ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    ขอบคุณคุณเกษมมากครับ
     
  2. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64


    ??????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????

    ???????????????????

    ไม่เข้าใจในการสื่อครับ งงงงงงงงงงงง ไม่รู้เรื่อง
     
  3. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ขอชี้แจงนะคะ ข้อความที่โพสในกระทู้
    มีทั้งสัญญาณที่ได้รับมา และมีทั้งการรายงานความ
    คืบหน้า การเตรียมการที่หลบภัย ฐานผาแบ่น

    เพราะเราเชื่อกันว่า ถึงหลายท่าน จะไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วมกับเรา
    แต่หากวันหนึ่ง ที่เกิดภัยพิบัติจริง แล้วท่านอาจนึกอะไรไม่ออก
    แต่นึกถึงเรา มันก็เป็นทางออกทางหนึ่งนะคะ

    ความคืบหน้าต่างๆ เรารายงานเป็นระยะๆอยู่แล้ว
    หากคุณใส่ใจซักนิด คุณก็จะเข้าใจได้โดยง่าย
    เราก็จะได้ไม่ต้องอธิบายซ้ำไปซ้ำมา จะได้
    ไม่เปลืองเนื้อที่ในกระทู้ด้วยนะคะ

    ต้องขออภัยด้วยนะคะ หากการชี้แจง ทำให้ขัดเคืองใจ
     
  4. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    ขอบคุณครับ เข้าไปดูตามลิงค์ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ก้อขอบคุณที่กรุณาบอกกล่าวครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2011
  5. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ยังไม่เชื่อเรื่องนี้ คนชั่วถูกล้าง เหลือแต่คนดี

    ผมเชื่อ เรื่อง "กรรม" มากกว่า คนชั่วโกงกิน อยู่จนแก่ตาย ก็มี คนดีๆ มีเยอะ เป็นโรคตายก่อน ก็มี อะไรก็ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน
     
  6. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    เทวดาในที่นี้อาจหมายถึงยมทูตก็ได้มั้ง
     
  7. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    โดยส่วนตัวก็คิดว่า ที่พูดกันว่า เทวดาท่านมาเก็บกวาด
    ล้างคนชั่วออกจากคนดีนั้น เป็นภาษาที่รวบรัด ให้เข้าใจง่ายเท่านั้น

    โดยส่วนตัวคิดว่า เป็นมหกรรมการใช้หนี้(กรรม)มากกว่า
    หมายถึงเป็นวาระ ที่คู่กรณีมีสิทธิ์เต็มที่ อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ

    เพราะฉะนั้น คำว่าคนดี คนเลว จริงๆแล้ว มันก็ไม่ชัดเจน
    เพราะเราก็ไม่รู้ว่า เราเคยไปทำอะไรไว้บ้าง เจ้าหนี้เราเยอะมั้ย
    จึงได้แต่เตือนกัน ไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท และไม่สร้างหนี้เพิ่ม

    ทำนองเดียวกันกับคำว่า โลกแตก ก็คิดว่า ไม่ได้หมายถึง
    โลกจะแตกจริงๆ แต่หมายถึง ภัยที่เกิดนั้นหนักหนานัก
    และเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ทั่วโลก อะไรทำนองนี้นะคะ
     
  8. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7439 ข่าวสดรายวัน


    กรมทรัพย์รับมือดินถล่มภาคเหนือ



    เชียงราย - นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เผยถึงธรณีพิบัติภัย ดินถล่มที่ต้องจับตาว่าขณะนี้มีพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มรวม 6,450 หมู่บ้าน ใน 323 อำเภอ 51 จังหวัด โดยภาคใต้ที่เพิ่งประสบปัญหาฝนตกหนักผิดปกติ ในหน้าร้อน ส่งผลให้ดินที่ลาดเชิงเขาที่ไม่มีเสถียรภาพไหลลงมาสร้างความสูญเสียในพื้นที่ บ่งชี้ว่าปัญหาได้ขยายวงกว้าง ระบบเตือนภัยยังน้อยไป ต้องปรับปรุงครอบคลุมถึงพื้นที่ปลายน้ำ

    กรมทรัพยากรธรณีจะขอภาพถ่ายดาวเทียมจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาใช้ประกอบการปรับปรุงแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัย และเพิ่มระบบเตือนภัยอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยสูงในภาคเหนือและภาคตะวันตกที่จะเข้าสู่หน้าฝนในเดือนพ.ค.โดยจะเพิ่มเครือข่ายเฝ้าระวังและซักซ้อมการเตือน ภัย ทั้งการระดมเจ้าหน้าที่กรม การใช้เครือข่ายชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง รวมทั้งพระสงฆ์ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ประมาณ 6,000 แห่ง ใน 64 จังหวัดเสนอมาตรการลดสาเหตุการเกิดดินถล่ม ทั้งการควบคุมการปลูกพืชบริเวณลาดเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกพืชชนิดเดียว มีรากตื้นทำให้เสถียรภาพของชั้นดินลดลงปัญหาการตัดถนนตัดลาดเขาทำให้มีโอกาสดินถล่มเพิ่มขึ้น

    ส่วนภัยพิบัติแผ่นดินไหว กรมทรัพยากร ธรณีมั่นใจว่ารอยเลื่อนแม่จันที่มีพลังนั้นจะไม่เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เหลือแต่ขนาดกลาง 5 ริกเตอร์ ซึ่งกรมเฝ้าจับตาดูอยู่

    "กัดดาฟี"รับแผน โร้ดแม็ปหยุดยิง



    ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อ 11 เม.ย. ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยอมรับแผนสันติภาพของสหภาพแอฟริกัน หรือเอยู เพื่อยุติความขัดแย้งและสถาน การณ์ในลิเบียที่ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 8 สัปดาห์

    นายแรมทาเน ลามารา ตัวแทนคณะกรรมการเอยู ยืนแถลงการณ์เคียงข้างนายมุสซา อิบราฮิม โฆษกรัฐบาลลิเบีย ระบุว่า จุดประสงค์หลักของข้อตกลงของเอยูคือการเสนอให้มีการหยุดยิงในทันที การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยที่ไม่มีการขัดขวาง การคุ้มครองชาวต่างชาติ จัดให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาล และฝ่ายต่อต้านเพื่อการจัดทำข้อตกลงทางการเมือง และขอให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ นาโต้ ระงับการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายรัฐบาลลิเบีย ขณะที่ทางเอยู มีแผนที่จะเดินทางไปยังเมืองเบงกาซี ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านทางภาคตะวันออกของประเทศ

    ด้านนายกูมา อัล-กามาตี ตัวแทนของผู้นำฝ่ายต่อต้าน กล่าวว่า พวกเขาจะพิจารณาแผนสันติภาพดังกล่าวอย่างรอบคอบ แต่จะไม่ยอมรับหากว่าข้อตกลงใดยินยอมให้นายกัดดาฟีหรือบุตรชายของเขายังคงอยู่ในอำนาจ

    ฮือฮาโฮ่งเพื่อนซี้-ดูแลตัวตาบอด



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เดลี่เมล์รายงานเมื่อ 11 เม.ย. เปิดตัวสุนัขคู่ซี้ ได้แก่ เจ้า "แซ็ก" หมาตาบอดวัย 10 ปี มีเจ้า "ลิลลี่" เป็นเพื่อนแท้นำทาง หลังจากที่แซ็กตาบอดเพราะติดเชื้อเมื่อ 5 ปีก่อน ลิลลี่ หมาพันธุ์แจ๊กรัสเซล เทอร์เรียร์ ก็คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เดินเคียงข้างไปด้วยกัน ลิลลี่ก็จะให้แซ็กอิงที่หัว เมื่อแซ็กอยากจะพัก เหนื่อยหรือสับสน บางทีที่แซ็กเดินผิดทาง คู่ซี้ก็จะดุนจมูกให้แซ็กเดินถูกทางและลิลลี่เหมือนรู้ดีว่าคู่หูของมันไม่เหมือนหมาตัวอื่นๆ มันจึงคอยเดินใกล้ๆ และระมัดระวังไม่ให้ไปชนแซ็ก บ่อยนัก

    เมื่อเจ้านายต้องย้ายไปต่างประเทศ ซาราห์ บัสเซลล์ องค์กรการกุศลบลูครอส ที่เขตทิเวอร์ตัน เมืองเดวอน ประเทศอังกฤษ จึงต้องหาครอบครัวใหม่รับเจ้าสองตัวนี้ไปอุปการะและมั่นใจว่าเจ้าของ ใหม่จะหลงเสน่ห์เจ้าแซ็กแน่นอน ด้วยความที่มันตาบอด จึงมีสิ่งอื่นทดแทนและมันจะกระดิกหางทุกครั้งที่มีคนเดินไปหามัน

    ฮือฮา!คลิปเจ้า"บัง" หมาอึดรอดสึนามิหวนพบเจ้านาย ยอดคลิกทะลุล้าน

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE><EMBED src=http://www.youtube.com/v/kG8wZjKEnNQ?version=3 width=640 height=390 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">
    เรื่องราวของเจ้าบัง สุนัขเพศเมียวัย 2 ปี ที่โด่งดังไปทั่วโลก จากการที่มันติดอยู่บนซากบ้านลอยออกทะเลไปไกลกว่า 2 กิโลเมตร เพราะคลื่นสึนามิ และอยู่อย่างนั้นนาน 3 สัปดาห์ กว่าที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะไปพบและช่วยเหลือมันกลับขึ้นฝั่งได้สำเร็จนั้น ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง

    โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย. เจ้าบังโชคดีอีกครั้ง เมื่อเจ้าของที่เป็นหญิงชาวเมืองเคเซนนูมะ จ.มิยางิ จดจำมันได้ทางข่าวทีวี และตามมารับตัวกลับไปเลี้ยงดู ซึ่งภาพการพบเจอกันของเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงที่เผยแพร่ไปทั่วโลกนั้น สร้างความประทับใจ และต่อความหวังให้กับสังคมญี่ปุ่นท่ามกลางวิกฤตที่ยังไม่มีท่าท่าว่าจะจบลง

    ถึงวันนี้ยอดผู้คลิกเข้าชมคลิปดังกล่าวในเว็บไซต์ยูทูบพุ่งทะลุหลักล้านเกิน 1,068,395 ครั้งแล้ว และยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอีก...อย่างแน่นอน

    น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้! ภัยจากธรรมชาติและน้ำมือมนุษย์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.จนถึง 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว พบว่าอุทกภัยระลอกล่าสุดที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ทำให้หลายพื้นที่ใน 10 จังหวัดได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร พังงา นราธิวาส สตูล สงขลา และ กระบี่ มีประชาชนเดือดร้อน 6 แสนกว่าครัวเรือน หรือ 2 ล้านกว่าคน เสียชีวิตประมาณ 60 ราย

    สาเหตุของพายุฝน-อุทกภัยร้ายแรงในภาคใต้หนนี้ นักวิชาการชี้ว่า นอกจากปรากฏ การณ์ 'ลานิญ่า-โลกร้อน' จะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงแล้ว การกระทำของมนุษย์เองก็มีส่วนทำให้ภัยน้ำท่วม-น้ำป่า-ดินถล่มภาคใต้รุนแรงกว่าปกติด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำลายป่าธรรมชาติ สร้างสิ่งกีด ขวางทางน้ำ ตัดถนน หรือใช้พื้นที่ผิด ประเภท!

    นายธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนว่า สืบเนื่องจากปรากฏการณ์ "เอลนิโญ่" เมื่อปลายปีพ.ศ.2552 ถึงต้นปีพ.ศ.2553 ทำให้เกิดภัยแล้งอย่างหนักในขณะนั้น

    ต่อมาเดือนก.ค.2553 ก็เริ่มเข้าสู่ปรากฏการณ์ "ลานิญ่า" ในระยะแรกยังไม่เห็นผลกระทบมากนัก จนเมื่อเข้าสู่เดือนต.ค.เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมในภาคกลาง และภาคอีสาน

    เมื่อเข้าสู่เดือนพ.ย.-ธ.ค.2553 ปรากฏการณ์ลานิญ่าทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคใต้ และส่งผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ขณะที่ภาคกลางหนาวเย็น ซึ่งการคาดการณ์ด้วยโมเดลพยากรณ์อากาศก่อนหน้านี้ปรากฏการณ์ลานิญ่า จะหมดลงในเดือนมี.ค.2554 แต่จากโมเดลล่าสุด ลานิญ่ามีผลต่อสภาพอากาศของประเทศไทยไปอีก 2 เดือน คือสิ้นสุดเดือนพ.ค.2554 หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลตามปกติ

    นายธนวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สภาพอากาศแปรปรวนเป็นผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นนั้น คิดว่าไม่เกี่ยวกัน เป็นเพียงการคาดการณ์ของแต่ละบุคคลมากกว่า

    น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้!

    ภัยจากธรรมชาติและน้ำมือมนุษย์



    อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไปภัยพิบัติจะอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น การเตรียมการแจ้งข้อมูลข่าวสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอให้ประชาชนติดตามคำแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

    ด้าน นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประ ธานมูลนิธิเพื่อการจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) และสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กลุ่มในภาคฐานทรัพยากร กล่าวว่า

    จากการติดตามข่าวพบว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุเป็น 2 กระแส

    กระแสหนึ่งบอกว่าเกิดจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนพัดเข้าสู่ประเทศไทย เหมือนมรสุมทั่วไป ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนัก

    อีกกระแสบอกว่าเป็นผลกระทบจากสึนามิ ในญี่ปุ่น ทำให้กระแสน้ำอุ่นเปลี่ยนทิศ

    แต่ถ้าดูข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา และคำบอกเล่าของคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป พบว่า อากาศไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ที่ผ่านมาในช่วงเม.ย.-พ.ค.จะพบเพียงพายุฤดูร้อนในแถบ จ.เชียงราย แต่ขณะนี้กลับมาเกิดที่ภาคใต้

    ทั้งหมดนี้น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศของโลก (โลกร้อน) ซึ่งคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นชั่วคราวหรือถาวร

    อย่างไรก็ตาม "สิ่งกีดขวางทางน้ำ" เช่น ถนน สะพาน ก็ทำให้สถานการณ์ในบางพื้นที่เลวร้ายยิ่งขึ้น

    บางแห่งเมื่อเกิดน้ำท่วมก็ลงทุน "ยกถนน" ให้สูงขึ้น แต่ไม่สนใจขยายความกว้างของสะพาน เพราะต้องการประหยัดงบฯ ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ทั้งๆ ที่ถ้าคำนวณปริมาณน้ำในภาคใต้ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสั้นๆ น้ำน่าจะลดได้เองใน 1-2 วัน

    แทนที่จะทุ่มงบฯ กับการยกระดับถนน น่าจะลงทุน "ขยายสะพาน" จะดีกว่า

    ส่วนที่บางคนตกใจว่า ทำไมน้ำถึงท่วมสนามบิน ถ้าสังเกตจะเห็นว่า "สนามบินนครศรีธรรมราช" เป็น "หนองน้ำ" มาก่อน และบริเวณโดยรอบก็เป็นป่าเสม็ด รวมไปถึงบริเวณมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ก็เป็นที่สาธารณะที่ชาวบ้านสงวนไว้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ไม่เหมาะแก่การทำการเกษตร

    ส่วนกรณีศึกษา เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ทั้งน้ำท่วม น้ำป่า และดินถล่ม ในพื้นที่ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.จนถึงช่วงต้นเดือนเม.ย. ที่ผ่านมานั้น พล.ต.ดร.นพรัตน์ เศรษฐกุล อาจารย์ประจำสำนักวิศวกรรมศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญปฐพีธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อธิบายเจาะลึกถึงสาเหตุว่า

    พื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเหมือนอยู่ในกระทะ โดยมีภูเขาล้อมรอบอยู่

    ภูเขาเหล่านั้นเป็นหินแกรนิต และหินดินดานที่ผุแล้ว เนื่องจากพื้นที่ทางใต้จะมีฝนตกอยู่ตลอดเวลา และในบริเวณเทือกเขาหลวงมีความลาดชันสูง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเกิดฝนตกติดต่อกันและค่อนข้างหนัก ทำให้หินที่ผุพังที่อยู่ตามยอดเขาไม่สามารถที่จะอุ้มน้ำไว้ได้

    จากนั้นเมื่อมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก จึงค่อยๆ กัดเซาะเศษหินที่ผุพังที่อยู่ข้างบนยอดเขาลงมาก่อน จนเกิดการรวมตัวของน้ำ เศษหิน เศษดิน และต้นไม้ต่างๆ จากยอดภูเขาที่ได้ล้อมรอบพื้นที่นั้นไหลรวมกัน จนทำให้กระแสน้ำไหลทะลักเข้าสู่หมู่บ้านในพื้นที่ ต.กรุงชิง อย่างรุนแรงและรวดเร็ว

    ปัจจัยอีกประการที่ทำให้น้ำท่วมหนักใน อ.นบพิตำ พล.ต.ดร. นพรัตน์ ชี้ว่า

    ปัจจุบันต้นไม้ป่าธรรมชาติค่อนข้างจะเหลือน้อย เพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่บริเวณนั้นจะโค่นป่าเพื่อเอาพื้นที่ไปใช้ปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ต้นยางพารา และยังมีการใช้พื้นที่ในลำน้ำ ถมทางน้ำบ้าง ด้านข้างก็มีถนนยกระดับสูงขึ้นมา

    ตามปกติแทนที่น้ำจะไหลตามธรรมชาติของมัน แต่การที่มีคนเข้าไปใช้พื้นที่ดังกล่าวก็ทำให้การไหลของน้ำเผชิญกับอุปสรรคกีดขวาง เกิดดินถล่ม ส่งผลให้หลายหมู่บ้านในพื้นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ ทำให้สะพานขาด ชาวบ้านถูกตัดขาดจากพื้นที่รอบนอก

    สําหรับแนวทางแก้ปัญหา พล.ต.ดร.นพรัตน์ ระบุว่า ปัญหาจากภัยธรรมชาติ เราไม่สามารถทราบได้ล่วงหน้า

    แม้ตอนนี้จะมีหน่วยงานทางราชการที่เกี่ยวข้องนำ "กระบอกตวงน้ำฝน" มาวัดไว้ว่า ถ้าหากปริมาณน้ำฝนมีมากกว่า 100 มิลลิเมตรภายใน 3 วัน จะต้องรายงานให้ศูนย์ป้องกันภัยพิบัติทราบ

    แต่เนื่องจากชาวบ้านไม่ได้มีความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพื้นที่นั้นๆ วิธีที่จะช่วยได้ดี คือ เราต้องชี้แนะให้กับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านตามยอดเขา หรือหมู่บ้านที่อยู่ในบริเวณจุดเสี่ยง ให้ทราบว่าพื้นที่ที่อยู่อาศัยมีความเสี่ยงอย่างไรเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น มีวิธีการป้องกันอย่างไร ด้วยการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพาชาวบ้านขึ้นไปสำรวจบนเขาว่า หินที่อยู่บนยอดเขาต่างๆ นั้นผุพังในระดับใดแล้ว เสี่ยงอันตรายหรือไม่

    รวมทั้งให้ศึกษาถึงความลาดชันของภูเขา หรือการเก็บตัวอย่างของหินและดินด้วยการทดสอบว่าปริมาณน้ำเท่าใด ที่จะทำให้เกิดการไหลของดินและหินเหล่านั้น โดยให้ชาวบ้านเป็นผู้เตือนตัวเองจะดีกว่าที่ต้องขึ้นอยู่กับส่วนกลาง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องคอยเป็นผู้เตือนภัยให้ชาวบ้านทราบ บางทีอาจจะสายเกินกว่าที่ชาวบ้านจะรับมือได้

    "ทุกคนต้องตระหนักแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงผันผวนของภูมิอากาศโลกเป็นสัญญาณเตือนที่จะต้องปรับตัวพร้อมรับกับสถานการณ์ กรณีที่เกิดขึ้นในนครศรีธรรมราชเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในขณะนี้ ได้เข้าไปหาชุมชนพบว่ายังไม่มีความรู้พื้นฐานลักษณะทางธรณีที่ชุมชนอาศัยอยู่เลย ยังยึดอยู่กับปริมาณน้ำฝนเป็นหลัก เพียงแค่รู้ว่าเมื่อฝนตกมากต้องอพยพ ชุมชนควรรู้ในเรื่องธรณีวิทยาของพื้นที่ด้วย" พล.ต.ดร.นพรัตน์ กล่าว





    "ลานิญ่า" เป็นคำดั้งเดิมจากภาษาสเปน มีความหมายว่า "เด็กผู้หญิง" จัดเป็นปรากฏการณ์ตรงกันข้ามกับ "เอลนิโญ่" เกิดจากความผกผันของกระแสอากาศโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตร เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก

    เมื่อเกิดลานิญ่า อุณหภูมิบนผิวน้ำทะเลมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกจะต่ำลงอย่างผิดปกติราว 3-5 องศาเซลเซียส ทำให้ความดันฝั่งตะวันตกต่ำกว่าความดันฝั่งตะวันออก เกิดลมพายุพัดเสริมลมสินค้าทิศตะวันออกพัดพาน้ำและอากาศที่หนาวเย็นไปยังทิศตะวันตก

    ด้วยระดับน้ำทะเลซีกตะวันตกที่เพิ่มสูงกว่าสภาวะปกติ ประกอบกับลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้ที่หอบน้ำฝนพัดผ่านมา ทำให้ "ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ซึ่งประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้ด้วย ต้องเผชิญกับฝนตกหนัก น้ำท่วม และหน้าดินพังทลายอยู่บ่อยครั้ง

    แต่ข้อดีของลานิญ่า คือ น้ำเย็นใต้มหาสมุทรจะยกตัวขึ้นแทนที่กระแสน้ำอุ่นบนพื้นผิวน้ำ ทำให้เกิดธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ ฝูงปลาชุกชุม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2011
  9. deawpayu

    deawpayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +980
    หน้า page เวลาเปิดสะดุดนิดหนึ่ง(คอม ram น้อยครับ แฮ่ๆ) คงเพราะรายชื่อสมาชิกที่เข้าดูกระทู้เรียงรายมากเหลือเกิน รบกวนผู้ดูแลระบบช่วยดูทีนะครับ
     
  10. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เห็นด้วยตรงที่ ไม่สร้างหนี้เพิ่ม

    มันเป็นกุศลบาย มากกว่า คือ ให้คนทำความดีเยอะ โลกจะได้สดใสขึ้น

     
  11. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    เรื่องดินถล่มที่น่ากลัวที่สุดคือจังหวัดเพชรบรูณ์ และแถบภาคเหนือบางพื้นที่ ส่วนอิสานก็คงจะเป็นพื้นที่ จ.เลยบางส่วน เรื่องนี้ถ้าคนไม่รุกที่บนเขา ไม่ตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉพาะไผ่ป่าเพื่อทำไร่ และ ที่อยู่อาศัย รีสอร์ท ปลูกยางพารา ปลูกปามล์ ต่อให้ตกยังไงดินก็ถล่มยาก รากไผ่ป่าและตระกลูไผ่ทั้งหมดมีประโยชน์ก็ตรงนี้ และธรรมชาติก็จัดสรรให้มันไปอยู่บนเขาดีๆ ไผ่ป่าและตระกลูไผ่ทั้งหมดปลูกไว้ตามแม่น้ำลำธารตลิ่งไม่เคยพัง ไปคิดต่อเองและเราจะลงมือปลูกมันได้ยัง ไม่ใช่ตัดทำลายอย่างเดียว
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เห็นว่าคุณ Kongp จะออกรายการช่วงประมาณทุ่มหรือสองทุ่มเนี่ยะ ทีวีไทย (Thai pbs) อยากรู้จักตัวจริง ตามไปดูเลย :cool:
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    คลิกที่ปุ่มลูกศรสีแดงชี้อยู่นะครับ แล้วรายชื่อทั้งหมดก็จะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ เมื่อเปิดดูครั้งต่อไป ก็จะไม่แสดงรายชื่อให้เห็นอีก เป็นการช่วยให้เปิดหน้ากระทู้ได้รวดเร็วขึ้น แต่ถ้าต้องการดูรายชื่อทั้งหมดอีกครั้งก็ให้กดปุ่ม ที่ลูกศรสีแดงชี้อยู่ รายชื่อทั้งหมดก็จะปรากฏให้เห็นเหมือนเดิมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      2,141
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    เวียดนามสะดุ้ง! นักวิทย์เตือนอนาคตเสี่ยงสึนามิ

    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    เว็บไซต์ TUOI TRE นิวส์ ของเวียดนาม รายงานว่า รองศาสตราจารย์ ดร.เหงียน ห่ง เฟือง รองผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเวียดนาม แห่งสถาบันฟิสิกส์โลก ออกมาระบุว่า ในอนาคตประเทศเวียดนามมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และอาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้ามาในประเทศได้ ซึ่งจุดเสี่ยงคือ พื้นที่ 9 แห่งที่ทางภาคตะวันออก

    โดย ดร.เหงียน ห่ง เฟือง ระบุว่า ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามเคยเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงมาแล้ว 2 ครั้ง คือ ในปี ค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) เกิดแผ่นดินไหว 6.75 ริกเตอร์ ทางตอนเหนือของเมืองเดียนเบียน และในปี ค.ศ.1893 (พ.ศ.2436) ก็เคยเกิดแผ่นดินไหว 6.8 ริกเตอร์ ในเมืองทวนเกียว ส่วนที่ภาคใต้ เมื่อปี ค.ศ.1923 (พ.ศ.2466) เคยแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ที่บริเวณไหล่ทวีปของภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้

    "นับว่าโชคดีที่แผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า ไม่ได้เกิดในเขตอุตสาหกรรม หรือเขตเมือง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น จะนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวง ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน" ดร.เหงียน ห่ง เฟือง กล่าว

    ทั้งนี้ ในช่วงต้นทศวรรษ 70 นักวิทยาศาสตร์เวียดนามเคยสร้างแผนที่ระบุความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ที่จะ เกิดแผ่นดินไหวระดับต่าง ๆ ไว้ โดยระบุว่า ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวที่มีแนวโน้มระดับความรุนแรงถึง 8-9 ริกเตอร์ ส่วนกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศ มีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวได้ถึง 8 ริกเตอร์ ขณะที่เวียดนามตอนกลาง มีความเสี่ยง 7 ริกเตอร์ และโฮจิมินห์ซิตี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวได้ถึง 5-6 ริกเตอร์

    สำหรับเรื่องคลื่นยักษ์สึนามินั้น ในประวัติศาสตร์เวียดนามไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาเตือนว่า มีพื้นที่ 9 แห่งในฝั่งทะเลตะวันออกเป็นจุดเสี่ยงที่จะเกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มขึ้นมายัง ชายฝั่งในอนาคตได้เช่นกัน ซึ่ง ดร.เหงียน ห่ง เฟือง แนะนำว่า หากมีเครื่องมือเตือนภัยสึนามิล่วงหน้าก็จะสามารถหนีพ้นความสูญเสียมหาศาล ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และล่าสุด คณะกรรมการประชาชนเมืองดาหนัง ก็ได้กำหนดสถานที่ที่จะติดตั้งสถานีเตือนภัยสึนามิไว้แล้ว 10 แห่ง คาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถเปิดใช้งานได้
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ญี่ปุ่นยกระดับวิกฤตนิวเคลียร์เป็นระดับสูงสุด

    [​IMG]

    สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่น ยกระดับวิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ หมายเลข 1 ขึ้นเป็นระดับสูงสุดเทียบเท่าวิกฤตนิวเคลียร์เชอร์โนบิล

    สำนักงานความปลอดภัยด้านอุตสาหกรรมและนิวเคลียร์ญี่ปุ่นหรือ NISA ออกมาประกาศผ่านทางโทรทัศน์ญี่ปุ่น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า นิซ่าได้ปรับยกระดับความรุนแรงของวิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะหมายเลข 1 จาก 5 ขึ้นเป็นระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเทียบเท่าวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของยูเครนในปี 1986 ซึ่งหมายความว่าวิกฤตนิวเคลียร์ที่ฟูกุชิมะถือเป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ และมีผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง หลังสารกัมมันตรังสีได้รั่วไหลขึ้นสู่อากาศ, พืชผัก, น้ำประปา และมหาสมุทร

    ซึ่งแม้สารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลจะอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เชอร์โนบิล โดยสูงเพียงร้อยละ 10 ของเชอร์โนบิล แต่ก็สูงเกินระดับมาตรฐาน ซึ่งจากข้อมูลจากตรวจวัดในพื้นที่ 53 แห่งภายในรัศมี 60 กิโลเมตรโดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ พบว่าหลายพื้นที่มีระดับสารกัมมันตรังสีที่สะสมภายในช่วง 25 วันสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดตลอดทั้งปี บางแห่งสูงเกินมาตรฐานถึง 3 เท่า ทำให้ญี่ปุ่นต้องสั่งขยายพื้นที่อพยพและยกระดับความรุนแรงในที่สุด

    และเมื่อเช้านี้ มีรายงานว่าได้เกิดไฟไหม้ขึ้นภายในอาคารแห่งหนึ่งใกล้เตาปฎิกรณ์หมายเลข 4 ที่โรงไฟฟ้าฟูกุชิมะหมายเลข 1 แต่คนงานสามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีผลต่อการฉีดน้ำเพื่อหล่อเย็นแต่อย่างใด ซึ่งสาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับอาฟเตอร์ช็อคครั้งล่าสุด 6.3 ริคเตอร์ เมื่อรุ่งเช้าที่ผ่านมา ที่นอกชายฝั่งเมืองชิบะหรือไม่ แต่เกิดขึ้นไม่กี่นาทีหลังเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเวลา 08.08 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 06.08 น.ตามเวลาของไทย โดยเกิดลึกลงไป 13 กิโลเมตร และจุดศูนย์กลางห่างจากกรุงโตเกียวเพียง 123 กิโลเมตร ทำให้เกิดแผ่นดินถล่มทับบ้าน 3 หลังที่เมืองอิวากิ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ส่วนอาฟเตอร์ช็อค 6.6 ริกเตอร์ เมื่อเย็นวานนี้ ทำให้เกิดโคลนถล่ม และมีผู้เสียชีวิต 1 คน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

    แผนสันติภาพลิเบียของเอยูล่ม

    [​IMG]

    แผนสันติภาพของสหภาพแอฟริกา เพื่อยุติสงครามกลางเมืองในลิเบียที่ยืดเยื้อนาน 2 เดือน ล้มไม่เป็นท่า หลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ปฎิเสธข้อตกลงในแผนดังกล่าว

    หากพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ไม่ลงจากตำแหน่ง และว่าการสู้รบเพื่อยึดครองเมืองมิสราต้า ของกองกำลังกัดดาฟี ทำให้การเจรจาหยุดยิงไม่มีความหมาย เช่นเดียวกับกองกำลังนาโต้ ก็ปฎิเสธที่จะหยุดโจมตีทางอากาศ หากยังไม่มีการหยุดยิงจริงของทุกฝ่าย

    ด้านนาย Saif al Islam Gaddafi ลูกชายของกัดดาฟี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อวานนี้ว่า เป็นสิ่งที่ขบขันที่การลงจากเก้าอี้ของผู้นำลิเบีย จะเปลี่ยนแปลงบรรยากาศทางการเมืองได้ และยืนกรานว่าชาติตะวันตกจะต้องทำงานกับรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อก่อให้เกิดประชาธิปไตยในลิเบีย

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

    ฝรั่งเศส..ห้ามสวมผ้าคลุมหน้าวันแรก

    [​IMG]

    ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศแรกในโลก ที่ห้ามสตรีใช้ผ้าคลุมหน้าตามข้อบังคับของศาสนาอิสลามในที่สาธารณะทุกแห่ง ตั้งแต่ตลาดกลางแจ้งไปจนถึงบาทวิถี และร้านบูติกบนถนนชองป์เอลีเซ่

    ประธานาธิบดีนีโกลา ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส ได้ริเริ่มจะบังคับใช้ข้อห้ามนี้เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน โดยกล่าวว่าการใช้ผ้าคลุมตามหลักศาสนาอิสลาม ขัดกับค่านิยมในเรื่องศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่แยกศาสนาออกจากการเมืองการปกครองและการศึกษา

    แม้จะมีสตรีมุสลิมเพียงประมาณ 5 ล้านคนที่ใช้ผ้าคลุมหน้า แต่ชาวมุสลิมจำนวนมากก็มองคำสั่งห้ามนี้ว่า เป็นตราบาปต่อศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฝรั่งเศส

    และเมื่อวานนี้ ประชาชนประมาณ 12 คน ซึ่งก็รวมถึงผู้หญิง 3 คน ที่สวมผ้าคลุมหน้าแบบนีก๊าบ ได้จัดการชุมนุมขึ้นที่บริเวณหน้ามหาวิหาร Notre Dame ของกรุงปารีส โดยผู้ชุมนุมกล่าวว่า คำสั่งห้ามเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการนับถือศาสนา แต่ตำรวจก็ได้จับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 2 คนในข้อหาจัดการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต

    กฎหมายกำหนดโทษปรับผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าเป็นเงิน 150 ยูโร หรือประมาณ 6,450 บาท หรือต้องเข้าชั้นเรียนพลเมืองพิเศษ แต่ไม่มีโทษจำคุก ส่วนผู้ใดที่บังคับผู้หญิงให้สวมผ้าคลุมหน้าอาจถูกลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 3 หมื่นยูโร หรือเกือบ 1 ล้าน 3 แสนบาท และโทษอาจเพิ่มเป็น 2 เท่า หากบุคคลที่ถูกบังคับให้สวมผ้าคลุมหน้าเป็นผู้เยาว์

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554


    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1302587641.jpg
      1302587641.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      2,217
    • 1302588377.jpg
      1302588377.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.5 KB
      เปิดดู:
      2,290
    • 1302572105.jpg
      1302572105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.7 KB
      เปิดดู:
      1,875
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    12 เม.ย. 54 เว็บไซต์ของสำนักข่าวเจียงซี รายงานว่ามีสตรีชาวจีนรายหนึ่งที่เมืองหนานฉาง มณฑลเจียงซี ได้สังหารหลานชายแท้ๆ ของเธอ หลังจากหมอดูทักทำนายว่าราศีของทารกนั้นชงกับราศีเกิดของสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ
    โดยหญิงคนดังกล่าวสารภาพกับตำรวจว่า หลังจากที่ลูกสะใภ้ของเธอคลอดบุตรเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เธอตัดสินใจที่จะสังหารเขา โดยอาศัยจังหวะที่นางหวังไปเข้าห้องน้ำและโยนหลานชายของเธอลงบ่อน้ำ เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจึงหนีออกจากบ้าน 2 วัน ก่อนที่ตำรวจจะพบตัวเธอและถูกจับกุมในที่สุด
    นอกจากนี้ในขณะที่ลูกสะใภ้ของเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เธอก็ได้ยุให้หลานชายคนหนึ่งทำร้ายลูกสะใภ้ด้วย เพื่อที่เธอต้องการที่จะให้เด็กในท้องแท้งนั่นเอง
    Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG][​IMG]ทิโม ฮีโร่ตัวน้อย

    เด็กหกขวบเลือดท่วม หลังถูกเยอรมันเชฟเฟอร์ดกัด
    รายงานข่าวจากเดลี่เมล์เผยภาพ เด็กชาย ทิโม และ คาร์ลอส โลเปส หลังถูกสุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเฟอร์ดเข้าโจมตี โดย ทิโม อายุ 6 ขวบซึ่งเป็นพี่ชายได้ใช้ร่างกายตัวเองเป็นเกราะกำบัง คาร์ลอส น้องชายวัย 4 ขวบ ทำให้ถูกสุนัขตัวดังกล่าวกัดจนเป็นแผลเลือดท่วม
    ทั้งนี้ สุนัขตัวดังกล่าวได้หลุดออกมาจากบ้านแห่งหนึ่งในรัฐฟอลิด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่เด็กชายทั้งสองกำลังเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านกับเพื่อนๆ สุนัขได้ตรงรี่เข้าไปหากลุ่มเด็กๆ ทิโม ซึ่งตัวโตกว่าจึงล้มตัวลงทับน้องชายไว้ โดยถูกกัดเข้าที่แขนและอีกหลายแห่งตามร่างกาย
    ต่อมา มีเด็กชายวัยรุ่นคนหนุ่งผ่านมาเห็นจึงเข้าช่วยเหลือ เด็กทั้งสองวิ่งมาหลบข้างหลัง สุนัขตัวดังกล่าวจึงวิ่งหนีไป โดย ทิโม ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเด็ก ไมอามี่ ซึ่งวีรกรรมดังกล่าวได้รับการกล่าวถึงไปทั่วเมือง ส่วนสุนัขตัวดังกล่าวตำรวจได้จับกุมตัวเอาไว้ ยังไม่แน่ชัดว่าจะทำอย่างไรกกับมัน

    Mthai News
    [​IMG]คาร์ลอส น้องชายวัย 4 ขวบ

    [​IMG]คาร์ลอส สวมกอด ทิโม เพื่อขอบคุณ


    [​IMG]สุนัขเยอรมันเชฟเฟอร์ด

    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item>
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“อังกฤษ” แตะมือ “ฝรั่งเศส” กดดันนาโตยกระดับปฏิบัติการถล่มลิเบีย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 เมษายน 2554 09:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250><TBODY><TR><TD vAlign=top width=250 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อแลง ชูปเป รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - อังกฤษจับมือกับฝรั่งเศสร่วมกันกดดันชาติพันธมิตรนาโต วานนี้ (12) ให้ยกระดับการโจมตีทางอากาศถล่มลิเบีย โดยประจำการเครื่องบินรบให้มากขึ้น เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน

    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส อแลง ชูปเป กล่าวตัดพ้อว่า สิ่งที่นาโตยังทำไม่เพียงพอ และยอมรับไม่ได้ที่เมืองมิสราตาของฝ่ายกบฏ ยังคงถูกถล่มจากกองกำลังของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี

    “ผมหวังว่าจะมีประเทศอื่นๆ เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของเรา” รัฐมนตรีชูปเปกล่าว หลังเสร็จสิ้นการประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ณ ลักเซมเบิร์ก วานนี้ อนึ่ง ฝรั่งเศสได้ถ่ายโอนการบัญชาการรบให้นาโตโดยไม่สู้เต็มใจนัก

    เกราร์ด ลองเกต์ รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสก็ออกมาค่อนขอดนานาชาติว่า ปารีสและลอนดอน สองชาติที่เปิดฉากโจมตีลิเบียเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ถูกทิ้งให้แบกรับภาระสงครามเพียงลำพัง เขาเผยว่า ขณะนี้สหรัฐฯ ทำหน้าที่เพียงแค่เป็นพลาธิการสนับสนุนทางทหาร หลังจากถอนเครื่องบินขับไล่ออกจากสมรภูมิเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ วิลเลียม เฮก กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าทางฝรั่งเศส ว่า ลอนดอนได้ยกระดับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพิ่มเติม และยินดีหากประเทศอื่นๆ จะทำการเช่นเดียวกันนี้

    ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า ไม่มีแผนการปรับเปลี่ยนบทบาทปฏิบัติการในลิเบีย พร้อมทั้งย้ำว่า พันธมิตรนาโตเป็นผู้นำในการโจมตี และเครื่องบินเจ็ตของกองทัพสหรัฐฯ ยังคงพร้อมรบหากได้รับคำร้องขอจากผู้บัญชาการการโจมตีทางอากาศของพันธมิตร

    อย่างไรก็ตาม ดีเอโก โลเปซ การ์ริโด รัฐมนตรีช่วยกิจการยุโรปของสเปนระบุว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเสริมกำลังทางอากาศในลิเบียแต่อย่างใด ส่วนอิตาลียืนยันว่า กำลังพิจารณาถึงบทบาทการโจมตีลิเบียโดยตรง แต่มีข้อวิตกสำคัญ คือ ความปลอดภัยของพลเรือนในพื้นที่ สเปนและเนเธอร์แลนด์ได้ส่งเครื่องบินเจ็ตเข้าร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง แต่จำกัดบทบาทของตัวเองไว้เพียงการบินลาดตระเวนในเขตห้ามบินเท่านั้น

    กลุ่มรัฐมนตรีต่างประเทศอียูยังได้ถกกันว่า จะส่งทรัพยากรทางทหารของอียูเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมืองมิสราตาดีหรือไม่

    อนึ่ง ใช่ว่าชาติพันธมิตรนาโตทั้ง 28 ประเทศเห็นพ้องต้องกันในการรุมกินโต๊ะลิเบียทั้งหมด โดยเฉพาะตุรกีและเยอรมนี ซึ่งคัดค้านการแทรกแซงทางทหารตั้งแต่เริ่ม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000046112</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ”การหมุนเร็วขึ้นของแกนโลก”

    [​IMG]

    ความเข้มข้นที่มากขึ้นของสนามแม่เหล็กโลก จากกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) เป็นสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนน้อยกว่า แต่สำคัญอย่างมากของการรั่วไหลของสนามพลังออร่า ก็คือเกิดจากกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของดาวเคราะห์โลก

    ถ้ามองอย่างผิวเผินแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันขัดแย้งกันเองอยู่ แต่ว่าความจริงแล้ว มันกำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆ และพวกคุณจะต้องตระหนักถึงมันด้วย กลไกเบื้องต้นของกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้ ก็คือ “พายุสุริยะ” (Solar wind) ,”การหมุนเร็วขึ้นของแกนโลก” และ “ระดับคลื่นความถี่ของดาวเคราะห์โลกที่เพิ่มสูงขึ้น”

    ความสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลกกำลังเร่งเร็วขึ้น และนี่แหละที่รักทั้งหลาย ที่กำลังส่งผลกระทบต่อพวกคุณ ในรูปแบบต่างๆ อยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าจะอธิบายให้พวกคุณพอจะเข้าใจได้ ก็จะบอกว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพลังงานระหว่างกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นในครั้งนี้ กำลังยืดขยายความจุด้านคลื่นความถี่ของพวกคุณอยู่ ซึ่งผลของมัน จะทำให้พวกคุณพัฒนาไปสู่การมีสนามพลังออร่าที่กว้างขึ้น

    ก็เหมือนกับงูนั่นแหละ ที่ทุกๆปีที่มันโตขึ้น มันจะต้องมีการลอกคราบเพื่อสลัดผิวหนังเก่าออกไป แล้วสร้างผิวหนังใหม่ที่พอดิบพอดีกับขนาดของร่างกายที่โตขึ้นมากกว่ามาแทน พวกคุณเข้าใจไหม? ซึ่งกว่าที่จะได้ผิวหนังใหม่ที่ยืดหยุ่นได้ขึ้นมา ผิวหนังเก่าก็จะต้องถูกยืดขยาย และถูกทำให้ปริแตกออกเสียก่อน และในระหว่างที่กำลังอยู่ในกระบวนการนี้ มันก็จะมีช่วงหนึ่ง ที่จะต้องอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ และเปราะบางที่สุดอยู่ด้วย จนกว่าผิวหนังใหม่จะเสร็จสมบูรณ์

    ยิ่งโลกของพวกคุณใกล้จะเลื่อนระดับขึ้นในปี 2012 มากเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆมากมายก็จะเกิดขึ้นรอบๆตัวพวกคุณมากขึ้นไปด้วย และพวกมันจะส่งผลกระทบต่อพวกคุณอย่างมาก ทั้งทางด้านร่างกาย, อารมณ์ และจิตใจ

    พวกคุณหลายๆคนอาจจะกำลังรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเหลือเกินในช่วงนี้ หรืออาจจะกำลังรู้สึกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ ราวกับว่าอะไรๆมันก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ราวกับว่าเวลาในวันหนึ่งๆมันมีไม่เพียงพอที่จะทำอะไรต่ออะไรอย่างนั้นแหละ พวกคุณบางคนอาจจะกำลังอยู่ในช่วงของความรู้สึกหดหู่ซึมเซา หรือกำลังรู้สึกว่ากำลังจมปรักอยู่กับความรู้สึกไม่ดีทั้งหลาย และอาจจะกำลังรู้สึกว่ากำลังเคลื่อนที่อ้อยอิ่งอยู่ในของเหลวหนืดๆข้นๆและเหนอะหนะอยู่อย่างนั้นแหละ บางอารมณ์อาจจะรู้สึกปิติยินดี มีความสุขอย่างเหลือล้น แต่บางอารมณ์ก็อาจจะรู้สึกว่าเศร้าสร้อย และท้อแท้สิ้นหวังเหลือเกิน

    ที่รักทั้งหลาย พวกคุณไม่ได้กำลังเป็นแบบนั้นเพียงลำพังหรอก เพราะว่าจริงๆแล้ว มีมนุษย์หลายล้านคนที่กำลังเป็นเหมือนพวกคุณอยู่ พวกเขาก็กำลังเผชิญกับการยืดขยาย และการสร้าง “ผิวหนังแห่งออร่าใหม่” อยู่เช่นเดียวกัน และพวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ถ้าหากว่าพวกคุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการนี้ และสามารถบำรุงรักษาความแข็งแกร่งของสนามพลังออร่าของพวกคุณเอาไว้ได้ กระบวนการนี้มันก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะเลย

    บริเวณที่เป็นจุดศูนย์รวมพลังงาน หรือ จุดประสานมิติ

    ผู้รับสาส์นเคยพูดถึงการทำให้พลังงานเกิดความสมดุลอยู่บ่อยๆว่า สามารถทำได้โดยการเดินทางไปที่พื้นที่ๆเป็นจุดประสานมิติ หรือจุดที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในกรณีที่ผู้ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่นั้น เดินทางไปยังจุดที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานเหล่านั้น เช่น ภูเขาแชสต้า, ทะเลสาบติติกาก้า, เซโดน่า, อาแคนซอส์ หรือ Glastonbury เป็นต้น

    หลายๆคนอาจจะรู้สึกได้ว่า มีพลังงานที่เข้มข้นรุนแรงโอบล้อมอยู่รอบๆ ซึ่งระดับความสั่นสะเทือนของมัน จะสูงกว่าระดับความสั่นสะเทือนของพลังงานของสนามพลังออร่าของพวกเขาเองอย่างมาก ซึ่งพวกเขาไม่คุ้นเคย ดังนั้น สำหรับบางคนแล้ว แต่อาจจะไม่ใช่ทุกคน ภายใน 3 – 7 วัน ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็ง และความยืดหยุ่นของสนามพลังออร่าของคนๆนั้น

    สนามพลังออร่าของคนๆนั้น จะปรับตัวให้เข้ากับความกดดันที่แตกต่างกันนั้นโดยใช้กระบวนการออสโมสิส (osmosis) เพื่อให้เกิดความสมดุลขึ้น สนามพลังออร่าจะสร้างรอยรั่วขึ้นมาในตัวเอง เพื่อให้พลังงานไหลเข้าและออกจนเกิดความสมดุลขึ้นได้ และถ้าไม่เป็นแบบนี้แล้ว การลัดวงจรของสนามพลังออร่าก็จะเกิดขึ้นในที่สุด

    ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรงขึ้น จนกว่าสนามพลังออร่าสามารถปรับตัวให้เข้าสู่ความสมดุล และคงที่ ได้อีกครั้งหนึ่งโน่นแหละ อาการนี้จึงจะหายไป ในกรณีที่ย้ายที่อยู่จากที่ๆ มีระดับพลังงานต่ำกว่า เข้าไปอยู่ในที่ๆเป็นจุดประสานมิติ ที่มีระดับพลังงานสูงกว่าอย่างมาก กระบวนการปรับตัวของสนามพลังออร่านี้ อาจจะใช้เวลานานถึง 6 เดือน หรือเป็นปีเลยทีเดียว

    พวกคุณที่ย้ายไปอยู่ในแถบภูเขาแชสต้า และเซน่าจะเข้าใจเรื่องนี้กันดี แต่สำหรับผู้ที่เพียงเดินทางมาชั่วคราว การปรับตัวของสนามพลังออร่าของพวกเขา อาจจะเสร็จสิ้นภายใน 1 หรือ 2 สัปดาห์ หลังจากที่กลับไปสู่ที่เดิมแล้ว กุญแจสำคัญมันอยู่ที่ระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนของสนามพลังออร่าของพวกคุณเอง และจงอย่าอยู่ที่นั่นนานจนเกินไป หากสนามพลังออร่าของพวกคุณยังไม่สามารถทนทานต่อระดับความสั่นสะเทือนที่สูงกว่านี้ได้

    แต่พวกเราก็ไม่ได้บอกนะว่า การไปเยื่ยมเยือนจุดที่เป็นจุดประสานมิติ หรือจุดศูนย์รวมพลัง (Power node) เหล่านี้ จะไม่มีประโยชน์ แต่ในทางตรงกันข้าม การขยายตัวและการพัฒนาสูงขึ้นแบบนั้น โดยภาพรวมแล้ว เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และค่อนข้างจะเป็นประโยชน์ และมีความจำเป็นอย่างมากด้วย เพื่อที่จะทำให้ “ผิวหนังใหม่” ของพวกคุณถูกสร้างขึ้น และมีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น และก็มีความเป็นหลากมิติมากขึ้นด้วย

    จุดศูนย์รวมพลังงานเหล่านี้ จะช่วยเร่งให้เกิดกระบวนการดังกล่าวนี้ เพราะฉะนั้น พวกคุณจึงควรจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนมันบ้าง จุดประสานมิติเหล่านี้ จะทำหน้าที่เหมือนเป็น “ตัวเร่ง” ให้กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบของพวกคุณเกิดเร็วขึ้น และจะช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่พวกคุณ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น ที่มีระดับพลังงานสูงขึ้นเรื่อยๆนี้ พวกคุณเห็นไหม?

    พวกเรากำลังบอกว่า กระบวนการที่กำลังเกิดขึ้นภายในจุดศูนย์รวมพลังงานเหล่านี้ มันเป็นกระบวนการในระดับจุลภาค ของทั้งมหภาคอย่างหนึ่ง และพวกคุณจะต้องเข้าใจมันด้วย พวกคุณเห็นไหมว่า ดาวเคราะห์โลกทั้งใบของพวกคุณ กำลังมีระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ และพวกคุณก็จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง เพื่อที่จะรับมือกับความถี่ระดับนั้นได้

    พวกคุณหลายๆคนก็กำลังรับมือกับมันอยู่ แต่ก็ทำไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย แต่ไม่ว่าตอนนี้พวกคุณจะกำลังเผชิญกับมันอยู่ หรือจะได้เผชิญกับมันในไม่ช้านี้ก็ตาม ความเข้าใจถึงกระบวนการของมัน จะช่วยให้พวกคุณรับมือกับมันได้ง่ายดายขึ้นอย่างมาก การเปลี่ยนรูปแบบของสนามพลังออร่า หรือ การเปลี่ยนผิวหนังทิพย์ใหม่ แต่กระบวนการที่เป็นไปในทางตรงข้ามกับกระบวนการที่กล่าวมาแล้วนั้น ก็อาจจะเกิดขึ้นได้กับพวกคุณหลายคน ที่เป็นผู้ที่ตื่นรู้แล้วด้วยนะ เพราะว่ามีพวกคุณหลายคน ที่บรรลุถึงขั้นสามารถเข้าถึงความเป็นตัวตนหลากมิติ ที่กว้างใหญ่ไพศาลของตัวเองได้แล้ว เพราะว่าโครงข่ายคริสตัลไลน์ 144 เอื้ออำนวยให้สามารถเข้าถึงมิติต่างๆได้มากขึ้นนั่นเอง

    ผลของมันก็คือ สนามพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าภายในของพวกคุณ จะดึงดูดกระแสพลังงานเข้ามาสู่ตัวมันเองอย่างมากมาย จนทำให้ระดับพลังงานพุ่งสูงขึ้น จนเกินขีดความสามารถในการเก็บประจุของสนามพลังออร่าของพวกคุณเอง ในกรณีนี้ จะทำให้เกิดการยืดและขยายตัวของสนามพลังออร่า เพราะว่ามันรับพลังงานเข้ามามากจนเกินไป (overload) จนทำให้เกิดการรั่ว และฉีกขาดของสนามพลังออร่า เป็นการชั่วคราวได้ ซึ่งจะทำให้สูญเสียพลังงานไป แต่นั่นก็หมายความว่า พวกคุณกำลังลอกคราบเพื่อเปลี่ยนผิวหนังใหม่อยู่

    ส่วนหนึ่งของการยืดขยายเพื่อการเปลี่ยนรูปแบบ จำเป็นจะต้องมีการชำระล้างร่วมอยู่ด้วย ความเป็นหลากมิติของจุดประสานมิติทั้งหลาย และกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น พวกมันก็คือ “เตาเผา” ในตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ปัญหาต่างๆ ผุดขึ้นมาสู่พื้นผิว เพื่อให้คนผู้นั้น ได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับมัน และปลดปล่อยสิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ฝังตัวอยู่ ให้หลุดออกไป

    เร็วก็ย่อมดีกว่าช้า นี่คือเหตุผลว่าทำไมปัญหาอุปสรรคทั้งหลาย จึงพากับผุดขึ้นมาในชีวิตของพวกคุณหลายๆคน มากมายนัก การพยายามที่จะกลบเกลื่อนมันไว้ หรือเพิกเฉยต่อมันเหมือนเดิมนั้น ก็รั้งแต่จะทำให้ปัญหานั้นๆเพิ่มพูน และกลัดหนองมากยิ่งขึ้นไปอีก ปัญหาเหล่านี้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข มันก็จะทำให้เกิดความเครียดขึ้น และจะทำให้เกิดสนามพลังที่จะไปทำฏิกิริยาให้เกิดการกลับขั้ว, การล้มเหลวของวงจรไฟฟ้า และการรั่วไหลของสนามพลังออร่าของพวกคุณได้

    ที่รักทั้งหลาย จริงๆแล้ว มันมีศาสตร์ชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของสนามพลังออร่าอยู่ และมันก็ไม่ใช่ศาสตร์ใหม่แต่อย่างใดด้วย เพียงแต่ว่ามันถูกลืมไปเท่านั้นเอง พวกคุณคนใดที่ปราถนาความก้าวหน้าทางด้านจิตวิญญาณ และปราถนาความสมดุล, ภูมิปัญญา และความรู้ จำเป็นจะต้องเข้าใจ และ เรียนรู้มันใหม่ทุกๆคน สนามพลังออร่าที่สมบูรณ์ จะช่วยให้คนผู้นั้น สร้างตาข่ายคอสมิคขึ้นมาใหม่ได้ และจะทำให้วงจรไฟฟ้าของสนามพลังออร่ากลายเป็นระบบ 13-20-33 ได้ รวมถึงจะทำให้จิตสำนึกขยายตัวไปสู่ความเป็นหลากมิติ ในระดับของระบบเมอร์คิว่า (Mer-Ki-Va) แบบคริสตัลไลน์อีกด้วย

    ส่วนสนามพลังออร่าที่มีการฉีกขาด จะทำให้เกิดการรั่วไหลของพลังงาน และการรั่วไหลของพลังงาน ก็จะทำให้เกิดความเครียดขึ้นในวงจรไฟฟ้าของกายเนื้อ ซึ่งถ้าการรั่วไหลนี้ ไม่ได้รับการแก้ไข มันก็จะนำไปสู่การกลับขั้วของสนามพลังออร่าแบบเรื้อรังขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้จิตตก, รู้สึกหดหู่, มีอาการอ่อนเพลียแบบเรื้อรัง, นอนไม่หลับ, ปวดหัวแบบไมเกรน, น้ำหนักลด, วิตกกังวล และอาการผิดปกติที่น่าเป็นห่วงอื่นๆอีกเล็กน้อย แต่ปัญหาทั้งหมดนี้ก็สามารถแก้ไขได้

    ตอนนี้ พวกเราอยากจะสนับสนุนให้พวกคุณตั้งใจศึกษาเรื่องนี้ให้ดี แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกคุณจำเป็นจะต้องเข้าใจก็คือ มันมีแหล่งกำเนิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่มากมาย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดความเสียหายของสนามพลังออร่า และสามารถทำให้กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบของพวกคุณ ติดขัดหรือล่าช้าได้ เพราะว่ามันจะไปสร้างความเสียหายให้กับวงจรไฟฟ้าของสนามพลังออร่าของพวกคุณ เป็นการชั่วคราว ไม่มากก็น้อย เหล่านี้แหละที่พวกคุณจะต้องรับมือด้วย

    ลองจินตนาการดูว่า ถ้ามีรอยรั่วเล็กๆเกิดขึ้นบนยางรถยนตร์ของพวกคุณ ถ้าพวกคุณปล่อยปะละเลยไป ยางรถก็จะต้องแบบแน่ๆ และรถก็ไม่สามารถไปต่อได้อีก สนามพลังออร่าของพวกคุณก็เป็นแบบเดียวกันนั่นแหละ

    คำถาม ถามท่านเมตาตรอน:

    แล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าสนามพลังออร่าของเรากำลังรั่วอยู่หรือเปล่า?

    คำตอบ:

    อย่างแรก ต้องเข้าใจเรื่องของสภาวะที่ทำให้เกิดการเสียสมดุลทางพลังงาน และเกิดการรั่วไหลของพลังงานในสนามพลังออร่าซะก่อน ซึ่งก็คือสิ่งที่พวกเราได้กล่าวถึงไปแล้วข้างบนนั้น สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของร่างกายมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นปราการพลังงานปกป้องร่างกายไว้ และมันก็เหมือนกับผิวหนังของพวกคุณที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น สนามพลังออร่าของพวกคุณ ในมิติของโลกใบนี้ มันก็มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 ชั้น ซึ่งชั้นนอกสุด 3 ชั้นแรก คือชั้นที่จะเกิดการรั่วไหลได้มากที่สุด อันเป็นผลมาจากการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    ส่วนคลื่นไมโครเวฟนั้น จะสามารถส่งผลเสียหาย ต่อชั้นที่อยู่ลึกลงไปกว่านั้นได้ด้วย อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยคลื่นไมโครเวฟ มันจะเก็บรักษาคลื่นไมโครเวฟ ไว้ในความเป็นขั้วของโมเลกุลของมัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในวงการวิชาการของพวกคุณ และเมื่ออาหารดังกล่าวนี้ ถูกกินเข้าไป วงจรไฟฟ้าในระบบย่อยอาหาร และในลำไส้ ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ทั้งในด้านกายภาพ และด้านพลังงาน

    ตอนนี้ การรู้ถึงเหตุที่มาของปัญหา จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าในสภาวะใดบ้าง ที่จะทำให้สนามพลังออร่าถูกรบกวนจากสนามพลังงานอื่นๆได้บ้าง เพราะว่าการจะใช้ประสาทสัมผัสรับรู้นั้น ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก สิ่งชี้บ่งแรกที่สามารถรู้สึกได้ ก็คืออาการตกต่ำทางอารมณ์ ซึ่งมันจะเป็นอาการเหนื่อยล้า และหมดพลัง แต่มนุษย์ก็มักจะไม่ค่อยรู้ว่า อาการเหล่านี้ มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญเสียสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของร่างกายไป เพราะว่ามันเกิดขึ้นค่อนข้างเป็นประจำอยู่แล้ว

    เพราะว่าบ้านเรือนส่วนใหญ่ ก็มักจะมีอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดสนามพลังงานรบกวนเหล่านี้อยู่แล้ว รวมถึงในชีวิตประจำวัน, ในอาชีพการงาน และในชีวิตครอบครัว ปกติมันก็จะมีความเครียดเกิดขึ้นอยู่แล้วด้วย ซึ่งจริงๆแล้ว ความเครียดเอง มันก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุแห่งการรั่วไหลของพลังงานอยู่แล้ว และยิ่งจะเลวร้ายลงไปอีก ถ้าหากขาดการออกกำลังกาย และการมีพฤติกรรมการกินที่ดี

    คำถาม ถามท่านเมตาตรอน:

    แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างครับ เพื่อทำให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของร่างกายมนุษย์เข้มแข็ง และ มั่นคงได้?

    คำตอบ:

    มันก็มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ที่จะทำให้สนามพลังออร่าเข้มแข็งได้ แต่ว่าอย่างแรกสุด จะต้องพยายามลดต้นเหตุที่จะทำให้เกิดการลัดวงจร และการรั่วไหลของสนามพลังออร่าลงซะก่อน โดยการหยุดใช้เตาอบไมโครเวฟในการปรุงอาหาร และหากจำเป็นจะต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆหลายชั่วโมง อย่างที่พวกคุณหลายๆคนเป็นกันหละก็ มันก็มีขั้นตอนที่จะช่วยทำให้ผลกระทบของมันเป็นกลางได้อยู่

    ตอนนี้ วิธีการที่จะทำให้สนามพลังออร่าเข้มแข็งนั้น มีอยู่มากมาย ซึ่งบางวิธีการก็จะเป็นวิธีการทั่วๆไป แต่บางวิธีการก็ไม่ใช่

    1). ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ไม่ว่าจะด้วยการทำโยคะ, การเดิน, หรือ Tai Chi ก็ตาม
    2). ดื่มน้ำให้มากขึ้น และดื่มน้ำที่มีการใส่พลังงานแม่เหล็กเข้าไป
    3). ล้างพิษ โดยการอบซาวน่า หรือการสวนทวารหนักเพื่อล้างลำไส้ใหญ่ (colonic irrigation) หรือ ด้วยวิธีนวดบำบัด
    4). อาบน้ำเกลือ และน้ำแร่ และอาบน้ำพุร้อนธรรมชาติ
    5). ใช้รังสีสีม่วงบำบัดของเทสล่า (Tesla Violet Ray Therapy)
    6). วางแม่เหล็กไว้บนหลังเท้าทั้งสอง และ ข้อมือทั้งสอง (3500 gausses)
    7). ใส่อัญมณี หรือ หินสี บางชนิดที่เข้ากันได้ (เดี๋ยวรายละเอียดตรงนี้ ยังมีอีกเยอะครับ – ผู้แปล)
    8). สวมโลหะชั้นสูง (เช่น ทองคำ แพลตินั่ม เงิน และอื่นๆ – ผู้แปล) ไว้รอบคอ และข้อมือทั้งสอง
    9). มีพฤติกรรมการกินที่ดี
    10). หลีกเลี่ยงการดื่มแอกอฮอล์มากจนเกินไป
    11). งดเว้น / ลดการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น บุหรี่ และยาตามแพทย์สั่งบางชนิด
    12). รับประทานอาหารล้างพิษเป็นประจำทุกสัปดาห์ เช่น กระเทียมสด, ขิงสด, และน้ำส้มสายชูหมัก
    13). ใช้คริสตัลที่เจียรไนยแบบ Vogel ที่มีเหลี่ยมมุมแบบ Phi เพื่อซ่อมแซม และอุดรอยรั่วของสนามพลังออร่าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในกระทู้ข้างล่างนี้นะครับ – ผู้แปล)
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...al.270460/
    14). ใช้วิธีรมควันด้วยสมุนไพรหอม เช่น เสจ (sage) เพื่อซ่อมแซม/รักษาสนามพลังออร่า
    15). ใช้คลื่นความถี่เสียงที่บริสุทธิ์ ที่เกิดจากคริสตัลโบว์ (Crystal bolw) หรือ ชามทิเบต (Tibetan bowls หรือ singing bolw) และ ซ่อมเสียง เพื่อซ่อมแซม/รักษาสนามพลังออร่า

    ตอนนี้ เพื่อให้ได้ผลดีมากขึ้นไปอีก จงระมัดระวังภาวะอารมณ์ของตัวเองให้ดี ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะเซื่องซึม หรืออ่อนเพลียแบบเรื้อรัง หรือ นอนไม่หลับ หรือ ท้อแท้หดหู่ หรือวิตกกังวลอยู่หละก็ นั่นแหละคืออาการที่บอกว่าคุณจำเป็นจะต้องใช้วิธีการรักษาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้วหละ แต่การปฏิบัติอย่างอื่น ก็จะต้องทำควบคู่กันไปด้วยนะ

    พวกคุณหลายคนที่ได้เลือกบทเรียนแห่งชีวิตเอาไว้ว่า จะกำจัดปัญหาอุปสรรคไปให้ได้ โดยวิธีการเอาชนะมัน ซึ่งบทเรียนชีวิตที่เลือกเอาไว้ในพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณก่อนถือกำเนิดนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญ และเป็นประโยชน์อย่างมากต่อวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของพวกคุณ ถ้าพวกคุณทำได้ เพราะว่าถ้ามีแต่บทเรียนชีวิตที่ง่ายๆแต่เพียงอย่างเดียว พวกคุณก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรที่มีความจำเป็นเลย

    การเพียงแต่เปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง ให้เป็นทัศนคติในแง่บวกแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อคุณกำลังเผชิญหน้ากับบทเรียนชีวิตที่ทำให้คุณต้องตกอยู่ในสภาวะหดหู่และซึมเซานั้น ยังไม่เป็นการเพียงพอ เพราะว่าลำพังการคิดบวกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะกำจัดต้นตอของปัญหาให้หมดไปได้ แต่การมีสนามพลังออร่าที่แข็งแรงสมบูรณ์ จะช่วยให้คุณสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคไปได้ และในบางกรณี สนามพลังออร่าก็จะไม่มีวันแข็งแรงสมบูรณ์ได้เลย ถ้าปัญหาเรื้อรังนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะว่ามันช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันอยู่ (ขอแนะนำให้ใช้วิธีการบำบัดแบบ Mickel Therapy เพราะจะช่วยให้ปัญหาที่ทำให้เกิดความผิดปกติด้านพลังงานหายไปได้)

    (ดูเพิ่มเติมได้ใน Mickel Therapy - ผู้แปล)

    มีพวกคุณบางคน ที่อยู่ในสภาวะที่อาจจะเรียกว่า “ปลอดกรรม” แล้ว แต่พวกคุณส่วนใหญ่ก็ยังคงมีบทเรียนแห่งกรรมให้ต้องเรียนรู้ และฝ่าฟันกันอยู่ต่อไป ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุด ที่จะช่วยให้พวกคุณสามารถเรียนจบหลักสูตรของบทเรียนเหล่านี้ได้ และช่วยให้สามารถเผชิญหน้ากับมันได้ รวมถึงจะช่วยให้สามารถกำจัดพลังงานที่ตกค้างอยู่ของอุปสรรคเหล่านั้น ออกไปให้หมดได้ ซึ่งการบำรุงรักษาสนามพลังออร่าให้แข็งแรง คือกุญแจสำคัญของทั้งหมดที่กล่าวมานี้

    ข้อความสื่อสารทางโทรจิต จากมหาเทพเมตตาตรอน (Archangel Metatron)เรื่อง: Quantum Clarity in Alchemy

    วันที่: 22 มีนาคม 2011 ผู้รับสาส์น: นาย Tyberonn ผู้แปลและเรียบเรียง chayutt

    ที่มา: http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-วิธีลดความเสียหายของออร่า-จากคลื่นรบกวน-การบิน-และอื่นๆ.287075/

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • auralovers.jpg
      auralovers.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.5 KB
      เปิดดู:
      1,571
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2011
  20. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    การม้วนของเพลท Philippine และ Australian-Indian
    ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างต<wbr>่อเนื่อง ตามรอยต่อของเพลท รอบ ๆ ประเทศไทย


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=9EH-CoD3pLo&feature=player_embedded#at=37"]YouTube - ภัยในอนาคต.wmv[/ame]

    ขอบคุณข้อมูลจาก ระเบียบ โลกใหม่
    ขอบคุณผู้จัดทำ International Channeling (ทีมส่งผ่าน)

    เพื่อนบอกว่า แผ่นดินไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น..เป็นสัญญาณการ<wbr>ขอคืนพื้นที่ของธรรมชาติ
    โดยยึดตามหลักสากล โดยจะใช้ความพยายามในการเพิ่<wbr>่มแรงกดดันเข้าไปดำเนินการจ<wbr>ากเบาไปหาหนัก


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...