพไปซุ่มโจมตีทัพอังวะจนแตกพ่ายและส่งกำลังไปสกัดกองทัพยะข่ายจนต้องล่าถอยไป


    ครั้นเมื่อแปรสิ้นพันธมิตร กองทัพตองอูก็สามารถยึดเมืองได้สำเร็จ จากนั้น พระเจ้าตะเบงชะเวตีก็ยกทัพไปตีอังวะและได้ชัยชนะทำให้กรุงอังวะยอมเป็นประเทศราช


    เมื่อปราบปรามหัวเมืองในลุ่มน้ำอิระวดีได้แล้ว พระเจ้าตะเบงชะเวตี้จึงทรงยกทัพไปตียะข่ายหรือแคว้นอาราคาน ทว่าในระหว่างที่ทัพตองอูกำลังล้อมเมืองมะรอคอู หรือ กรุงธัญญวดี เมืองหลวงของยะข่ายอยู่นั้นก็มีข่าวว่า อโยธยาส่งทัพมาโจมตีเมืองทวาย ซึ่งเป็นเมืองประเทศราชของพระองค์ พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ จึงให้บุเรงนองนำทัพส่วนหนึ่งไปช่วยเมืองทวาย โดยบุเรงนองได้ตีกองทัพอโยธยาแตกพ่ายและจับตัวแม่ทัพอโยธยามาได้


    หลังจากสงบศึกโดยยะข่ายยอมอ่อนน้อมแล้ว ในปีพ.ศ. 2091 พระเจ้าตะเบงชะเวตี้จึงจัดทัพใหญ่ยกมาตีกรุงศรีอโยธยา โดยในพงศาวดารพม่าระบุว่ามีไพร่พล 150,000 คน ส่วนของไทยกล่าวว่า มีถึง 300,000 คน


    ในสงครามครั้งนี้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้นำทัพหลวงออกมาหยั่งเชิงศึกที่ทุ่งมะขามหย่อง โดยมีพระสุริโยทัย อัครมเหสีตามเสด็จมาด้วย ทัพอโยธยาปะทะกับทัพหงสาวดี ทำให้พระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์


    ต่อมาหลังจากล้อมกรุงศรีอโยธยาได้ไม่นาน กองทัพฝ่ายเหนือของอโยธยาได้ยกลงมาช่วย ประกอบกับเสบียงในกองทัพเริ่มขาดแคลน ทำให้พระเจ้าตะเบงชะเวตี้จำต้องถอยทัพกลับ


    ในการถอยทัพนี้เอง บุเรงนองได้คุมกองหลังแต่งกลศึกซุ่มโจมตีกองทัพอโยธยาที่ไล่ตามมาจนแตกพ่ายและจับตัวพระมหาธรรมราชา เจ้านครฝ่ายเหนือและพระราเมศวร พระราชโอรสของพระมหาจักรพรรดิได้ ทำให้อโยธยาต้องขอสงบศึก


    โดยฝ่ายอยุธยาต้องมอบช้างศึกสามสิบเชือกและเงินแท่งสามร้อยชั่งพร้อมภาษีปากเรือที่เก็บได้จากเมืองมะริดให้กับฝ่ายหงสาวดี เป็นการแลกเปลี่ยนกับพระราเมศวรและพระมหาธรรมราชา จากนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเลิกทัพกลับไป


    อย่างไรก็ตามการที่ไม่อาจพิชิตอโยธยาได้อย่างเด็ดขาดทำให้หัวเมืองต่าง ๆ เริ่มคิดกระด้างกระเดื่อง ประกอบกับพระเจ้าตะเบงชเวตี้ทรงหันไปหมกหมุ่นแต่กับการดื่มน้ำจันทน์ โดยไม่สนใจราชกิจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง จนเกินการจลาจลขึ้นโดยสมิงทอราม อนุชาของพระเจ้าตากายุตปีได้รวบรวมกำลังก่อกบฏที่เมาะตะมะ บุเรงนองได้นำทัพไปปราบ


    ครั้นเมื่อบุเรงนองออกจากหงสาวดีไปแล้ว สมิงสอตุดกรมวังได้วางแผนก่อกบฏโดยปล่อยข่าวว่ามีคนพบช้างเผือกอยู่ในราวป่านอกกรุงหงสาวดี ทำให้พระเจ้าตะเบงชเวตี้เกิดความสนพระทัยและเสด็จออกจากเมืองไปคล้องช้าง


    จากนั้น สมิงสอตุดก็ใช้โอกาสที่พระเจ้าตะเบงชเวตี้ประทับอยู่ในป่านำกำลังทหารมอญเข้าล้อมพลับพลาและปลงพระชนม์พระองค์ด้วยดาบ การสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าตะเบงชเวตี้ทำให้อาณาจักรล่มสลายในชั่วข้ามคืน เมืองต่าง ๆ แยกตนเป็นอิสระ ส่วนทางกรุงหงสาวดีนั้น สมิงสอตุดได้นำกำลังเข้ายึดเมืองเอาไว้ แต่ก็เกิดขัดแย้งกับสมิงทอรามที่ยกทัพมาจากเมาะตะมะและถูกอีกฝ่ายหนึ่งสังหาร จากนั้นสมิงทอรามก็ขึ้นครองราชสมบัติกรุงหงสาวดี


    ในเวลานั้นบุเรงนองกลายเป็นแม่ทัพที่ไร้ที่มั่นและจำต้องถอยทัพจากเมาะตะมะกลับไปตองอูซึ่งน้องชายของตนดูแลอยู่ จากนั้นเขาได้ใช้ตองอูเป็นที่มั่นและนำทัพเข้าปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ


    จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2096 หลังปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วลุ่มน้ำอิระวดีได้แล้ว บุเรงนองได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ก่อนเสด็จยกทัพมาตีกรุงหงสาวดีและปลงพระชนม์สมิงทอรามกลางสนามรบ หลังจากนั้นจึงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง


    หลังจากครองราชย์ที่หงสาวดี พระเจ้าบุเรงนองได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่โดยขยายพื้นที่จากกรุงหงสาวดีเดิม พร้อมกันนั้นก็ทรงแผ่แสนยานุภาพไปยังหัวเมืองในแคว้นไทใหญ่และล้านนา จนถึงปี พ.ศ. 2101 พระองค์ได้ล้านนาและหัวเมืองไทใหญ่ทั้งหมดไว้ในอำนาจ


    ในการขยายอำนาจของบุเรงนอง หลังจากยึดเมืองได้พระองค์จะกวาดต้อนผู้คนไปครึ่งหนึ่งโดยอีกครึ่งที่เหลือนั้น

    จะทรงแต่งตั้งเจ้านายชาวพื้นเมืองให้ปกครองต่อในฐานะประเทศราชของหงสาวดี นอกจากยังทรงผูกญาติกับเจ้าเมืองเหล่านั้น โดยการนำพระราชธิดาของเจ้าเมืองประเทศราชมาเป็นพระชายา ทั้งยังทรงให้นำเอาพระราชโอรสของเจ้าเมืองเหล่านั้นมาเลี้ยงดูยังกรุงหงสาวดีด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่า เมืองเหล่านั้นจะไม่กล้าทรยศต่อหงสาวดี


    การแผ่อำนาจเข้าไปในล้านนา ทำให้หงสาวดีขัดแย้งกับล้านช้าง พันธมิตรเก่าของล้านนา โดยหลังจากพระเจ้าบุเรงนองเสด็จกลับจากล้านนา พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง ได้ทรงนำทัพมาชุมนุมพลยังเชียงแสนทำให้พระเจ้าบุเรงนองต้องส่งกองทัพไปขับไล่ทัพล้านช้างออกไป


    หลังปราบปรามความไม่สงบในล้านนาได้แล้ว พระเจ้าบุเรงนองได้หันมาสนพระทัยอโยธยา โดยทรงทราบข่าวว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงได้ช้างเผือกมาถึง 7 เชือก พระองค์จึงให้ทูตมาทูลขอ ช้างเผือกสองเชือก ซึ่งหากอโยธยายอมส่งมอบให้ก็เท่ากับว่ายอมเป็นประเทศราชของหงสาวดี เนื่องจากในสมัยโบราณ

    อาณาจักรที่มีฐานะเสมอกัน จะไม่ยอมมอบช้างเผือกของตนให้อีกฝ่าย


    เมื่ออโยธยาปฎิเสธคำขอ พระเจ้าบุเรงนองจึงเกณฑ์รี้พลถึงห้าแสนคนเข้ารุกราน ซึ่งสงครามครั้งนี้ถูกเรียกว่า "สงครามช้างเผือก"


    โดยแม้ว่าในครั้งนี้ ทัพหงสาวดีจะไม่อาจยึดกรุงศรีอโยธยาได้โดยสมบูรณ์ แต่หงสาวดีก็สามารถยึดเมืองพระพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือได้ทั้งหมด ทั้งยังทำให้อโยธยาต้องขอเจรจาหย่าศึก


    พระเจ้าบุเรงนองทรงยื่นเงื่อนไขให้อโยธยาส่งมอบช้างเผือกสี่เชือก มากกว่าจากที่เคยขอไว้สองเชือก และทุกปี อโยธยาต้องส่งเงินแท่ง 300 ชั่ง ช้างศึก 30 เชือก รวมทั้งภาษีอากรทั้งหมดจากมะริด ตะนาวศรี ให้กับทางหงสาวดี และที่สำคัญคือ ทางอโยธยาต้องให้พระราเมศวร องค์รัชทายาทของอโยธยาไปประทับยังหงสาวดี ในฐานะองค์ประกันด้วย


    ทางอโยธยาไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมรับทุกเงื่อนไข นอกจากนี้พระเจ้าบุเรงนองยังได้นำ พระนเรศ โอรสของพระมหาธรรมราชา เจ้าครองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือไปยังหงสาวดีในฐานะองค์ประกันอีกด้วย


    ... หลังสงครามช้างเผือก...


    ล้านนาได้ก่อกบฎขึ้นแต่ก็ถูกปราบได้อย่างง่ายดาย จากนั้นพระเจ้าบุเรงนองได้เสด็จนำทัพพร้อมอุปราชมังไชยสิงห์พระโอรสองค์ใหญ่ที่ประสูติแต่พระนางตะขิ่นจีอัครมเหสีของพระองค์ ไปทำศึกกับล้านช้าง กองทัพหงสาวดีสามารถตีเวียงจันทน์ เมืองหลวงของล้านช้างได้ ทว่าเกิดความวุ่นวายที่กรุงหงสาวดี

    เนื่องจากเชลยชาวไทใหญ่หลายพันคนที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งบ้านเรือนอยู่นอกเมืองก่อการจลาจลจะยกกำลังเข้าเผากรุงหงสาวดี ทำให้บุเรงนองต้องเสด็จไประงับเหตุ และให้มังไชยสิงห์อยู่ทำศึกกับล้านช้างต่อ


    พระเจ้าบุเรงนองทรงปราบพวกก่อความวุ่นวายได้ และรับสั่งให้นำตัวเชลยที่ก่อเหตุทั้งหมดไปประหารด้วยการเผาทั้งเป็น ขณะเดียวกันทางด้านล้านช้าง ทัพหงสาวดีก็ถูกกองทัพของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชคอยก่อกวนซุ่มโจมตีจนไม่อาจตั้งมั่นอยู่ได้และต้องล่าถอยกลับมา


    ใน ปี พ.ศ.2111 พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบเรื่องจากพระมหาธรรมราชา ซึ่งยามนั้นกลายเป็นพันธมิตรลับ ๆ ของพระองค์ว่า อโยธยาจะผูกมิตรกับล้านช้างโดยส่งพระเทพกษัตรี พระธิดาองค์สุดท้องของพระมหาจักรพรรดิและพระสุริโยทัยไปเป็นพระมเหสีของพระไชยเชษฐาธิราช พระเจ้าบุเรงนองจึงส่งกองทหารไปดักโจมตีขบวนเสด็จของพระเทพกษัตรีและนำพระนางกลับมาเป็นพระมเหสีของพระองค์ที่หงสาวดี

    เรื่องทั้งหมดเป็นเหตุให้ล้านช้างกับอโยธยาร่วมมือกัน ยกทัพมาตีพิษณุโลก แต่พระมหาธรรมราชาได้ขอความช่วยเหลือจากหงสาวดี จนทำให้ทัพล้านช้างและอโยธยาต้องพ่ายแพ้กลับไป


    พระเจ้าบุเรงนองทรงถือว่า พิษณุโลกเป็นประเทศราชของหงสาวดี การที่อโยธยาร่วมมือกับล้านช้างมาทำดังนี้จึงเท่ากับประกาศศึกกับหงสาวดี ดังนั้นพระองค์จึงจัดทัพใหญ่มีรี้พลกว่าห้าแสนนายมาตีกรุงศรีอโยธยา


    ในระหว่างทัพหงสาวดียกมาตีพระนครนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้สิ้นพระชนม์ลง พระมหินทร์ โอรสองค์รองของพระมหาจักรพรรดิขึ้นครองราชย์แทน และทำสงครามปกป้องอโยธยาจากทัพหงสาวดีอย่างเข้มแข็ง พระเจ้าบุเรงนองจึงทรงใช้กลอุบายส่งพระยาจักรีไปเป็นไส้ศึกทำให้สามารถยึดกรุงศรีอโยธยาได้ สมเด็จพระมหินทราธิราชทรงถูกจับและนำพระองค์ไปไว้ยังหงสาวดีก่อนสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา


    หลังเสร็จศึกกับอโยธยา พระเจ้าบุเรงนองได้เสด็จยกทัพไปทำศึกกับล้านช้างต่อ ทว่าการขาดแคลนเสบียงและความยากลำบากในการเดินทัพรวมทั้งการที่พระไชยเชษฐาธิราชทรงนำทัพต่อต้านกองทัพหงสาวดีอย่างเข้มแข็ง ทำให้พระเจ้าบุเรงนองต้องยกทัพกลับ


    ต่อมา ในปี พ.ศ. 2117 หลังทรงทราบข่าวว่าพระไชยเชษฐาธิราชทรงหายสาปสูญไประหว่างทำศึกกับกรุงละแวก (เขมร) พระเจ้าบุเรงนองจึงทรงถือโอกาสนี้ยกทัพมาตีล้านช้างและได้รับชัยชนะในที่สุด เมื่อยามที่ได้ชัยชนะเหนือล้านช้างนั้น พระเจ้าบุเรงนองทรงมีพระชนมายุได้ 59 พรรษา


    เมื่อเสร็จศึกล้านช้างพระเจ้าบุเรงนองได้ทรงสร้างความมั่นคงให้กับอาณาจักร โดยการสร้างเมืองหน้าด่านชื่อ เมือง กะเล ทางทิศตะวันตกและเมือง อมราวดี ทางทิศตะวันออก เพื่อดูแลประเทศราชทั้งหลายและเข้าควบคุมเมืองประเทศราชที่สำคัญ ๆ ด้วยการส่งพระโอรสและพระญาติสนิทไปปกครอง

    เช่น กรณีเมืองเชียงใหม่ที่ทรงให้ เมงนรธาสอ พระโอรสของพระองค์ไปปกครอง และเมืองอังวะที่ให้พระชามาดา (ลูกเขย) ไปปกครอง เป็นต้น


    สงครามครั้งสุดท้ายของพระเจ้าบุเรงนอง คือ การส่งทัพไปปราบกบฎที่ยะข่ายใน พ.ศ. 2124 ทว่าระหว่างที่กองทัพหงสาวดีเดินทางไปยะข่ายนั้น พระเจ้าบุเรงนองก็เสด็จสวรรคตที่กรุงหงสาวดีขณะทรงมีพระชนมายุได้ 66 พรรษา ทำให้กองทัพทั้งหมดต้องถอยกลับ จากนั้น อุปราชมังไชยสิงห์ พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง


    และในรัชสมัยของพระเจ้านันทบุเรงนี้เองที่ความยิ่งใหญ่ของมหาอาณาจักรหงสาวดี ซึ่งพระเจ้าบุเรงนอง ผู้ชนะสิบทิศได้สร้างเอาไว้ ต้องถูกท้าทายจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจอมราชันย์หนุ่มผู้เหี้ยมหาญแห่งอโยธยา จนนำไปสู่ความล่มสลายของหงสาวดีในกาลต่อมา


    ที่มา :https://tjstudio2017.blogspot.com/2017/10/set-226.html?m=1


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว ยินดีกับผู้ปกครองทุกท่านค่ะ!! ล่าสุด ครม.มีมติคุมเข้ม ห้ามโรงเรียนรับ #แป๊ะเจี๊ยะ เลิกโควตาพิเศษสมาคมครู/ผู้ปกครอง แถมให้โรงเรียนเปิดเผยข้อมูลรายรับ-รายจ่ายเงินผู้บริจาค เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริต


    ในกรณีที่สถานศึกษาหรือผู้มีอำนาจของสถานศึกษา ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อให้มีการดำเนินการลงโทษอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียน


    Source : posttoday - https://bit.ly/2I4BXz4 // matichon - https://bit.ly/2t5tt0t


    โดยเรื่องนี้ พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เสนอ


    ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริต


    นอกจากนี้ ให้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับ #การให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้าน และทุกสถานศึกษาต้องแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียดการเก็บเงินบำรุงการศึกษาให้ผู้ปกครองนักเรียนได้รับทราบไว้โดยชัดเจน โดยจะเป็นมาตรการป้องกันมิให้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาเกินอัตราที่กำหนด


    ขณะเดียวกัน ยังรวมถึงให้มีการประกาศ #ห้ามมิให้สถานศึกษาดำเนินการเอื้อประโยชน์ โดยให้สิทธิพิเศษหรือโควตาแก่สมาคมผู้ปกครองและครู สมาคมศิษย์เก่า หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการศึกษาของแต่ละสถานศึกษา ในลักษณะที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการ #ฝากเด็กเข้าเรียน หรือในลักษณะการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน


    อนึ่ง พ.อ.อธิสิทธิ์ยังกล่าวต่อไปอีกด้วยว่า ขณะที่ข้อเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ ปปช.เห็นควรให้มีการสุ่มตรวจสอบรายได้ของสถานศึกษา #ทั้งก่อนและหลังช่วงเวลาการรับนักเรียน โดยเฉพาะการตรวจสอบ #เงินบริจาคของสถานศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูงเป็นประจำทุกปี และเปิดเผยข้อมูลรายรับรายจ่ายของแต่ละสถานศึกษา รวมถึงการลงโทษอย่างเคร่งครัดในกรณีที่สถานศึกษาหรือผู้มีอำนาจของสถานศึกษาไม่ปฏิบัติตามระเบียบ


    สำหรับแนวปฏิบัติในการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ 7 ข้อที่ถูกยกเลิกตามความเห็นชอบของ ครม.ครั้งนี้นั้น เดิมทีถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 โดยวางระเบียบไว้ดังนี้


    ▪️นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย


    ▪️รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษตามข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน


    ▪️เด็กยากไร้ เด็กด้อยโอกาส หรือเด็กพิการ


    ▪️บุตรของผู้เสียสละเพื่อชาติ


    ▪️บุตรของข้าราชการครู หรือบุคลากรในโรงเรียนแต่ไม่ครอบคลุมถึงหลานและญาติ


    ▪️รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนา


    ▪️รับนักเรียนของผู้ทำคุณประโยชน์ให้โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง.


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กฟผ.เผยนำน้ำมันปาล์มดิบผลิตไฟฟ้าตามแผน มีผู้ยื่นเสนอขาย 32 ราย
    554145.jpg
    Publisher : 6 February 2019

    นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยว่า การนำน้ำมันปาล์มดิบ(CPO)มาเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นไปตามแผน สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มเดินเครื่องจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อทดสอบการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแล้ว จำนวน 9,000 ตันและจะรับซื้อจนครบจำนวน 160,000 ตัน โดยกรมการค้าภายใน(คน.) เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดหาผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. ซึ่งระบุว่า จะต้องมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย และเป็นผู้มีความสามารถในการขนส่ง เก็บรักษา และส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้กับ กฟผ.ซึ่งปัจจุบันมีผู้ยื่นเสนอขาย 32 ราย

    0124-503x283.jpg
    กฟผ.ให้ความสำคัญกับการรับซื้อ โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กฟผ.ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน พลังงานจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ติดตามการซื้อขายผลทะลายปาล์มตามลานเทต่างๆในพื้นที่ จ.ชุมพร เช่น ลานเทขวัญจิตร ลานเทหนองเนียน ปาล์มทอง และ จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ ลานเทเสวียด พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่รับทราบและมีความเข้าใจในการรับซื้อปาล์มน้ำมันเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นอย่างดี โดยเกษตรกรจะเตรียมสมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว) หรือใช้ใบรายงานผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาด้วยทุกครั้งที่มาขายผลปาล์ม และนิยมขายผลปาล์มกับโรงงานสกัดที่เป็นผู้เสนอขายให้กับ กฟผ. โดยตรง เนื่องจากจะได้ราคาสูงกว่าการขายให้ลานเท แต่หากมีระยะทางไกลและผลปาล์มไม่มากก็จะขายผลปาล์มให้กับโรงสกัด ด้านบริษัทเจริญน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันปาล์มเจ้าแรกที่ กฟผ. รับซื้อก็ดำเนินการตามขั้นตอนหลังจากการรับซื้อผลปาล์มตามเงื่อนไข โดยบริษัทจะรายงานและส่งเอกสารให้พาณิชย์จังหวัด ได้แก่ บันทึกการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร สมุดทะเบียนเกษตรกร(เล่มเขียว) ใบชั่งน้ำหนัก(ซื้อขาย) สำเนาบัตรประชาชน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน

    “กฟผ. มีความตั้งใจแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำด้วยการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ผลิตไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ตามที่กรมการค้าภายในกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบ พร้อมทั้งดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ด้วยความโปร่งใส ขอให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างเต็มความสามารถ”


    http://m.thansettakij.com/content/385299
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระทรวงต่างประเทศ แถลง ไทยคงไม่ยุ่ง "ฮาคีม" หากไม่ใช่ Interpol ของออสเตรเลีย แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงแต่แรก #NationTV

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เฮลิคอปเตอร์ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรตกภายในสนามบินเกษตร จ.นครสวรรค์ ทำให้ไฟลุกเผาเสียหาย ต้องใช้รถน้ำ 2 คัน จาก อบต.นครสวรรค์ ดับเพลิงไหม้จนสงบ นักบินฝึกบินพร้อมช่างเครื่องได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #Volcano

    ภาพดาวเทียม ลาวาไหลจากปล่องภูเขาไฟ Karangetang เมื่อวันที่3 กุมภาพันธ์ 2019


    อย่างน้อย 22 คน ต้องให้อพยพในวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 หลังจากลาวา ไหลจากภูเขาไฟบนเกาะเสยูทางตอนเหนือของเกาะสุลาเวสีเหนือของอินโดนีเซียไปถึงแม่น้ำมาบูเลใกล้หมู่บ้านบาตูบูลาน


    Lava flow produced by Mount Karangetang on February 3, 2019. Image credit: ESA/Sentinel-2

    #Watchers


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ชิลี



    น้ำท่วมแม่น้ำในภาคเหนือของชิลี ทำให้เกิดกระแสน้ำที่รุนแรงมากเนื่องจากเกิดพายุรุนแรงในภูเขา


    พวกเขารายงานว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นตามมาในอีก ไม่กี่วันข้างหน้า


    สำนักงานฉุกเฉินแห่งชาติ (Onemi) ประกาศว่า มีการคาดว่าจะเกิดปริมาณน้ำฝนปานกลางถึงมาก ในวันจันทร์ในบริเวณเชิงเขาและภูเขาของภูมิภาคของ Arica และ Parinacota, Tarapacáและ Antofagasta ซึ่งอาจทำให้เกิดตะกอนในภาคเหล่านั้น
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    ชิลี



    ฝนตกหนักในบ่ายวันนี้แม่น้ำมามินาไหลล้นทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงกับผู้คน


    บ้านถูกน้ำท่วม กระแสน้ำทำลายล้างทุกอย่างทำให้เกิดความเสียหายต่อเมือง ..ในภูมิภาค Tarapacá
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    ชิลี



    พายุที่รุนแรง ทำให้เกิดฝนตกหนักใน Chusmiza, Tarapacá บ่ายนี้ 5 กุมภาพันธ์
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    MEXICO



    กองคาราวานของแรงงานข้ามชาติที่เดินทางมาถึงชายแดนเม็กซิกันใน Piedras Negras บ่น


    ด้วยผู้อพยพ 2,500 คนที่มาถึง Piedras Negras ทางตอนเหนือของเม็กซิโกพวกเขาเริ่มบ่นและพบว่าตัวเองอยู่ในที่พักพิง ในขณะที่พวกเขาสามารถขอลี้ภัยทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาในคืนวันที่ 4 มกราคม
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อินโดนีเซีย



    พายุที่กำลังเข้าสู่ Palangka Raya เมืองหลวง จังหวัดกาลิมันตัน (Kalimantan) ประเทศอินโดนีเซียวันนี้วันที่ 6 มกราคม
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo


    หลังจากหลายสัปดาห์ของคลื่นความร้อนในออสเตรเลีย ตอนนี้เกิดน้ำท่วมสูงได้ที่แม้แต่จระเข้ก็เดินไปตามถนนว้าว


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โพสต์ทูเดย์


    นักวิทย์นาซา ลงพื้นที่สำรวจเกาะแห่งใหม่นอกชายฝั่งตองกา ผุดขึ้นจากภูเขาไฟใต้ทะเล คาดคงอยู่นาน 30 ปี


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1549428992604-960x0.jpg

    ซีเอ็นเอ็นจับผิดทรัมป์แถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา ต่างประเทศ 6 ก.พ. 2019 11:56:39

    วอชิงตัน 6 ก.พ.- ซีเอ็นเอ็นตรวจสอบเนื้อหาในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา (State of the Union address) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องอาชญากรรมที่เกิดจากคนลอบเข้าเมืองและผลงานทางเศรษฐกิจเมื่อค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันพุธตามเวลาในไทย

    ประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเชิญครอบครัวผู้ถูกคนลอบเข้าเมืองฆาตกรรมมาร่วมฟังการแถลงนโยบายเป็นปีที่สองอ้างว่า ปีแล้วปีเล่าชาวอเมริกันถูกคนลอบเข้าเมืองฆาตกรรมนับไม่ถ้วน ซีเอ็นเอ็นแย้งว่า สำนักงานสถิติด้านยุติธรรมของสหรัฐไม่ได้แยกแยะสัญชาติผู้ถูกจับกุมจึงไม่มีข้อมูลอ้างอิงได้ว่าผู้ลอบเข้าเมืองก่ออาชญากรรมมากน้อยเพียงใด ผลการศึกษาข้อมูลในรัฐเทกซัสปีก่อนพบว่า ผู้เข้าเมืองไม่ว่าถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายถูกตัดสินว่าก่ออาชญากรรมน้อยกว่าคนอเมริกันโดยกำเนิด ขณะที่ผลการศึกษาอื่น ๆ พบว่า เหตุฆาตกรรม ข่มขืน ปล้น และทำร้ายร่างกายสาหัสไม่ได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ลอบเข้าเมืองที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2533 นอกจากนี้ยังพบว่า วัยรุ่นลอบเข้าเมืองก่อเหตุอาชญากรรมน้อยกว่าวัยรุ่นเข้าเมืองถูกกฎหมายและวัยรุ่นอเมริกัน

    ส่วนเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่า ช่วงสองปีที่เข้ามาบริหารประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ทรัมป์อ้างได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาขึ้นบริหารประเทศในช่วงท้ายของการฟื้นตัวยาวนานจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ปี 2552 ซึ่งมีการสร้างงานมาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลบารัค โอบามาสมัยที่สองมีการจ้างงานใหม่เฉลี่ย 217,000 ตำแหน่งต่อเดือน ขณะที่รัฐบาลทรัมป์มีการจ้างงานใหม่เฉลี่ย 203,000 ตำแหน่งต่อเดือน ส่งผลให้อัตราว่างงานรวมแตะระดับต่ำสุดนับจากปี 2512 และรัฐบาลทรัมป์มีการจ้างงานใหม่ทั้งหมด 4.87 ล้านตำแหน่ง ไม่ใช่ 5.3 ล้านตำแหน่งตามที่เขากล่าวอ้าง ส่วนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางการท้องถิ่นขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่เกี่ยวกับประธานาธิบดี นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจสหรัฐโตขึ้นร้อยละ 4.2 ในไตรมาสสองของปีก่อนส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลกลางเพิ่มงบกลาโหมและลดภาษีนิติบุคคลลงอย่างมาก จากนั้นเศรษฐกิจก็ขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 3.4 ในไตรมาสต่อมา.- สำนักข่าวไทย


    https://www.tnamcot.com/view/omRnE6K
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_8907.JPG
    #Earthquake

    06/02/19

    17:25 น. ตามเวลาไทย

    แผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 123.8กม.

    พิกัด 120.42°E 15.46°N

    เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์


    https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000je43/executive

    #Watchers


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    // พบซากฉลามวาฬยักษ์เกยชายฝั่งสตูล //


    06/02/19

    สตูล - จนท.ส่วนอนุรักษ์ฯ ทางทะเลพิสูจน์ซากฉลามวาฬยักษ์ หนัก 2 ตัน สัตว์ทะเลคุ้มครองเกยชายฝั่งเกาะบุโหลน-สตูล เบื้องต้นไม่พบบาดแผล และส่งชิ้นเนื้อให้ศูนย์วิจัยฯ ภูเก็ตตรวจหาสาเหตุการตาย


    นายวิทยา ขุนสัน หัวหน้าชุดปฏิบัติงานทางทะเล ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 (สอท.สบทช.10) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จ.สตูล พบซากสัตว์ทะเลหายากอยู่บริเวณระหว่างอ่าวพังกาใหญ่ เกาะบุโหลนเล พิกัด E 5587716 N 755420 และได้นำซากดังกล่าวเข้ามาไว้ที่เกาะบุโหลนไม้ไผ่ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานตรวจตราทางทะเลพื้นที่ จ.สตูล จึงนำเรือทรัพยากรฯ 306 เข้าตรวจสอบพบว่าซากฉลามวาฬ ขนาดลำตัวยาว 8.80 เมตร รอบลำตัว 4 เมตร เพศผู้ น้ำหนักประมาณ 2 ตัน สภาพเริ่มเน่า ไม่พบร่องรอยบาดแผล คาดว่าตายมาไม่น้อยกว่า 3-5 วัน พร้อมกันนี้ได้ส่งชิ้นเนื้อให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ตรวจพิสูจน์หาสาเหตุ ส่วนซากฉลามวาฬได้ฝังกลบในพื้นที่


    นายวิทยา กล่าวว่า ฉลามวาฬ เป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 จึงมีสมญาว่า "ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล" ที่นักดำน้ำทุกคนอยากพบ เนื่องจากฉลามวาฬไม่ดุร้าย พร้อมฝากถึงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเรือประมงและนักท่องเที่ยวช่วยกันดูแลอนุรักษ์สัตว์ทะเล.

    Cr:mcot #Watchers


     

แชร์หน้านี้

Loading...