ติดตามสถานะการณ์

เสกสม แจ้งจิต

อีสานล่าง ระวังฝนตกเพิ่ม !!

แบบจำลอง WRF ROMS Model ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ตาวจพบร่องมรสุม กำลังจะพาดผ่านภาคกลางและอีสานตอนล่าง ในระยะนี้ โดยจะทำให้ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคอีสานตอนล่าง มีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี ที่เป็นศูนย์รวมน้ำอยู่ในตอนนี้

Cr.สสน.

 

เสกสม แจ้งจิต

ทำไม .. อุบลฯ ยังอ่วม !!

สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) เผยเส้นทางลำน้ำในภาคอีสาน พบ แทบทุกสายที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง มุ่งหน้าไหลลงแม่น้ำโขง ผ่าน จ.อุบลราชธานี ซึ่งสภาพนี้จะทำให้จังหวัดอุบลราชธานี ถูกน้ำท่วมขังต่อไปอีกระยะ และหากน้ำในลำน้ำตอนบนเริ่มลดระดับต่ำกว่าตลิ่ง จะทำให้น้ำท่วมในเขต จ.อุบลราชธานี เริ่มทรงตัวและค่อยๆลดระดับลง คาดว่าจะยาวไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน นี้

Cr.สสน.

 

สถานการณ์น้ำท่วมอุบลฯอ่วม! แม่น้ำมูลระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง บางหลังท่วมถึงชั้นสอง

#Ch7HD #ช่อง7HD


สถานการณ์น้ำที่จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ติดตามจากคุณนันทิพัฒน์ โปธาปัน รายงานสดจากจังหวัดอุบลราชธานี
https://news.ch7.com/detail/363248?...NzTo3lXcqfKnBjnr0PrLexDK_tEfiAKXzrfTiLhyU6lLs

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

10:00 สถานีวัดน้ำ M.7
#สะพานเสรีประชาธิปไตย อุบลราชธานี
ระดับตลิ่งปกติ 7 เมตร รับน้ำได้ปริมาณ 2,300 m³/วินาที เวลานี้ระดับน้ำท่วมอยู่ที่ 10.89 เมตร ปริมาณ 5,145 m³/วินาที เท่ากับล้นตลิ่ง 3.89 เมตร ปริมาณเกินกว่าที่ลำน้ำจะรับได้ 2,845 m³/วินาที

 

บิ๊ก ปฐมพงศ์ อยู่ที่ เซนทรัลพลาซ่า อุบลฯ

สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 12 ก.ย.62 เวลา 09.00น
ในทางหลวงหมายเลข 231 ตอน ถนนวงแหวนรอบเมืองอุบลราชธานี ด้านทิศตะวันตก
ระหว่าง กม.4+000 -กม.8+000
ตั้งแต่สะพานมูลน้อย ถึงมูลใหญ่ น้ำหลากขึ้นท่วมคันทางขวาต้องปิดการจราจร เปิดให้รถวิ่งสวนทางที่คันทางซ้าย
โดยเฉพาะตั้งแต่การไฟฟ้า ถึงเซนทรัล คันทางซ้ายเหลือเพียงหนึ่งช่องจราจร การจราจรเคลื่อนตัวลำบาก ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณนี้

#แขวงทางหลวงอุบลราชธานีที่1
#สำนักงานทางหลวงที่9
#MK2Drone

 

แจ้งข่าว อุบลราชธานี
*****ประชาสัมพันธ์พื้นที่ถูกงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ในพื้นที่ประสบจากภัยพิบัติน้ำท่วม****
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอุบลราชธานี ได้ทำการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าพื้นที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยน้ำท่วม ในระหว่างวันที่ 3 - 8 กันยายน 2562 โดยเริ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ อำเภอเมือง และ อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีชุมชน/หมู่บ้านที่ถูกตัดกระแสไฟฟ้า ดังนี้

1.บ้านท่าเมือง
2.บ้านสว่าง
3.บ้านโอด
4.บ้านนาดี
5.บ้านยางกระเดาบางส่วน
6. บ้านนาโต้ ต.กระโสบ
7.บ้านโอด ต.ท่าเมือง
8.ชุมชนหาดศรีภิรมย์
9.บ้านดงบัง ต.ดอนมดแดง
10.ชุมชนสะพานใหม่ ซ.เขื่อนธานี1
11.บ้านยางนกหอ
12.บ้านกุดกั่ว ต.ดอนมดแดง
13 ชุมชนบ้านค้อกุดลาด
14.ชุมชนหลังศาลปกครอง
15 ชุมชนหาดคูเดื่อ
16 .บ้านดอนตาลี-บ้านนาห้วยแคน อ.ตาลสุม
17. ทำการตัดจ่ายวงจรการจ่ายฟีดเดอร์1 และฟีดเดอร์ 5สถานีไฟฟ้าวารินชำราบ ช่วงข้ามแม่น้ำมูล โดยไม่มีผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบ
18.ชุมชนบ้านค้อกุดลาด
19. ชุมชนบ้านท่าบ่อ-หนองแก
20.ชุมชนวัดเกาะแก้วคูณดี
21.ชุมชนบ้านท่ากกแห่

รวมมิเตอร์ที่ถูกงดจ่ายกระแสไฟฟ้ ซึ่งผู้ใช้ไฟถูกตัดกระแสไฟฟ้า มากกว่า2,300ราย
และกำลังเร่งตรวจสอบพื้นที่ที่ประสบจากภัยพิบัติน้ำท่วมรอบจังหวัดอุบลราชธานี ในเขตรับผิดชอบ PEA อุบลราชธานี เพื่อทำการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ เป็นการป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า

ภาพ/ข่าว : แผนกวิศวกรรมและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอุบลราชธานี

 

แจ้งข่าว อุบลราชธานี

ข้อมูลจากโครงการชลประทานอุบลเช้านี้ (12 ก.ย 62) สถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำท่าหลายแห่งมีแนวโน้มลดลง และทรงตัว ยกเว้นสถานี M7 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

 

ที่นี่ อำภอ ม่วงสามสิบ

ปากเช

 

ชุมชนคนรักท่าไห
เช้านี้ที่..บ้านท่าไห
ต.ท่าไห อ.เขื่องใน
จ.อุบลราชธานี..
น้ำไม่ลดแต่เพิ่มวันละ 3-5 นิ้ว ครับ..
Tee Kantajantana..

 

แจ้งข่าว อุบลราชธานี

12/2/2562 มื้ออื่นมีมาเติมอีกเฝ้าระวังนำกันพี่น้อง
สู้ๆเด้อเดียวมันก็ผ่านไป...



เตือนชาวอุบลฯเตรียมรับมือมวลน้ำก้อนใหญ่พรุ่งนี้ !
.ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนชาวอุบลราชธานี เตรียมรับมือมวลน้ำก้อนใหญ่ โดยคาดว่าจะมีมวลน้ำสูงสุด 4,500-4,800 ล้าน ลบ.ม. เดินทางถึง อ.เมืองอุบลฯ วัดปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีสะพานเสรีประชาธิปไตย อ.วารินชำราบ คาดว่าในวันที่ 13 ก.ย. 62 สูงสุดอยู่ที่ 5,300-5,500 ลบ.ม./วินาที โดยน้ำยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะมีน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในหลายพื้นที่
หากต้องการความช่วยเหลือ ให้แจ้งมาที่สายด่วน 1784

 

ติดตามสถานการณ์โลก

คุณ ลอร์ด เซย์เรน

จากกระแสข่าวพายุสุริยะที่ได้ยินกันทั่วไปตาม โทรทัศน์ ค่อนข้างหนักใจเล็กน้อยที่ยังคงใช้ข้อมูลไม่ค่อยถูกต้องนัก บางอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วหลังจากได้กล้อง ใหม่ๆ ปล่อยออกไปสังเกตุการณ์ (พวกพายุสุริยะ = พายุกลุ่มอนุภาค บ้าง พายุสุริยะ รุนแรงที่สุดอยู่ในช่วง Solar maximum บ้าง) อยากแก้ไขเป็นดังนี้ครับ

1.) ข่าวสารจำนวนมากบอกว่าพายุสุริยะจะรุนแรงสุดช่วง Solar Maximum งงครับว่าเอามาจากไหน นักสุริยะฟิสิกส์ที่แท้จริงนั้นได้ศึกษาและเข้าใจในกระบวนการสลับขั้วสนามแม่เหล็กจนพบว่า จะพายุสุริยะแรงที่สุดได้ต้องอยู่หลัง Solar Maximum 1-4 ปี โดยมีความเหมาะสมที่สุดคือ ช่วง 2-3 ปี หลัง Solar Maximum

.....เหตุผล กฎการก่อตัวของขั้วสนามแม่เหล็กตัวหลัก ( Polar field ) ที่สลับด้านกันแล้ว นั้นบีบให้จุดมืดเข้าหาศูนย์สูตรดวงอาทิตย์ยิ่งขึ้น ทำให้จุดดำมีความเข้มสนามแม่เหล็กสูงสุดประจำวัฎจักรนั้นๆ ณ เวลาดังกล่าว ครับ ** ถ้าบอกว่า ช่วง Solar maximum นั้น พายุสุริยะจำนวนมากไม่เีถียงครับ แต่รวมๆ แล้วยังไม่แรงมากที่สุดในช่วงนั้น

ลิ้งค่าเฉลี่ย กำลังสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ (จะเห็นว่าแทบทุกวัฎจักรเลยด้วยซ้ำที่รุนแรงหลัง Solar Maximum 1-4 ปี น้อยจะพบพายุสุริยะรุนแรงในช่วงก่อน หรือ ในระยะ Maximum ในกราฟบางช่วงก็มี) http://users.telenet.be/j.janssens/SC24web/AreaAp.png

2.) พายุสุริยะ = พายุกลุ่มอนุภาค ? (ผิดครับ)

.......พายุอนุภาคจริงๆ นั้นคือ Solar Energetic Particles storm ครับ วิ่งมาเร็วน้อยกว่าแสงเล็กน้อย ทะลวงสนามแม่เหล็กโลกเข้ามาได้แค่ วงแหวนดักอนุภาค แวนแอลเลน เท่านั้น อันนี้ถ้ามีความหนาแน่นอนุภาคมาก (โดยเฉพาะ โปรตอนของเหล็ก )จะตัดการสื่อสารจากดาวเทียมสู่ภาคพื้นดินได้ http://www.swpc.noaa.gov/rt_plots/pro_3d.html (ดาวเทียมตัวนี้ครับ วัดในแวนแอลเลนเลย)

แล้วพายุสุริยะ ( Corona mass ejection ) จริงๆ คือ ...?

พายุสุริยะ = พายุแม่เหล็กสุริยะ (ถูก) โดยยังมีพลาสม่าของเปลวโคโรน่าหลงเหลืออยู่บ้าง (อยู่ในระดับอนุภาค จริง แต่ก็คนละอย่างกับ พายุอนุภาค เพราะตัวนี้พลังงานต่ำกว่า จึงโดนเบี่ยงโดยสนามแม่เหล็กโลกได้แทบทั้งหมด) ปะทะโลกแล้วเกิด 2 เหตุการณ์ หลักๆ

1. พายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Storm) - คือ การที่สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ดึง (Bz -) หรือ บีบสนามแม่เหล็กโลก (Bz +) ให้ช่องที่ขั้วสนามแม่เหล็กโลก http://pwg.gsfc.nasa.gov/istp/polar/2001jan_2.jpg ถ่างออก วัดเป็นดัชนี kp-index หน่วยละ 5 องศาที่ขั้วเหนือ ภูมิศาสตร์ (เฉพาะเวลานี้เท่านั้น เพราะขั้วแม่เหล็กโลก เลื่อนไปมาตลอดเวลา) โดยพื้นที่พายุสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดเหตุการณ์ สนามแม่เหล็กโลกไหวสะเทือนด้วย ......แสงออโรร่าคือผลพลอยได้จากอนุภาคจริงๆ ของพายุสุริยะ ที่เข้ามาชนอะตอมบรรยากาศโลก ใน ไอโอโนส์เฟียร์ http://www.swpc.noaa.gov/rt_plots/Kp.gif ลิ้งค่าความถ่างของช่องขั้วแม่เหล็ก

2. สนามแม่เหล็กไหวสะเทือน (Geomagnetic deviation) - เกิดจากสนามแม่เหล็ก 2 แหล่งกำเนิดปะทะกันทำให้ความเข้ม และ ทิศทางแปรปรวน หากอยู่ในเขตของ พายุแม่เหล็กโลก (เขตขั้วแม่เหล็ก) จะมีกำลังแรงกว่าจุดอื่น และเหตุการณ์นี้แหละครับที่ทำให้ไฟฟ้าดับได้จากการเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้าตามสาย และ หม้อแปลงไฟฟ้า ที่ไม่คงที่ (เพิ่ม หรือ ลดแรงดันไฟฟ้าได้ จนทำให้สายไฟฟ้าแรงสูง หรือ หม้อแปลงร้อน จนสาย//ลวดในหม้อแปลงขาด ในกรณีที่แรงสะเทือนในสนามแม่เหล็กโลกเยอะจริงๆ เท่านั้น ปัจจุบันมี เครื่อง Induction meter คอยจับตาอยู่แล้ว และ หม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศแถบขั้วโลกนั้น ณ ปัจจุบัน มีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาใดใด ง่ายๆ ) และพบว่านอกเขตของพายุแม่เหล็ก ( โซนที่ไม่ใช่เขตขั้วสนามแม่เหล็กโลก ) วัดแรงสั่นในสนามแม่เหล็กโลกนี้ได้เหมือนกันเพียงแต่จะค่อนข้างเบา <50 nT ทำอะไรระบบไฟฟ้าไม่ได้

ลิ้งตัวอย่างข้อมูลเครื่อง magnetometer เครื่องจับ magnetic field quake (สนามแม่เหล็กโลกสั่นสะเทือน) สถานี gakona ที่ อลาสก้า (เขตขั้วแม่เหล็กโลก)
https://www.gi.alaska.edu/facilitie...cU5DbXfBw3ne2E0Ci56M2IOZwwzu5E0MfXKzM3PAXPG6Y

เรียนมาเพื่อทราบ....
ขอบคุณข้อมูลจาก สิงหนาท โพธิสัตว์ ด้วยครับ

 

สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์
(The Interplanetary Magnetic Field)

เนื่องจากดวงอาทิตย์เป็นแม่เหล็กขนาดใหญ่ จึงสามารถปลดปล่อยสนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์ออกมาในช่วงเวลาการเกิด solar minimum สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะมีลักษณะคล้ายกับแท่งแม่เหล็กของโลกที่มีลูปหรือวงปิดใกล้กับเส้นศูนย์สูตร (Equator) และมีลูปหรือวงเปิดใกล้กับบริเวณขั้ว นักวิทยาศาสตร์เรียกสนามแม่เหล็กแบบนี้ว่าสนามแม่เหล็กขั้วคู่ (Dipole) ค่าความเข้มของสนามขั้วคู่ของดวงอาทิตย์มีค่าความเข้มเทียบได้กับแม่เหล็กในเครื่องทำความเย็น (ประมาณ 50 เกาส์) ซึ่งมีค่าความเข้มมากกว่าสนามแม่เหล็กของโลกถึง 100 เท่า ในช่วง solar minimum ในปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) และ ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการพิจารณาที่ผิวของดวงอาทิตย์จะมีจุดมืด จุดมืดบนดวงอาทิตย์เป็นบริเวณที่สนามแม่เหล็กมีค่าความเข้มสูงมากเมื่อเทียบกับบริเวณรอบๆ และมีความเข้มมากกว่าค่าความเข้มของสนามขั้วคู่เดิมเป็นร้อยๆ เท่าพุ่งผ่านชั้นโฟโตสเฟียร์ ซึ่งสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่ออกมานี้มีความซับซ้อนมาก

รูปแสดง Steve Suess (NASA/MSFC) ได้จัดทำภาพนี้เพื่อแสดงให้เห็นเกลียวของสนามแม่เหล็กที่มาจากดวงอาทิตย์ ระยะทางประมาณ 100 AU จากดวงอาทิตย์

สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์นี้ไม่ได้เป็นวงรอบบริเวณข้างเคียงดวงดาว เนื่องจากลมสุริยะลากสนามแม่เหล็กออกมาผ่านระบบสุริยะของเรา สนามแม่เหล็กที่อยู่ระหว่างดาวเคราะห์นี้เราเรียกว่า “สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์” (Interplanetary magnetic field) และดวงอาทิตย์มีการหมุนรอบตัวเอง โดยดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบใช้เวลาประมาณ 27 วัน จึงทำให้สนามแม่เหล็กมีลักษณะเป็นเกลียว (spiral shape) มีชื่อเรียกเฉพาะว่า Parker spiral ตั้งชื่อตาม Eugene Parker นักวิทยาศาสตร์คนแรกที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ได้

รูปแสดงโครงสร้างของสนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์และลมสุริยะ

โลกของเราก็มีสนามแม่เหล็กเช่นกัน ซึ่งก่อให้เกิด bubble รอบๆ ดาวเคราะห์ เรียกว่า magnetosphere ซึ่งทำให้ลมสุริยะมีทิศเปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่นดาวอังคารไม่มีชั้น magnetosphere ป้องกัน จึงต้องสูญเสียชั้นบรรยากาศ อันเนื่องมากจากการกัดเซาะของลมสุริยะ (solar wind erosion) สนามแม่เหล็กของโลกและสนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์มีการเชื่อมต่อกันโดย magnetopause (บริเวณที่ชั้นmagnetosphereปะทะกับลมสุริยะ) สนามแม่เหล็กโลกวางตัวในทิศเหนือที่ magnetopause ถ้าสนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์วางตัวในทิศใต้ เงื่อนไขนี้นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "southward Bz" ดังนั้น สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์จะสามารถลบล้างสนามแม่เหล็กโลกได้บางส่วนในจุดที่เชื่อมต่อกัน

รูปแสดงชั้นแมกนีโทสเฟียร์ของโลก

“เมื่อ Bz วางตัวในทิศใต้ซึ่งตรงกันข้ามกับทิศของสนามแม่เหล็กโลก สนามแม่เหล็กทั้งสองจะเชื่อมโยงกัน” Christopher Russell ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญทาง Geophysics and Space Physics จาก UCLA ได้อธิบายไว้ว่า “เราสามารถตามเส้นสนามแม่เหล็กจากโลกไปยังลมสุริยะได้” หรือจากลมสุริยะมายังโลกได้เช่นกัน การวางตัวในทิศใต้ของ Bz ได้ช่วยให้เกิดช่องทางที่ทำให้ลมสุริยะส่งผ่านพลังงานมายังโลกได้ การวางตัวในทิศใต้ของ Bz ทำให้เกิดการแผ่กระจายของออโรรา (auroras) เกิดโดยลมสุริยะหรือการปลดปล่อยก้อนมวลขนาดใหญ่จากโคโรนา ซึ่งสามารถปลดปล่อยพลังงานเข้ามาในชั้นแมกนีโตสเฟียร์ของโลกได้
เอกสารอ้างอิง
- http://www.thaispaceweather.com/

https://www.weather.rtaf.mi.th/climate/SpaceWeather/SolarWind_page2.html

 

Michael DiFato

การอ่านค่าสนามแม่เหล็ก ACE ที่สำคัญ Bz (แสดงเป็นสีดำ) แสดงการอ่านเชิงลบที่ผิดปกติเป็นเวลาหลายวันในขณะนี้ (บวกคือในทิศทางของดวงอาทิตย์)
~
* ช่วงเวลานานของIMF วางตัวในทิศใต้ (สามชั่วโมงหรือมากกว่านั้นของ Bsouth <~ 10 nT) มักส่งผลให้เกิดพายุรุนแรง {geomagnetic] ที่รุนแรง https://ccmc.gsfc.nasa.gov/support/..._Mag_Field_Interactive_Timeline.html#p-search





Significant ACE Magnetic Field readings. Bz (shown in black) displaying unusual negative readings for some days now (positive is sunward).
~
*Long intervals of southward IMF, (three hours or more of Bsouth < ~10 nT) usually result in strong to severe {geomagnetic] storming. https://ccmc.gsfc.nasa.gov/support/..._Mag_Field_Interactive_Timeline.html#p-search

 

Michael DiFato
การกระโชกที่รุนแรงของ Magnetons (เหมือนลมพัดแรง) สู่สนามแม่เหล็กโลกวันนี้ (11 ก.ย. ) 11:00 UTC / 7am NYT
เกือบ 2 สัปดาห์นับตั้งแต่การบีบอัดครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดของตำแหน่ง Magnetopause Standoff (ระยะทาง)





Strong blast of Magnetons to the magnetosphere of Earth today (Sept 11) 11:00 UTC / 7am NYT.
Almost 2 weeks since the last major compression of the Magnetopause Standoff Position(Distance).

 

Ovidiu Pri

วนรอบ 10-11 ก.ย. 2019 ฉับพลันไม่ว่าชนกันทั่วโลก ... ดูการปรับเปลี่ยนอย่างฉับพลัน (หมุนวนในมหาสมุทรแอตแลนติกทันใดนั้นเคลื่อนไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว - ดูการปรับเปลี่ยนทั่วโลกพร้อมกัน) ... ในประเทศของฉัน ในทันทีเราอยู่ในคลื่นความร้อน

Loop 10-11 Sept 2019 , sudden whether hitting around the World ...see the sudden adjustment(the swirl in Atlantic Ocean suddenly is moving fast northward -watch simultaneous adjustments around the world ) ...I my locale suddenly we are in heat wave

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2738128482873149&id=100000280717545

 

แม่น้ำมูลล้นทะลัก เหลืออีกแค่ “10 ซม.” รพ.สรรพสิทธิฯ จม ยอดตายพุ่ง 37 ศพ!

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนชาวอุบลฯ คาดมวลน้ำสูงสุด 4,500-4,800 ล้าน ลบ.ม.เดินทางถึง อ.เมืองอุบลฯ วัดปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีสะพานเสรีประชาธิปไตย อ.วารินชำราบ คาดว่าในวันที่ 13 ก.ย.สูงสุดอยู่ที่ 5,300-5,500 ลบ.ม./วินาที #ThaiPBSnews #Saveubon

 

มาอีกแล้ว!! ขณะอำนาจเจริญ หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก ลมแรง และฟ้าร้อง
12 ก.ย.62 เวลา 15.30 น.
#ฮักอำนาจเจริญ

 

#หลังเสียงตูมสนั่นบนท้องฟ้า เมื่อเวลา 10.47 น. (12 กันยายน 2562) พบเห็นวัตถุลอยบนท้องฟ้าดิ่งลง บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ แต่ยังไม่ทราบจำนวน หรือตกลงพื้นดินที่ใด เจ้าหน้าที่มีการติดตามและตรวจสอบแล้ว
#หากผู้ใดพบเหตุวัตถุ #อย่าจับต้อง รีบแจ้งผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าที่โดยด่วน
ขอบคุณภาพถ่าย
#ถ่ายโดยคุณบุญหลาย

 

MOREMOVE
#มอร์มูฟเป็นข่าว อ้างว่าไม่มีที่เก็บ!!!! ญี่ปุ่นวางแผนที่จะทิ้งน้ำที่ปนเปื้อนรังสีลงทะเลหลังจากพื้นที่เก็บไม่เพียงพอ รมว.สิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น เผยชัด "นี่คือทางเลือกเดียว" ให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติ คือการปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีลงสู่ทะเลแล้วให้เจือจางไปเอง!!? อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว รอยเตอร์ ระบุว่า หากมีการพิจารณาทิ้งน้ำปนเปื้อนลงทะเลจริง ชาวประมงญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เกาหลีใต้ จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด อนึ่ง เกาหลีใต้มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับทะเลแปซิฟิกซึ่งญี่ปุ่นมีแผนจะทิ้งน้ำปนเปื้อนจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ และหากญี่ปุ่นเลือกวิธีดังกล่าวเพื่อกำจัดน้ำปนเปื้อนจริง อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทวีความตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม
** สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า น้ำจากบ่อกักเก็บของเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ส่วนใหญ่จะปนเปื้อนรังสี 'ทริเทียม' ซึ่งเป็นไอโซโทปของไฮโดรเจน และไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิต แต่ปริมาณน้ำปนเปื้อนที่เกิดจากระบบหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิมีจำนวนกว่า 1 ล้านตัน เพราะไม่ได้รับการระบายตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เตาปฏิกรณ์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 แมกนิจูดและคลื่นสึนามิ จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหานิวเคลียร์รั่วไหล และต้องอพยพคนออกนอกพื้นที่
โดยเรื่องนี้ นายโยชิอากิ ฮาราดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ประเมินว่า บ่อกักเก็บน้ำปนเปื้อนจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้า 'ฟุกุชิมะไดอิจิ' ในจังหวัดฟุกุชิมะ ทางเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งเสียหายหนักจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อ 8 ปีก่อนใกล้จะเต็มในเวลาประมาณ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทเทปโก เจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว จะต้องคิดหาแนวทางระบายน้ำปนเปื้อนเตรียมเอาไว้ "การปล่อยน้ำปนเปื้อนลงไปในทะเลโดยตรง คือ 'ทางเลือกเดียว' ที่มีอยู่ในตอนนี้ และจะต้องให้น้ำเค็มในทะเลช่วยเจือจางน้ำปนเปื้อน .. นี่เป็นวิธีกำจัดน้ำปนเปื้อนจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยทั่วไป" โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะเรียกประชุมสภาและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือกันในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งซึ่งยังไม่อาจระบุได้ว่าที่ประชุมจะลงมติอย่างไร.
---------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.voicetv.co.th/read/4-B3LIaqd