พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet626, 4 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    9,169
    ค่าพลัง:
    +484
    3535.พระกรุวัดเงินคลองเตย พิมพ์เล็บมือ มารวิชัย (มีซ่อมเก่า) ปิดรายการครับ


    upload_2025-4-13_13-21-30.png

    เป็นหนึ่งในยอดพระเบจภาคีเนื้อผงยอดนิยมชุดเล็กตลอดกาลตั้งแต่สมัยก่อน
    1.พระวัดพลับ
    2.พระปิลันทน์
    3.พระวัดท้ายตลาด
    4.พระวัดสามปลื้ม (พระวัดรังษี แต่พระหมุนเวียนในตลอดน้อยมากพระวัดสามปลื้มจึงถูกแทนที่เข้ามา)
    5.พระกรุวัดเงินคลองเตย

    พระ กรุวัดเงิน คลองเตย นับว่าเป็นพระเครื่องที่ทรงพุทธคุณและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสำหรับ บรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องกรุเก่ามาตั้งแต่อดีต แต่สำหรับ "วัดเงิน" ซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบนั้น ณ ปัจจุบันไม่ปรากฏให้เห็นกันแล้ว เนื่อง จากกลายเป็นที่ตั้งของ "การท่าเรือแห่งประเทศไทย" ไปแล้ว ในอดีตบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือท่าเรือคลองเตย เคยเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญๆ ถึง 3 วัด คือ

    1.วัด หน้าพระธาตุ วัดเก่าแก่ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    2.วัดเงิน หรือวัดหิรัญสีวลี สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยชาวรามัญ ชื่อนายมะซอน และภรรยา
    3.วัดทองล่าง หรือวัดโพธิ์ทอง สร้างหลังวัดเงินประมาณ 75-80 ปี โดยนายทองและพระภิกษุรามัญ ต่อมาในปี พ.ศ.2480 ทางรัฐบาลต้องการที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นบริเวณที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและมีร่องน้ำลึก จึงต้องเวนคืนที่ดินของวัดทั้ง 3 วัด หลังจากนั้นวัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่างย้ายไปสร้างใหม่ที่ตำบลบ้านกล้วย และยุบรวมเป็นวัดเดียวกัน ชื่อว่า "วัดธาตุทอง" ปัจจุบันอยู่ตรงเอกมัย เยื้องสถานีขนส่งเอกมัย (สายตะวันออก) ส่วนวัดเงินไม่มีประวัติการโยกย้ายสำหรับ
    การค้นพบ "พระกรุวัดเงิน" นั้น หลังจากมีการเวนคืนที่ดินแล้ว จึงรื้อถอนสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในวัดทั้งสาม พอเข้ารื้อถอนที่วัดเงินปรากฏว่าพบ "พระเนื้อผง" บรรจุอยู่ในพระเจดีย์หลายๆ องค์ และมีมากมายหลายแบบหลายพิมพ์ทรง อาทิ พิมพ์ป่าเล ไลยก์, พิมพ์พระคง, พิมพ์พระสังกัจจายน์มีหู-ไม่มีหู, พิมพ์พระประธาน, พิมพ์เล็บมือสมาธิ-มารวิชัย, พิมพ์หน้าฤๅษี และพิมพ์ซุ้มกอฐานสูง-ฐานเตี้ย ฯลฯ จึงเรียกขานกันว่า "พระกรุวัดเงิน คลองเตย"
    ช่วง สงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยามศึกสงครามผู้คนก็ต่างอาศัยพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจ ปรากฏว่าผู้ที่แขวนหรือสักการะ พระกรุวัดเงิน คลองเตย ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ทรงใดก็ได้ประจักษ์ในพุทธคุณเป็นที่ปรากฏทั้งสิ้น ความนิยมสะสมจึงกว้างขวางขึ้น สนนราคากระเถิบสูงขึ้นมาจน ณ ปัจจุบันบางพิมพ์ถึงหลักหมื่น และหลายๆ หมื่นก็มี โดยเฉพาะพิมพ์ที่สมบูรณ์และพิมพ์ที่ค่อนข้างหายาก จากการพิจารณาเนื้อหามวลสารแล้วสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระที่สร้างขึ้นในราว สมัยรัชกาลที่ 4 หรือรัชกาลที่ 5 นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ พระเนื้อแกร่งและพระเนื้อแก่ปูน
    "พระเนื้อแกร่ง" จะมีเนื้อมวล สารที่ภาษาวงการพระเรียก "เนื้อจัด" พิจารณาได้ง่าย มีความแกร่ง แน่น และมีความหนึกนุ่ม ผิวขององค์พระจะคล้ายกันมากกับผิวของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมกรุเก่า สังเกตที่ผิวขององค์พระจะปรากฏรอยลานตัวหนอนซึ่งมีขนาดใหญ่-เล็กสลับกันคราบกรุแบบนี้จะมีสีเหลือง บางทีถ้าหนาหน่อยจะเป็นเหมือนฟองอากาศ หรือเรียกกันว่าคราบกรุฟองเต้าหู้ ซึ่งว่ากันว่าเกิดขึ้นมาจากน้ำมันตั้งอิ้วที่เป็นตัวประสาน ขณะที่พระถูกเก็บอยู่ในกรุ มีความร้อน ทำให้น้ำมันระเหยออกมาสู่ผิวภายนอกอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจนเกิดเป็นคราบสีเหลืองคลุมอยู่บนผิวพระโดยทั่ว ในขณะที่ภายในเนื้อแห้งเป็นผงขาวเพราะน้ำมันออกมาหมดแล้ว
    ส่วน "พระเนื้อแก่ปูน" เนื้อในขององค์พระจะค่อนข้างขาวจัด การเกาะตัวของเนื้อมวลสารไม่แน่นเหมือนแบบแรกเนื่องจากมีตัวประสานน้อย ลักษณะเนื้อขององค์พระจะร่วนและแห้ง น้ำหนักเบา หลุดร่อนได้ง่าย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการจับต้องหรือสัมผัส และเนื่องจากเป็นพระที่ถูกบรรจุในกรุพระเจดีย์ จึงเป็นพระที่จะมีคราบกรุเกาะตามพื้นผิวขององค์พระ คราบกรุขององค์พระที่อยู่ตอนบนจะมีลักษณะคล้าย "ฟองเต้าหู้" สีเหลืองอมน้ำตาลจับอยู่บนผิว บางองค์มากทั่วทั้งองค์พระ บางองค์จับเป็นบางส่วน และฟองเต้าหู้บางจุดจะปะทุฟูตัว ส่วนองค์พระที่อยู่ใต้ๆ ลงไปจะมีคราบกรุจับน้อยมากบางองค์แทบไม่มีเลย อาจมีคราบดินกรุสีน้ำตาลเป็นขุยจับเป็นหย่อมๆ เท่านั้น หรือมีลักษณะปะทุเป็นเม็ดเล็กๆ ประปราย ถือได้ว่าเป็นพระที่มีผิวสะอาดสะอ้านทีเดียว
    ปัจจุบันวัดพระเงินคลองเตย ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะพิมพ์พิเศษหรือพิมพ์สังกัจจายน์ราคาเป็นแสน แต่บางพิมพ์ก็พอหาได้ในหลักพันกลางถึงปลายเท่านั้น
    นามของวัดว่า "วัดพระเงิน" เป็นมงคลอยู่ในตัว คนที่มีพระวัดเงินมักมีเงินติดตัวไม่ขาดมือ เป็นความเชื่อของนักนิยมสะสมพระเครื่องที่พูดต่อกันมาจนทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2025 at 14:04
  2. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    9,169
    ค่าพลัง:
    +484
    3536.พระกรุวัดเงินคลองเตย พิมพ์เล็บมือ สมาธิ ให้บูชา 3300 บาท



    upload_2025-4-13_15-54-30.png

    เป็นหนึ่งในยอดพระเบจภาคีเนื้อผงยอดนิยมชุดเล็กตลอดกาลตั้งแต่สมัยก่อน
    1.พระวัดพลับ
    2.พระปิลันทน์
    3.พระวัดท้ายตลาด
    4.พระวัดสามปลื้ม (พระวัดรังษี แต่พระหมุนเวียนในตลอดน้อยมากพระวัดสามปลื้มจึงถูกแทนที่เข้ามา)
    5.พระกรุวัดเงินคลองเตย

    พระ กรุวัดเงิน คลองเตย นับว่าเป็นพระเครื่องที่ทรงพุทธคุณและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสำหรับ บรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องกรุเก่ามาตั้งแต่อดีต แต่สำหรับ "วัดเงิน" ซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบนั้น ณ ปัจจุบันไม่ปรากฏให้เห็นกันแล้ว เนื่อง จากกลายเป็นที่ตั้งของ "การท่าเรือแห่งประเทศไทย" ไปแล้ว ในอดีตบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือท่าเรือคลองเตย เคยเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญๆ ถึง 3 วัด คือ

    1.วัด หน้าพระธาตุ วัดเก่าแก่ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    2.วัดเงิน หรือวัดหิรัญสีวลี สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยชาวรามัญ ชื่อนายมะซอน และภรรยา
    3.วัดทองล่าง หรือวัดโพธิ์ทอง สร้างหลังวัดเงินประมาณ 75-80 ปี โดยนายทองและพระภิกษุรามัญ ต่อมาในปี พ.ศ.2480 ทางรัฐบาลต้องการที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นบริเวณที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและมีร่องน้ำลึก จึงต้องเวนคืนที่ดินของวัดทั้ง 3 วัด หลังจากนั้นวัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่างย้ายไปสร้างใหม่ที่ตำบลบ้านกล้วย และยุบรวมเป็นวัดเดียวกัน ชื่อว่า "วัดธาตุทอง" ปัจจุบันอยู่ตรงเอกมัย เยื้องสถานีขนส่งเอกมัย (สายตะวันออก) ส่วนวัดเงินไม่มีประวัติการโยกย้ายสำหรับ
    การค้นพบ "พระกรุวัดเงิน" นั้น หลังจากมีการเวนคืนที่ดินแล้ว จึงรื้อถอนสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในวัดทั้งสาม พอเข้ารื้อถอนที่วัดเงินปรากฏว่าพบ "พระเนื้อผง" บรรจุอยู่ในพระเจดีย์หลายๆ องค์ และมีมากมายหลายแบบหลายพิมพ์ทรง อาทิ พิมพ์ป่าเล ไลยก์, พิมพ์พระคง, พิมพ์พระสังกัจจายน์มีหู-ไม่มีหู, พิมพ์พระประธาน, พิมพ์เล็บมือสมาธิ-มารวิชัย, พิมพ์หน้าฤๅษี และพิมพ์ซุ้มกอฐานสูง-ฐานเตี้ย ฯลฯ จึงเรียกขานกันว่า "พระกรุวัดเงิน คลองเตย"
    ช่วง สงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยามศึกสงครามผู้คนก็ต่างอาศัยพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจ ปรากฏว่าผู้ที่แขวนหรือสักการะ พระกรุวัดเงิน คลองเตย ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ทรงใดก็ได้ประจักษ์ในพุทธคุณเป็นที่ปรากฏทั้งสิ้น ความนิยมสะสมจึงกว้างขวางขึ้น สนนราคากระเถิบสูงขึ้นมาจน ณ ปัจจุบันบางพิมพ์ถึงหลักหมื่น และหลายๆ หมื่นก็มี โดยเฉพาะพิมพ์ที่สมบูรณ์และพิมพ์ที่ค่อนข้างหายาก จากการพิจารณาเนื้อหามวลสารแล้วสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระที่สร้างขึ้นในราว สมัยรัชกาลที่ 4 หรือรัชกาลที่ 5 นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ พระเนื้อแกร่งและพระเนื้อแก่ปูน
    "พระเนื้อแกร่ง" จะมีเนื้อมวล สารที่ภาษาวงการพระเรียก "เนื้อจัด" พิจารณาได้ง่าย มีความแกร่ง แน่น และมีความหนึกนุ่ม ผิวขององค์พระจะคล้ายกันมากกับผิวของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมกรุเก่า สังเกตที่ผิวขององค์พระจะปรากฏรอยลานตัวหนอนซึ่งมีขนาดใหญ่-เล็กสลับกันคราบกรุแบบนี้จะมีสีเหลือง บางทีถ้าหนาหน่อยจะเป็นเหมือนฟองอากาศ หรือเรียกกันว่าคราบกรุฟองเต้าหู้ ซึ่งว่ากันว่าเกิดขึ้นมาจากน้ำมันตั้งอิ้วที่เป็นตัวประสาน ขณะที่พระถูกเก็บอยู่ในกรุ มีความร้อน ทำให้น้ำมันระเหยออกมาสู่ผิวภายนอกอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจนเกิดเป็นคราบสีเหลืองคลุมอยู่บนผิวพระโดยทั่ว ในขณะที่ภายในเนื้อแห้งเป็นผงขาวเพราะน้ำมันออกมาหมดแล้ว
    ส่วน "พระเนื้อแก่ปูน" เนื้อในขององค์พระจะค่อนข้างขาวจัด การเกาะตัวของเนื้อมวลสารไม่แน่นเหมือนแบบแรกเนื่องจากมีตัวประสานน้อย ลักษณะเนื้อขององค์พระจะร่วนและแห้ง น้ำหนักเบา หลุดร่อนได้ง่าย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการจับต้องหรือสัมผัส และเนื่องจากเป็นพระที่ถูกบรรจุในกรุพระเจดีย์ จึงเป็นพระที่จะมีคราบกรุเกาะตามพื้นผิวขององค์พระ คราบกรุขององค์พระที่อยู่ตอนบนจะมีลักษณะคล้าย "ฟองเต้าหู้" สีเหลืองอมน้ำตาลจับอยู่บนผิว บางองค์มากทั่วทั้งองค์พระ บางองค์จับเป็นบางส่วน และฟองเต้าหู้บางจุดจะปะทุฟูตัว ส่วนองค์พระที่อยู่ใต้ๆ ลงไปจะมีคราบกรุจับน้อยมากบางองค์แทบไม่มีเลย อาจมีคราบดินกรุสีน้ำตาลเป็นขุยจับเป็นหย่อมๆ เท่านั้น หรือมีลักษณะปะทุเป็นเม็ดเล็กๆ ประปราย ถือได้ว่าเป็นพระที่มีผิวสะอาดสะอ้านทีเดียว
    ปัจจุบันวัดพระเงินคลองเตย ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะพิมพ์พิเศษหรือพิมพ์สังกัจจายน์ราคาเป็นแสน แต่บางพิมพ์ก็พอหาได้ในหลักพันกลางถึงปลายเท่านั้น
    นามของวัดว่า "วัดพระเงิน" เป็นมงคลอยู่ในตัว คนที่มีพระวัดเงินมักมีเงินติดตัวไม่ขาดมือ เป็นความเชื่อของนักนิยมสะสมพระเครื่องที่พูดต่อกันมาจนทุกวันนี้
     
  3. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    9,169
    ค่าพลัง:
    +484
    3537.เหรียญพิชิตไพรี ด้านหลังบาตร หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี พ.ศ.2521 ให้บูชา 550 บาท


    upload_2025-4-13_16-8-27.png

    upload_2025-4-13_16-11-49.png



    upload_2025-4-13_16-9-45.png

    หลวงพ่อสมชายท่านได้บรรพชา เมื่อได้อายุ 19 ปี
    ณ อุโบสถวัดเหนือ จ. ร้อยเอ็ด โดยมี ท่านเจ้าคุณพระโพธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด ธรรมยุต เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ถวายตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อปี พ.ศ.2487 ที่วัดป่าบ้านหนองผือ
    ตำบลนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    ในการอุปสมบทมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโลเถร) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ี่ ซึ่งพระอาจารย์ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นทั้งสิ้น
    ภายหลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้ประพฤติปฏิบัติธรรม จนซาบซึ้งในพระศาสนา ท่านจึงได้นำเอาธรรมะไปอบรมสั่งสอนกับประชาชนในท้องถิ่นเดิมของท่าน จนปัจจุบันนี้คนเหล่านั้นได้หันมานับถือศาสนาพุทธจนหมดสิ้น
    ต่อมาภายหลังท่านได้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมบนภูเขา แล้วตั้งชื่อว่า วัดเขาสุกิม อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จนมีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพนับถือทั่วไป ต่อมาภายหลังท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ว่า่ พระวิสุทธิญาณเถระ จวบจนท่านมรณภาพ
     
  4. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    9,169
    ค่าพลัง:
    +484
    3538.ล็อกเก็ตจัมโบ้ฉากขาว หลวงปู่ทองมา สุตธัมโม รุ่นไตรมาสปี2559 วัดทรงศิลา(ถ้ำกวาง) อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น ฉากขาวจัมโบ้สร้าง 120 องค์ หลังมวลสาร เกษา จีวร ให้บูชา 800 บาท



    upload_2025-4-13_17-10-28.png


    upload_2025-4-13_17-12-38.png
     
  5. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    9,169
    ค่าพลัง:
    +484
    3539.พระชุดไตรภาคี วัดโคนอน สร้างปี พ.ศ. 2515 โดยพระชุดนี้ทางวัดได้นำมาบรรจุกล่องใหม่และนำมาให้บุคคลทั่วไปเช่าบูชาในงานประจำปีของวัด (ผสมเนื้อตะกั่วเก่าของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง) ให้บูชา 1250 บาท


    upload_2025-4-13_20-46-7.png

    วัดโคนอน เขตภาษีเจริญ ธนบุรี ในอดีต เคยเป็นที่จำพรรษาของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง และหลวงปู่รอด อาจารย์ของท่าน และได้สร้างพระปิดตาเนื้อชินตะกั่ว บรรจุกรุไว้ และมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการในราวปี 2512 จน มากระทั่งปี 2514-2515 ทางวัดโคนอนได้มีการยกช่อฟ้าอุโบสถหลังใหม่ ท่านเจ้าอาวาสจึงได้นำแท่งชินเก่าของหลวงปู่เอี่ยม และเศษพระปิดตาที่พบจากกรุวัดโคนอนที่ชำรุดมาหลอมรวมสร้างพระขึ้นใหม่ และนิมนต์พระเกจิผู้ทรงคุณจากทั่วประเทศ มาร่วมพิธีปลุกเสกพระชุดนี้เพื่อแจกแก่ผู้มีจิตศรัทธาเป็นที่ระลึกเมื่อวัน ที่ 1 เมษายน 2515
    พิธีปลุกเสกเริ่มในวันที่ 25 มีนาคม 2515
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นเจ้าพิธี
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง,
    หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม,
    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม,
    หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ,
    หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราฯ,
    หลวงพ่อมิ วัดสิงห์,
    หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม,
    หลวงพ่อผ่อง วัดจักรวรรดิ์ฯ,
    หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ,
    หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส,
    หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง,
    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี,
    หลวงพ่อบุญ วัดจันทรังษี,
    พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม,
    หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก,
    หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย,
    หลวงพ่อเล็ก วัดหนองดินแดง,
    หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา,
    หลวงพ่อสุด วัดกาหลง,
    หลวงปู่หิน วัดระฆัง
    เจ้าคุณผล วัดหนัง
     
  6. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    9,169
    ค่าพลัง:
    +484
    พระดีที่น่าบูชา พระผงสมเด็จมงคลมหาลาภ แม่ชีบุญเรือน พิมพ์นาคปรกใหญ่หลังยันต์นะล้อม


    upload_2025-4-14_9-21-24.png

    สร้างเป็นที่ระลึกในงานสมโภชพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี ซึ่งสร้างที่วัดสัมพันธวงศ์ พระนครแล้วเชิญไปประดิษฐานเป็นพระธาน ณ วัดสารนาถธรรมราม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้ายขวา เมื่อวันที่ ๕-๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๙ นั้น บางท่านยังไปทราบประวัติที่ควรทราบ ซึ่งเป็นเหตุจะจงให้เกิดความเลื่อมใสสัทธา เพื่อได้เคารพบูชาให้แน่บแน่นสมกับเป็นปูชนียวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลเหตุเครื่องเจริญอายุ วรรณะ สุขะ พละ แลลาภยศ สรรเสริญ สมบัติเกียรติศักดิ์ แลคุณธรรม คือ เป็นสื่อสำคัญที่จะให้ใจเข้าถึงอิทธิผลนั้นๆ อันนับว่าเป็นกำลังอันยิ่งใหญ่สำหรับชีวิต สามารถให้ถึงภาวะอันเป็นอิสสระเต็มที่ มีความเกษมนิรันดร
    เมื่อสร้างแจ้งให้ทราบแต่การประกอบพิธีประจุพุทธมนต์เป็นพิเศษที่ยิ่งใหญ่โดยสังเขป ซึ่งยังไม่เคยเห็นทำที่ไหน คือจัดที่บูชาพร้อมเครื่องสังเวยต่างๆ มีเทียนธูป ข้าวตอก ดอกไม้ ๗ สี แลอาหารผลไม้ถึงอย่างละ ๓๗๕ ที่มีเบญจา มีเสวตฉัตร ๙ ชั้น สูง ๖ ศอก ๘ ต้น บายศรีเงิน บายศรีทอง ๙ ชั้น สูง ๖ ศอก อย่างละ ๘ ต้น บันจุพระพุทธมนต์ลงไปในน้ำ และผงที่จะสร้างพระนั้น โดยนิมนต์อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงหลายวัดทำพิธีประจุมนต์ เข้าพิธีปลุกเศกมี
    พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) วัดบวรนิเวศวิหาร
    พระวรเวทย์คุณาจารจย์ (เมี้ยน ปภสสโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
    พระมหารัชชมังคลาจารย์
    พระครูวินัยธรเฟื่อง (ญาณปปทีโป)
    พระสอาด อภิวฒฒโน วัดสัมพันธวงศ์
    พระครูนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
    พระอาจารย์บุ่ง วัดใหม่ทองเสน
    พระชอบ สัมมาจารี วัดอาวุธวิกสิตาราม ธนบุรี
    เป็นต้น
    พร้อมด้วยประจุ เทพมนต์พรหมมนต์ โดยเชิญเทพแลพรหมผู้มีชื่อเสียงเก่าๆ มาเข้าทรงประกอบพิธีอธิษฐานประจุมนต์ลงด้วย และประจุมนต์โยคีโดยโยคีฮาเร็บ (อาจารย์ชื่น จันทรเพ็ชร) ผู้มีชื่อเสียงและ พ.ต.อ.ชะลอ อุทกภาชน์ ผู้เป็นศิษย์เป็นผู้ทำพิธีบรรจุ เสร็จพิธีแล้ว จึงได้ใช้ผงประสมทำเป็นองค์พระได้มงคลฤกษ์ จึงได้ทำพิธีปลุกเศกพระเครื่องนั้นอีกครั้งหนึ่ง
    พระเครื่องที่จะทำพิธีปลุกเศกนั้น ห่อด้วยผ้าขาว ๗ ชั้น ผ้าเขียว ๗ ชั้น พิธีนอกนั้นเหมือนเมื่อบันจุมนต์ลงในผงแลน้ำที่จะสร้างพระ ตั้งน้ำมนต์สำหรับแจกผู้ต้องการซึ่งมาร่วมพิธี ๔๐ ตุ่ม แต่ไม่ได้กล่าวถิ่นผงที่นำมาประสมสร้างพระนั้นว่ามีอะไรบ้าง มีผู้สนใจต้องการทราบอยู่เป็นจำนวนมา จึงสมควรเขียนประวัติ เนื่องด้วยผงที่นำมาประสมสร้างพระเครื่องนั้น ให้ท่านทราบไว้ด้วย ดังต่อไปนี้
    ๑. ผงขอจากพระอาจารย์ต่างๆ ที่ท่านทำและรวบรวมไว้หลายวัด เช่นวัดพระเชตุพน วัดตรีทศเทพ วัดสัมพันธวงศ์ ฯลฯ ผงแป้งที่ทำแลผงจากพระของเก่าบ้าง
    ๒.ผงพระที่ทำด้วยว่านต่างๆ ที่นิยมว่าเป็นมงคลศักดิ์สิทธิ์ ๑๐๘ อย่าง ทำจากดอกไม้บูชาพระต่างๆ ๑๐๘ อย่าง
    ๓. ผงที่ทำด้วยดินจากท่าน้ำ ๗ ท่า และจากสระน้ำ ๗ สระ
    ๔. ผงที่ทำด้วยเอาคัมภีร์เก่าๆ ทั้งใบลานแลสมุดข่อยมาเผาบด ตั้งแต่หมายเลข ๑ ถึง ๕ นี้ประสมสร้างพระผงรุ่นก่อน แล้วเอาบดผสมเข้ากัน กับผงใหม่ที่นำมาเข้าพิธีนี้ด้วย
    ๕. ผงที่ได้จากดินที่สังเวชนียสถาน แห่งในอินเดียคือ ๑ ดินที่ลุมพินีระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และเทวทหะ ซึ่งเป็นที่ประสูดของพระพุทธเจ้า ๒ ดินที่มหาโพธิพุทธคยาที่ตรัสรู้ ๓ ดินทีสารนาถ มฤคทายวัน เมื่องพาราณสี ซึ่งเป็นที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักร ๔ ดินที่กุสินนาราซึ่งเป็นที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
    ๖. ดินจากสถานที่สำคัญอีก ๙ แห่ง คือดินจากสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จเสวยวิมัติสุข ๗ แห่ง ปริเวณพุทธคยา มีที่รัตนะจงกลม แลที่สระมุจลินเป็นต้น แลดินที่พระคัณธกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้าบนเขาคิชกูฏ (เมืองราชคฤห์) ๑ ดินที่พระคันธกุฏีที่ประทับในเมืองสาวัตถี ๓ ซึ่งพระครูสุภารพินิจ (โทน สุขพโล) วัดสัมพันธวงศ์ ได้ไปนมัสการปูชนียสถานนั้นๆ และได้นำมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ ผู้ที่มีพระเครื่องแบบพุทธมงคลมหาลาภ พระแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นต้นไว้บูชา เป็นอันได้ระฃึกถึงแลบูชา สังเวชนัยสถานด้วย
    ๗. ผงปูนขาวหินราชบุรี
    ๘. ผงปูนซิเมนต์ขาว และนอกจากนี้ ก็ยังมีดินเหนียวอย่างดี สีเหลือง แลน้ำอ้อยเป็นต้น
    ผงเหล่านี้นั้น ประสมกันมากบ้างน้อยบ้าง แล้วบดให้ละเอียดแร่งกรองด้วยผ้าป่าน สำเร็จเป็นผงที่จะสร้างพระเครื่อง ใช้น้ำมนต์ที่ทำไว้นั้นประสมกับของที่จะทำพระให้พระมีคุณภาพดี สวยงามทนทาน ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ประสมผงพิมพ์เป็นรูป พระพุทธมงคลมหาลาภ บ้างสมเด็จบ้าง
    ส่วนพระเครื่องอื่นสร้างด้วยดินประสมผงเผาแล้วนำมา เข้าพิธีปลุกเศกในคราวเดียวกันกับพระพุทธมงคลมหาลาภเสร็จพิธีแล้วแจกจ่ายในงานสมโภชพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี พร้อมด้วยพระอัครสาวก ในการต่อมา พระเครื่องเหล่านี้ เมื่อแจกจ่ายแก่ผู้จำนงในงานผูกพัทธสีมา อุโบสถวัดสารนาถธรรมารามแล้ว ก็จะได้จัดการทำพิธีบันจุในอุโบสถ หรือเจดีย์ตามควร เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่วัดสารนาถธรรมาราม อันเป็นมหาปูชนียสถานในกาลต่อไปฯ
    จากบันทึกของพระมหารัชชมังคลาจารย์(เทศ นิเทสโก) ดังกล่าวข้างต้น
    อาจที่จะสรุป เพื่อความเข้าใจง่ายที่สุดก็คือ
    1. พระผงมงคลมหาลาภนี้ สร้างในงานฉลอง"พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี" หรือ"พระพุทโธใหญ่"ที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมสร้างถวายเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ วัดสารนาถธรรมาราม อ.แกลง จ.ระยอง ของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ในสมัยนั้น ท่ามกลางเหตุปาฏิหาริย์มากมาย(จะได้กล่าวต่อไปในภายหลัง)
    2.ผงโสฬสมหาพรหมที่นำมาสร้างพระผงมงคลมหาลาภนี้ เกิดจากการใช้วิชาพรหมศาสตร์อัญเชิญพรหมอริยะชั้นโสฬส(สุทธาวาส) และพระผู้เป็นเจ้าของทั้ง 3 ศาสนา(พราหมณ์,คริสต์,อิสลาม) ซึ่งพระอริยคุณาธาร(ปุสโส เส็ง) และท่านผู้รู้ต่างๆกล่าวตรงกันว่า แท้จริงแล้ว "พระเจ้า"หรือ"พระผู้เป็นเจ้า"เหล่านี้ ก็เป็น"พระเถระ"ของ"พุทธ" ที่เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาตามสถานที่ต่างๆ แล้วคนรุ่นต่อมามาตีความดัดแปลงไปตามความเชื่อส่วนตัวของศาสดานั้นๆ จนเคลื่อนจากหลักเดิมไป
    3. ผง"โสฬสมหาพรหม" (ความจริงน่าเรียกว่า ผง"มหาพรหมอริยะโพธิสัตว์ผู้เป็นเจ้า" จะตรงและครอบคลุมกว่า) ไม่ได้เป็นการลบผงทีละกระดาน (ไม่ทันกิน) เลยเล่นเอาผงปูนมาเสกทีละเป็นกระสอบๆ โดยเชิญ"พระเบื้องบน"ลงประทับทำ ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่แม้แต่ท่านพ่อลี วัดอโศการามเมื่อสัมผัสผงนี้แล้ว ก็ถึงกับสะดุ้งออกวาจาอุทานว่า "เฮ็ดหยังแรงจังซี่" ( อะไรจะพลังแรงได้ขนาดนี้??) ก่อนที่จะขอผงพระมงคลมหาลาภหักๆไปผสมทำพระใบโพธิ์ 25 ศตวรรษที่วัดอโศการามในเวลาต่อมา รวมถึงอาจารย์ปถม อาจสาครเอง ก็ได้เอาผงพระ"มงคลมหาลาภ"หักๆนี้ไปทำพระผงรุ่น"โสฬสมหาพรหม" 2505 ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่จนดังระเบิดในเวลาต่อมาด้วย สมกับท่านอาจารย์ปถมบันทึกไว้เองว่า " รวมรวมผงหักป่นไว้ได้สักโหลใหญ่ พระที่ผมสร้างจึงขลัง"เพราะได้ผงหลักจาก"พระมงคลมหาลาภ"นี่เอง (ใครไม่มีพระผงโสฬสมหาพรหมของหลวงปู่ทิมที่หายากและแพงจัด หากมีพระผงมงคลมหาลาภนี้ไว้ ก็คง"นอนหลับฝันหวาน"ไป 3 วัน 7 วันได้แล้ว.
    4.และเมื่อเอาผง"โสฬสมหาพรหม"หรือผง"มหาพรหมอริยะโพธิสัตว์ผู้เป็นเจ้า"มากดพิมพ์สร้างพระ"มงคลมหาลาภ"แล้ว ก็ได้ประกอบพิธีทางพรหมศาสตร์อัญเชิญ"พรหมโสฬส"และ"พระผู้เป็นเจ้า" ลงเสกซ้ำอีกครั้ง พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังยุค 2500 อย่างมหาศาล มีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ,หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมฯลฯ ที่วัดสัมพันธวงศ์เป็นประเดิมก่อน แล้วจึงอัญเชิญไปประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกพร้อมกับ"พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี"(พระพุทโธใหญ่) ที่วัดสารนาถธรรมาราม ระยองอีก 18 วัน 18 คืน โดยพระคณาจารย์สายหลวงปู่มั่น 100 กว่าองค์ (มีพระอาจารย์สิงห์ ขันยาคโม,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯเป็นอาทิ) พร้อมกันนี้ ก็ยังได้นิมนต์พระสายตะวันออก,ระยองมาร่วมนั่งปรกด้วย (มี หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง, หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ เป็นต้น ฯลฯ) โดยมี"ท่านพ่อลี วัดอโศการาม" เป็น"เจ้าพิธี"ฝ่ายสงฆ์ และมี "คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" วัดอาวุธฯ เป็นทั้ง"เจ้าพิธี"และ"ประธานดำเนินการสร้าง/เสก" ทุกขั้นตอนเอง
    เกร็ดพิเศษ พระมงคลมหาลาภ(เพิ่มเติม)
    1.สร้างจากผง"โสฬสมหาพรหม" ล้วนๆ (ผง"กูโบ๊ส" หรือที่บางคนเรียกว่า"ผงโสฬสมหาพรหม" ได้ทำขึ้นเพื่อพระชุดนี้เป็นการเฉพาะ ที่แม้แต่ท่านพ่อลี วัดอโศการามสัมผัสดูถึงกับสะดุ้ง ร้องว่า"เฮ็ดหยังแรงจั่งซี่" และขอผงพระหัก 1 บาตรไปผสมสร้างพระใบโพธิ์ วัดอโศการาม ,อาจารย์ปถม อาจสาคร เอาพระหักรุ่นนี้ไปสร้างชุด"บินเดี่ยว" หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่จนดังระเบิด)
    2.ผงวิเศษ รวมจากสุดยอดพระคณาจารย์ในยุค 2500 มากมาย
    3.พิธีพุทธาภิเษกครั้งแรก ที่วัดสัมพันธวงศ์ นอกจากจะทำพิธีเสกแบบ"พรหมศาสตร์" เหมือนตอนทำผง"โสฬสมหาพรหม" (เสกก็นิมนต์พรหมชั้นโสฬสลงมาเสกด้วย)แล้ว ก็ยังได้นิมนต์สุดยอดพระคณาจารย์ในยุคนั้นอย่างมหาศาล น้องๆพระ 25 ศตวรรษ มีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นต้นฯลฯ
    4. และยังเสกเบิ้ลที่วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง อีกถึง 18 วัน 18 คืน ด้วยพระสายระยอง (มีหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นอาทิ) พร้อมสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่นอีก 100 กว่าองค์ นำทีมโดยพระอาจารย์สิงห์ ขันตยคโม,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, ท่านพ่อลี ธัมมธโร ฯลฯ ในพิธีสมโภช"พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี" หรือ"พระพุทโธใหญ่" ที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นประธานจัดสร้างและคุมงานเอง
    หมายเหตุ ...พูดง่ายๆก็คือ พระพิธีนี้ เป็นการผนึกกำลังของพระสาย"เกจิ"และ"อริยะ" ระดับสุดยอดมากเป็นประวัติการณ์ ยิ่งกว่า"พระ 25 ศตวรรษ"เสียด้วยซ้ำ (พระ 25 ศตวรรษจะมีสายวิทยาคมเสียโดยมาก แต่สายกรรมฐานมีน้อยกว่า และเสกกันเพียง 3 วัน และครั้งเดียวที่วัดสุทัศน์เท่านั้น) อีกทั้งยังเป็นพิธีที่เหมือนจะเป็นการ"ประลองฤทธิ์"กันสุดๆระหว่าง "ท่านพ่อลี วัดอโศการาม" พระอริยเถระผู้ยิ่งด้วยบุญฤทธิ์ เป็น"เจ้าพิธีฝ่ายบรรพชิต" กับ"คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" ยอดหญิงอริยะผู้ยิ่งด้วยอิทธิฤทธิ์เป็น"เจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส"
    5. สร้างจำนวนเพียง 84,000 องค์ *** จำนวนการสร้าง มีบางกระแส ก็บอกสร้างน้อยกว่านี้ แต่ 84,000 เป็นจำนวนของพระธรรมขันธ์ ซึ่งตามคิต จะสร้างเท่ากับจำนวนนี้ ***
    6.เรื่องของประสพการณ์ไม่ต้องพูด คนระยอง,จันทรบุรีรู้ซึ้งถึงเยื่อในกระดูกดี มีคนรอดตายจากพายุ เพราะมีพระนี้ห้อยคออยู่องค์เดียวโดดๆก็มีมาแล้ว
    7.พระชุดนี้ ขลังขนาดเปล่งรัศมีสีเขียวยาวเป็นวาให้พระในสมัยนั้น เห็นด้วย"ตาเนื้อ"กันจะๆได้
    8.บูชาแทน "พระผงโสฬส หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่" ที่"แพงจัด"และ"ปลอมระเบิด"ได้อย่างสบายๆ เพราะนี่คือ"ต้นธาตุ"แห่ง"พระผงโสฬส" แถมยังได้นิมนต์หลวงปู่ทิม ตอนอายุ 70 กว่าๆมานั่งปรกด้วย
    9.อ.ปถม อาจสาคร หลังจากที่"ลุย"มาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ถึงกับต้องยกนิ้วการันตีแบบสุดตัวว่า พระมงคลมหาลาภนี้ "แคล้วคลาดสุดยอด" ชนิด "ไม่ต้องหาพระรอดมหาวัน"ให้เหนื่อยยากเลยทีเดียว
     

แชร์หน้านี้

Loading...