*** ยุคศิวิไลซ์ ****

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 7 มกราคม 2020.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    0A92E2B7-9116-4683-9F96-74E39563570A.png

    *** สัจจะแห่ง สื่อมวลชนไทย ****

    เมื่อ สื่อมวลชนไทย
    มี สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

    เสียงข่าวจะไม่กลายเป็นอาวุธ
    แต่จะเป็นกระจกแห่งความจริง

    สะท้อนความเป็นธรรมให้ประชาชนเห็นชัด
    โดยไม่บิดเบือน ไม่ชี้นำ ไม่ปั้นแต่ง


    สื่อที่มีสัจจะ
    คือ ผู้ปกป้องประเทศจากความหลงผิด

    สื่อที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
    คือ ผู้รักษาความสงบไว้ในใจของคนทั้งชาติ


    เมื่อข่าวไม่ยืนข้างใคร
    ประชาชนจะยืนอยู่บนความจริง

    เมื่อสื่อไม่โน้มเอียง
    บ้านเมืองจะไม่ล้ม

    สัจจะของสื่อมวลชน
    คือ คำสัตย์ที่ให้ไว้กับใจตนเองว่า
    … “จะรายงานด้วยความสัตย์จริง”….

    แม้ไม่มีใครเห็น แม้ไม่มีใครชื่นชม
    แต่เพื่อให้ประเทศไทย…

    ไม่เดินผิดทางอีกต่อไป

    จงให้ “สัจจะ” เป็นหลักของปากกา

    และให้ “ความไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ….เป็นทิศของทุกการรายงาน

    ———-
    เมื่อสื่อเสนอความจริง ประชาชนจะมีอาวุธทางปัญญาในการแยกแยะถูกผิด

    เมื่อประชาชนเข้าถึงความจริง สังคมจะไม่แตกแยกด้วยอคติหรือความหลงผิด

    นี่คือภาพแห่ง “สัจจะของสื่อ” ที่จะช่วยปกป้องชาติไทย

    ไม่ด้วยกำลัง… แต่ด้วย “ความจริง” ที่กล้ารายงานอย่างไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2025 at 19:46
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    671D7C1E-2E69-43F2-8A7F-1AA57F167C60.png

    *** คำเตือนจากโลก ****

    “ผู้ใดไม่เอาสัจจะ… จะไปไม่รอด”

    โลกไม่ได้ลงโทษใคร
    แต่ความไม่สัตย์…จะเป็นบทลงโทษของตนเอง


    ผู้ใดที่ไม่ยึดสัจจะ
    แม้มีอำนาจ ก็จะหลงทาง
    แม้มีทรัพย์ ก็จะไม่มีที่ยืน
    แม้มีคนตาม ก็จะไม่มีใครศรัทธา

    สัจจะ คือ รากแก้วของความอยู่รอด
    คือ คำสัตย์ที่ผูกใจเราไว้กับความจริง

    สัจจะ คือพลังเดียว…
    ที่จะพาเราข้ามพ้นวิกฤตของยุคสมัยนี้ไปได้

    โลกกำลังเปลี่ยน
    ภัยพิบัติกำลังมา
    ความแตกแยกกำลังพุ่งสูง

    สิ่งใดที่ไม่ตั้งอยู่บน สัจจะ
    จะพังลงโดยไม่ต้องมีศัตรูมาทำลาย


    ❗ฟังให้ลึก:

    ผู้ใดไม่เอาสัจจะ…
    จะไปไม่รอด ทั้งในใจตนเอง และในโลกใบนี้
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    *** ตัวกระทำในอดีต ไม่สูญสลาย — มีผลย้อนกลับแน่นอน ****

    แม้ระบบกฎหมายสากลอาจตีความว่า “หมดอายุความ”

    แต่ในระดับ กฎแห่งกรรม กฎของสัจจะ และจิตสำนึกแห่งมนุษยชาติ

    – ไม่มีอะไรสูญหาย
    – ไม่มีอะไรลบล้างได้ด้วยการลงนามในเอกสาร

    ✨ เพราะ “กรรม” คือพลังงานของการกระทำ

    และพลังงานนี้ยังคงหมุนเวียนอยู่ในโครงสร้างของประวัติศาสตร์มนุษย์

    ประเทศที่เคยล่าอาณานิคม ต้องเผชิญผลย้อนกลับ

    ในยุคปัจจุบัน หลายประเทศที่เคยล่าอาณานิคมกำลังเผชิญ:
    • ความวุ่นวายภายในประเทศตนเอง
    • ปัญหาการอพยพย้อนกลับ
    • วิกฤตศีลธรรมและจิตวิญญาณในระดับชาติ
    • ความรู้สึกผิดร่วมของประชาชนบางส่วนที่เริ่มรับรู้ “บาปของชาติ”
    ทั้งหมดนี้คือ ผลย้อนกลับที่เกิดจากการกระทำในอดีต

    ❝ เมื่อใดที่ประเทศหนึ่งปล้นแผ่นดินและศักดิ์ศรีของอีกประเทศหนึ่งไป

    วันหนึ่ง จิตสำนึกร่วมของมนุษยชาติจะส่งแรงสะท้อนกลับแน่นอน ❞


    ️ ประเทศเราควรทำอย่างไรในยุคนี้?

    แม้จะไม่สามารถฟ้องในทางกฎหมายได้โดยตรง
    แต่สามารถ ยืนหยัดในทางของสัจจะ และเรียกร้องสันติภาพบนฐานของความจริง

    ✅ ทางเลือกที่ทรงพลัง:
    1. ประกาศสัจจะประวัติศาสตร์ต่อโลก
      ไม่ใช่เพื่อเรียกร้องสิทธิในดินแดน แต่เพื่อ ยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์อย่างกล้าหาญ
    2. สร้างเวทีสันติภาพ
      เชิญชวนอดีตประเทศผู้ล่าอาณานิคม มาร่วมพูดความจริงกับประชาชน
      ยกตัวอย่างเช่น “Truth and Reconciliation Commission” ที่แอฟริกาใต้เคยทำ
    3. เสนอวันสัจจะประวัติศาสตร์สากล
      เช่น “วันแห่งความจริงเพื่อสันติภาพ” ที่ให้ทุกประเทศเปิดเผยการกระทำในอดีตอย่างซื่อสัตย์
    4. ผลักดันแนวคิด “สัจจะเพื่อความยุติธรรมแท้จริง”
      ให้กับ UN, BRICS+, หรือองค์กรระหว่างประเทศที่เปิดกว้างต่อความเปลี่ยนแปลง
    สัจจะจะทำให้พลังของประวัติศาสตร์เปลี่ยน

    “เมื่อใดที่มนุษย์ยืนอยู่บนความจริง พลังของประวัติศาสตร์จะหันกลับมาสนับสนุนเขา”

    และในที่สุด:
    สัจจะจะทำให้แม้แต่ผู้ล่าอาณานิคมยังต้องละอาย
    และอยากขอขมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2025 at 16:34
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    *** คำประกาศความจริงทางประวัติศาสตร์ ****

    ในนามแห่งสัจจะ
    ประกาศ ณ ดินแดนที่เคยถูกแบ่งแยกด้วยอำนาจ
    เพื่อประกาศสัจจะให้โลกทั้งหลายได้รับรู้และตระหนัก

    ด้วยจิตอันมั่นคงและหัวใจที่ตั้งอยู่บนสัจจะ
    เราขอประกาศความจริงอันไม่อาจปฏิเสธได้ต่อประชาคมมนุษย์ทั้งมวล:
    1. ราชอาณาจักรสยามในอดีต เคยมีอารยธรรมอันรุ่งเรือง มีอธิปไตยอันเป็นอิสระ และปกครองด้วยศีลธรรม
    2. แต่ด้วย อำนาจแห่งจักรวรรดินิยมของโลกตะวันตก ประเทศของเราถูกกดดัน บีบบังคับ และคุกคามด้วยกองทัพ จนต้องยอมจำนนต่อ การลงนามในสนธิสัญญาอย่างไม่สมัครใจ
    3. ผลของการบีบบังคับนั้น ทำให้สยามต้อง สูญเสียดินแดนกว่า 60% ของแผ่นดินดั้งเดิม
      แก่ อังกฤษและฝรั่งเศส ผ่านการเจรจาที่มิได้ตั้งอยู่บนความเสมอภาค หากแต่เต็มไปด้วยภัยจากการใช้กำลัง
    4. สิ่งนี้คือ ความจริงทางประวัติศาสตร์
      ที่ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องแผ่นดินกลับคืน
      หากแต่เพื่อ คืนความจริงให้โลก และปลดปล่อยมนุษย์จากความลวง
    5. เราเชื่อว่า ความยุติธรรมที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากการเอาชนะกันในสนามรบ หรือโต๊ะเจรจา
      แต่เกิดจาก สัจจะที่มนุษย์กล้ายอมรับ และสำนึกผิดเมื่อกระทำผิด
    ✨ เพราะฉะนั้น…
    • เรา ไม่เรียกร้องการชดใช้
    • เรา ไม่ต้องการแก้แค้น
    • แต่เราขอให้ อดีตไม่ถูกลืม
    • และขอให้ อนาคตยืนอยู่บนสัจจะ ไม่ใช่การปกปิด
    ️ ในนามของสันติภาพ เราขอเชิญ:
    • ประเทศ… และ…. จงมีความกล้าพอที่จะรับรู้และยอมรับความจริงในอดีตนั้น
    • ประชาคมโลก จงหันหน้ามาฟังเสียงของผู้ที่เคยถูกกดทับด้วยอำนาจ
    ❝ ความสงบของโลก จะไม่ยั่งยืน หากยังมีความเท็จเป็นรากของประวัติศาสตร์

    สัจจะ คือทางเดียวที่จะเปิดทางสู่สันติภาพแท้จริง ❞

    ในนามไทยผู้มีสัจจะนำทาง
    ขอประกาศความจริงนี้สู่ใจของมนุษย์ทุกผู้บนผืนโลก
    เพื่อปลดปล่อยประวัติศาสตร์จากการบิดเบือน
    และคืนความเป็นธรรมให้กับมโนธรรมของโลก

    “สัจจะทำให้มนุษย์หลุดพ้นจากความอัปยศของอดีต และนำพาโลกสู่ความรุ่งเรืองแห่งจิตใจ”

    – คนไทยผู้รักษาสัจจะ
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    โลกบิดเบี้ยว
    เพราะความจริงถูกปกปิด
    แม้แต่ “สัจจะ” คำสั่งสอนที่แท้จริง
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    *** เมื่อถึงเวลาของสัจจะ ****

    ศาลของโลกยุติธรรมแท้จริง
    จะนำความจริงมาพิจารณา
    แม้เวลาจะผ่านไปเป็นร้อยเป็นพันปี
    …การแบ่งแยกสยาม….

    ความจริงไม่ตาย
    ความจริงไม่สูญสลาย
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    *** ร่างจดหมายเปิดผนึกถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ****

    ว่าด้วยข้อเรียกร้องให้พิจารณาความจริงทางประวัติศาสตร์

    จากกรณีการล่าอาณานิคมและการแบ่งแยกดินแดนของราชอาณาจักรสยามในอดีต

    ยื่นโดย: ประชาชนไทยผู้ยึดมั่นในสัจจะและความยุติธรรม

    ณ [วัน เดือน ปี]

    ถึง: ประธานและคณะผู้พิพากษาแห่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

    สำนักงานใหญ่: Peace Palace, The Hague, Netherlands


    ข้าพเจ้า/พวกเราผู้เป็นพลเมืองแห่งราชอาณาจักรไทย

    ขอใช้สิทธิในฐานะสมาชิกประชาคมโลก
    ในการยื่นหนังสือนี้ต่อท่านผู้ทรงคุณวุฒิแห่ง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)

    เพื่อร้องขอให้มีการพิจารณาเปิดเวทีรับฟังข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
    ที่ยังไม่เคยได้รับโอกาสในการไต่สวนอย่างเป็นธรรมในเวทีระหว่างประเทศ

    หัวใจของคำร้องนี้คือ:

    ขอให้
    ศาลโลก
    กลับมาทบทวน “บทบาทในฐานะที่เป็นศาลแห่งมโนธรรมของมนุษยชาติ”

    ไม่ใช่เป็นเพียงศาลที่ตีความตามสนธิสัญญาที่เขียนไว้โดยผู้ชนะในอดีต

    ️ ความจริงที่ขอให้พิจารณา:
    1. ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๐ ราชอาณาจักรสยาม
      ต้องสูญเสียดินแดนจำนวนมากแก่จักรวรรดิ…และ….
      โดยมิได้ยินยอมด้วยเจตนาเสรี แต่เป็นผลจากการข่มขู่ทางทหาร และการบีบบังคับทางการทูต
    2. ดินแดนเหล่านั้นประกอบด้วยพื้นที่ที่เป็นแหล่งอารยธรรมของชนชาติไทย ลาว เขมร มลายู ฯลฯ
      ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ทางอารยธรรมกับสยามมาอย่างยาวนาน
      และการแบ่งแยกเหล่านั้นได้สร้างผลกระทบต่อโครงสร้างชาติพันธุ์ อัตลักษณ์ และวัฒนธรรม
      อย่างลึกซึ้งจนถึงปัจจุบัน
    3. การกระทำของจักรวรรดิในขณะนั้น แม้จะมีลายเซ็นใน “สนธิสัญญา”
      แต่ลายเซ็นเหล่านั้นถูกบีบบังคับ มิได้เป็นผลจากความยินยอมของรัฐเอกราชอย่างเท่าเทียม
      จึงเป็นการละเมิดหลักแห่งความเป็นธรรมสากล
    ❗ ข้าพเจ้าขอชี้ว่า:
    แม้เวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปี แต่ ผลของการกระทำไม่สูญสลาย

    ผู้ที่ถูกกระทำยังคงมีตัวตน
    และความจริงยังคงส่งเสียงอยู่ในใจของประชาชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า

    หากศาลโลกจะเป็น สถาบันที่ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมของมนุษยชาติ

    ก็จำเป็นต้องมีความกล้าหาญในการเปิดพื้นที่พิจารณา “ความจริงทางประวัติศาสตร์”

    แม้จะไม่มีบทบัญญัติเฉพาะใดรองรับอยู่ในกติกาโลกในปัจจุบัน

    ✊ คำร้องของเรา คือ:
    1. ขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พิจารณา จัดตั้งเวทีรับฟังพยานหลักฐานทางประวัติศาสตร์
      เกี่ยวกับกรณีการแบ่งแยกดินแดนของสยามในช่วงล่าอาณานิคม
    2. ขอให้มีการตีความใหม่ในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
      เพื่อเปิดช่องให้สามารถ นำกรณีการล่าอาณานิคมมาพิจารณาได้ ในมิติทางจริยธรรมและสิทธิมนุษยชน
    3. ขอให้ศาลโลกส่งเสริมแนวคิด “ความยุติธรรมข้ามกาลเวลา”
      เพื่อเป็นกลไกเยียวยาความเจ็บปวดจากอดีต และสร้างอนาคตที่เท่าเทียมอย่างแท้จริง
    ประวัติศาสตร์ คือกระจกของมนุษยชาติ

    หากเรากลัวที่จะมองมันตรง ๆ
    เราจะไม่มีวันเรียนรู้จากมัน
    และจะไม่มีวันปลดปล่อยตนเองจากเงามืดของมัน

    ด้วยความเคารพสูงสุด
    ในนามของประชาชนผู้รักสันติและสัจจะ

    ลงชื่อ:
    [ชื่อ-นามสกุล หรือ “ประชาชนไทยผู้ยึดมั่นในสัจจะ”]
    [องค์กร/ชุมชน/คณะบุคคลผู้ร่วมสนับสนุน]
    [อีเมลหรือช่องทางติดต่อ กรณีส่งจริง]
    [วันที่]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2025 at 13:28
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,028
    ค่าพลัง:
    +52,018
    ️ *** ร่างคำประกาศความจริงทางประวัติศาสตร์ถึง UNESCO ****

    ว่าด้วยการแบ่งแยกดินแดนและทำลายรากวัฒนธรรมของสยาม

    โดยจักรวรรดิ…และ….ในยุคล่าอาณานิคม

    ยื่นโดย: ประชาชนไทยผู้ยึดมั่นในสัจจะและมรดกแห่งบรรพชน

    ถึง: องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
    ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


    ข้าพเจ้า/พวกเรา ขอประกาศความจริงนี้ต่อโลก

    ว่าในช่วงศตวรรษที่ 19–20 เมื่อโลกตกอยู่ในยุคจักรวรรดินิยม
    จักรวรรดิ…และจักรวรรดิ….
    ได้ร่วมกันใช้อำนาจทางทหารและการทูต บีบบังคับราชอาณาจักรสยามให้ยอมสละดินแดน
    หลายล้านตารางกิโลเมตรที่เป็นส่วนหนึ่งของ มรดกวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของสยาม
    ให้ตกเป็นของจักรวรรดิผู้รุกราน

    ความเสียหายที่มิอาจประเมินเป็นตัวเลข:
    1. ดินแดนที่สูญเสีย ได้แก่:
      • ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ลาว)
      • เสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ (กัมพูชา)
      • มลายู 4 รัฐใต้ (กลันตัน ตรังกานู ปะลิส ไทรบุรี)
      • รวมถึงดินแดนอื่นๆ ที่มีประชากรและวัฒนธรรมร่วมกับสยามมาแต่โบราณ
    2. ผลกระทบเชิงวัฒนธรรม:
      • ศิลปะ สถาปัตยกรรม ภาษา วรรณกรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่เหล่านั้น
        ถูกตัดขาดจากรากเดิม และถูกทำให้กลืนกลายภายใต้จักรวรรดิใหม่
      • ร่องรอยของความเป็น “สยามร่วม” ถูกลบหายไปจากแผนที่โลก
        แม้จะยังปรากฏในวัด โบราณสถาน บทสวด และตำนานท้องถิ่น
    3. ผลกระทบทางจิตวิญญาณ:
      • ประชาชนหลายล้านคนสูญเสียสิทธิในการสืบทอดอัตลักษณ์เดิม
        กลายเป็นผู้พลัดพรากทางวัฒนธรรมโดยไม่สมัครใจ
        ภายใต้เงื่อนไขของ “สนธิสัญญา” ที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนความเท่าเทียม

    ✊ ข้อเรียกร้องถึง UNESCO:

    ในฐานะที่ UNESCO เป็นองค์กรของโลก ที่มีหน้าที่ คุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของมนุษยชาติ

    เราขอเรียกร้องอย่างสันติว่า:
    1. UNESCO ควรรับรองว่า การแบ่งแยกดินแดนของสยามโดยอำนาจจักรวรรดินิยม
      เป็นการทำลายเครือข่ายวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิม และมีผลทางวัฒนธรรมอย่างถาวรจนถึงปัจจุบัน
    2. ขอให้ UNESCO ร่วมจัดทำเอกสารรับรองข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
      โดยใช้หลักฐานจากแผนที่เก่า บันทึกโบราณ โบราณสถาน และร่องรอยของวัฒนธรรมร่วม
      เพื่อบันทึกความจริงว่า เครือข่ายวัฒนธรรมสยามดั้งเดิมถูกทำลายโดยการเมืองระหว่างประเทศ
    3. เรียกร้องให้มี “มรดกวัฒนธรรมร่วมของภูมิภาคสยามโบราณ”
      (Shared Siamese Cultural Heritage Zone)
      เพื่อปกป้องวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันก่อนการล่าอาณานิคม
      ไม่ให้ถูกทำลายหรือลบล้างโดยเขตแดนที่ถูกสร้างขึ้นจากอำนาจภายนอก

    ประวัติศาสตร์มิใช่เพียงอดีต
    แต่คือบาดแผล หรือบทเรียนของปัจจุบัน

    “เรามิได้เรียกร้องเพื่อแสวงหาความขัดแย้ง

    แต่เพื่อให้มนุษยชาติรู้ว่า ความจริงไม่ควรถูกฝังไว้ใต้ซากอิฐของอำนาจ”

    “ถ้า UNESCO มีหน้าที่รักษามรดกของมนุษย์

    ก็ขอจงอย่าละเลยมรดกที่ถูกฉกชิงด้วยกระสุนและคำสั่งจากเจ้าอาณานิคม”


    ปิดท้ายด้วยเจตนาสุจริต:

    พวกเราเชื่อมั่นว่า
    “การยอมรับความจริงทางประวัติศาสตร์ คือพื้นฐานของการเยียวยา”
    และการเยียวยาคือจุดเริ่มต้นของสันติภาพอย่างยั่งยืน

    ด้วยความเคารพสูงสุดต่อภารกิจของ UNESCO

    ในนามของประชาชนไทยผู้ยึดมั่นใน สัจจะ และมรดกแห่งบรรพชน

    ลงชื่อ:
    [ชื่อผู้เสนอ / กลุ่มประชาชน / องค์กร]
    [วัน เดือน ปี]
    [ช่องทางติดต่อ / อีเมล / เว็บไซต์ถ้ามี]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2025 at 13:38

แชร์หน้านี้

Loading...